วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

๒.๘๓ นำพระที่มีไปให้เขาเช่า เหมาะไหม?



ถาม
: ถ้านำพระเครื่องไปให้ผู้อื่นเช่าต่อ (เนื่องจากมีเยอะ) จะเป็นบาปไหมครับ? เหมาะสมไหม?

รับฟังทางยูทูบ :  https://youtu.be/CUUGIncn6bk

ดังตฤณ : 
ในเรื่องเกี่ยวกับการขายพระเนี่ยนะ เดี๋ยวไม่รู้พูดไปจะกระทบกระทั่ง หรือว่าจะเกิดความสะเทือนใจแก่ผู้ที่อยู่ในวงการแค่ไหน แต่อันนี้ขอให้มองเป็นอย่างนี้ก็แล้วกันว่า ผมพูดออกมาจากมุมมองของคนที่เคารพ แล้วก็ศรัทธาพระนะครับ คือถ้าอย่างเราจะตีราคาพระ เราควรตีจากวัสดุที่คนเขาอุตส่าห์ทำมาเนี่ย เราคงทำเองไม่ได้ใช่ไหม เราก็ต้องไปซื้อเขาน่ะ แต่ว่าซื้อมากะจะเอามาบูชา แล้วสิ่งที่จะเอามาบูชาก็อยากจะให้เป็นวัสดุที่มีความพิเศษ มีความมีค่านิดนึง ถ้าหากว่าเราไปจ่ายเงินที่จะซื้อสิ่งที่เขาทำมาสมราคาวัสดุเนี่ย มันก็ไม่ผิด 

แต่ถ้าหากว่าเป็นในกรณีของพระเครื่อง คือทำมาจากดินเนี่ยนะ สมัยก่อนเมื่อร้อยปีที่แล้ว เกจิอาจารย์เนี่ย ท่านอุตส่าห์ทำขึ้นมา ไม่ได้คิดมูลค่าอะไรเลย เอามาแจกญาติโยม เพื่อรักษาศรัทธาของพุทธศาสนิกชนให้มีความเคารพ ให้มีความยำเกรงพระสงฆ์องค์เจ้า ให้มีความรู้สึกว่าพุทธศาสนาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริง หรือว่าช่วยให้เกิดขวัญและกำลังใจแก่ทหาร ที่ไปเหมือนกับออกรบแล้วก็ปกป้องชาติ อะไรแบบนั้น ข้าศึกมารุกรานก็ไปปกป้อง ท่านก็ทำให้ไปแล้วทีนี้พอพบว่า เออ มันมีฤทธิ์ มีความคงกระพันชาตรี ก็กลายเป็นของมีราคาขึ้นมาจากความวิเศษ ขึ้นมาจากความมีมนต์ขลังของครูบาอาจารย์ ที่ท่านมีฤทธิ์ มีเดชนะครับ อย่างนั้นเนี่ย มันไม่ใช่เป็นการบูชาพระด้วยความเคารพเลื่อมใสแล้ว แต่เป็นการเห็นพระนะ ตีค่าพระเครื่องเนี่ย เป็นคล้ายๆกับเสื้อเกราะกันกระสุน หรือว่าบางคนมองเป็นยิ่งกว่านั้น เป็นคล้ายๆกับเสน่ห์ยาแฝดอะไรแบบเนี่ย จะมาดึงดูดให้ใจคนอื่นมาติดมาหลง นี่ไม่ใช่ความเคารพพระแล้ว นี่ไม่ใช่ความเลื่อมใสบูชาแล้ว นี่ไม่ใช่การแสดงออกซึ่งความศรัทธาในพระพุทธเจ้าแล้ว แต่เป็นการอยากหวังหาเงินนะครับ เห็นเรามีต้นทุนอยู่ มีพระเครื่องเป็นต้นทุน ก็ไม่เหมาะนะ 

ถ้าในมุมมองของผมนะครับ ไม่เหมาะเลย แล้วเท่าที่ทราบมา เท่าที่เห็นมา คนที่เล่นพระเครื่องในลักษณะของการซื้อมาขายไป ไม่ได้มีความเคารพเลื่อมใสเนี่ย หน้าจะหมองลงเรื่อยๆนะ คือบางคนหน้าตาอาจจะยังดูดี ยังเหมือนกับอาเสี่ยเนี่ย เพราะว่ารวยกันเป็นล้าน ขายทีหนึ่งหลายแสนหรือว่าหลายหมื่น อะไรแบบนั้นเนี่ยนะ แต่ว่าเท่าที่สังเกตลักษณะจิตใจเนี่ย จะตกต่ำลงไปเรื่อยๆ เพราะเห็นพระเห็นเจ้าเนี่ยเป็นเครื่องมือหากิน ไม่ใช่เห็นเป็นเหมือนกับสิ่งที่เราจะเคารพบูชา 

สังเกตได้ง่ายๆ คนที่เล่นพระในลักษณะซื้อขาย แบบเหมือนเก็งกันเป็น เก็งกำไรกัน คล้ายๆคอนโด คล้ายๆบ้านอะไรเนี่ย จะไม่ค่อยมีศีลธรรมกันเท่าไหร่ อันนี้จากมุมมองที่ผมตั้งข้อสังเกตโดยส่วนตัวนะ ไม่ได้ว่าใคร ไม่ได้บอกเหมารวมนะ แต่คือเท่าที่เห็นเนี่ย คือมีคนรู้จัก ก็เหมือนกับเดิมก็ไม่รู้จะเอายังไงกับพระสงฆ์องค์เจ้าแหละ ไม่รู้จะเคารพหรือไม่เคารพ แต่พอเข้าไปอยู่ในวงการพระเครื่อง เห็นเป็นของค้าของขาย เห็นพระเป็นของค้าของขาย เอาพระพุทธเจ้ามาว่ากันเป็นแสน เป็นล้าน หรือเป็นหมื่น มาต่อรองราคากันอย่างเดียว ไม่ได้นึกว่าพระพุทธเจ้าเนี่ย มีความน่าเคารพอย่างไร มีความน่าศรัทธา น่ากราบไหว้อย่างไร มันคล้ายๆกับว่าใจเขาเนี่ยไหว้พระไม่ลงนะ คือพอเห็นพระเนี่ยตีเป็นราคาหมด บอกพระองค์นี้เนี่ยไม่มีราคา พระตามบ้าน พระที่อยู่ตามหิ้งพระอะไรแบบนี้เนี่ย ไปมองว่าอย่างนี้ไม่มีราคา คือใจมันตีขึ้นมาเอง เพราะว่ามันตีราคาซื้อขายกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่พอเห็น เออ นี่พระสมเด็จนี่ มีค่าหนึ่งล้าน แบบนี้เนี่ยจิตใจมันไปหมกมุ่นกับการตีราคาพระ แล้วจะเอาใจที่ไหน เอาความเลื่อมใสมาจากที่ใด มากราบไหว้พระพุทธเจ้าได้ 

แล้วพอไม่เลื่อมใส ไม่ศรัทธาจริง เห็นพระเป็นเครื่องมือทำมาหากินอย่างเดียวเนี่ยนะ ในที่สุดแล้วมันก็เหมือนกับว่า ศรัทธาของชีวิตเนี่ย มันทุ่มไปที่ไหน ทุ่มไปที่เงิน เงินหลักแสน เงินหลักล้านเนี่ย มันมีค่ายิ่งกว่าพระ ขายพระได้เงินไง คือมันก็เลยมองว่า เงินเนี่ยมีค่ายิ่งกว่าพระ

ทีนี้ถ้าของเราเนี่ยนะ คืออย่าเสี่ยงดีกว่า คือผมเข้าใจแหละว่า ผู้ถามยังไม่ได้มีจิตใจแบบนั้น อย่างเนี่ยในคำถามนี้ก็คือว่า ไปให้ผู้อื่นเช่าต่อ แล้วก็ตั้งใจว่า เอาเงินที่ได้มาเนี่ยไปทำบุญช่วยเหลือวัดและผู้เดือดร้อน แล้วก็เอามาใช้จ่ายส่วนหนึ่ง ทีนี้คือในความเป็นจริงเนี่ยนะ ถึงแม้ว่าเราจะตั้งใจไว้แต่แรกเช่นนั้น แต่ว่าทำๆไปเนี่ย มันจะเผลอนะ มันจะเพลิน มันจะไม่ค่อยรู้สึกตัวนะ เวลาได้เงินมาแล้วก็รู้สึกว่า เอ๊ะ อันนี้มันทำได้นี่ แล้วก็เลยถูกชักจูงเข้าสู่เส้นทางแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว อันนี้ก็เป็นความเห็นนะ ก็อย่าไปมองว่าผมไปตั้งใจกระทบกระทั่งคนที่อยู่ในวงการอะไรแหละ 

คนที่อยู่ในวงการผมก็เข้าใจว่า มีหลากหลายที่ยังเคารพยังบูชาพระ หมายถึงว่าพระสงฆ์องค์เจ้า แล้วไปทำสังฆทานอะไรแบบนี้ก็ยังมีอยู่ คนที่มีจิตใจดีงามแล้วก็ตั้งใจรักษาศีลก็ยังมีอยู่ แต่ตรงนั้นต้องระวังจิต ระวังใจกันมากทีเดียว ถึงได้สามารถจะดำรงอยู่ในความศรัทธา ดำรงอยู่ในความมีใจเคารพพระได้ ไม่ใช่เห็นพระเป็น เพราะผมก็รู้จักพี่อยู่คนหนึ่ง ก็มีชื่อเสียงพอสมควรแหละ เป็นเซียนพระเลย แล้วทุกวันนี้เนี่ย ก็คือไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับวงการค้าขายล่ะ แต่ว่าเห็นพระเนี่ย สามารถตีราคาได้ บอกได้ว่าเป็นของจริงหรือของไม่จริง แล้วก็มีความเชี่ยวชาญชำนาญมากทีเดียวแหละ แต่ตัวท่านเองเนี่ยก็ปฏิบัติธรรม แล้วก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับวงการค้าขาย คือใครเอาพระมาให้ดูเนี่ย ดูให้ได้ แล้วก็เหมือนกับบอกได้ว่า ทำในสมัยไหน บอกได้ทีเดียวแหละว่า มีความขลังหรือเปล่า อะไรแบบนี้ แต่ว่าส่วนเรื่องราคาอะไรแบบนี้เนี่ย เขาก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวนะครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น