ถาม : รบกวนสอบถามว่าการที่แม่หวังดีกับเรา
และพยายามช่วยเหลือเรา แต่เราพิจารณาแล้วว่า
ความช่วยเหลือของท่านนั้นไม่เหมาะกับความเป็นจริงในชีวิตเรา
อย่างนี้เมื่อไม่ทำตามที่ท่านช่วยเหลือ ให้คำแนะนำจะเป็นบาปกรรมแค่ไหน? เราควรจะทำอย่างไรดี?
ตอนนี้ที่รู้สึกแน่ๆคือรู้สึกผิด เกิดความรู้สึกผิดขึ้นในใจ
รับฟังทางยูทูบ : https://youtu.be/YXoV6-v3XCQ
ดังตฤณ:
เกิดความรู้สึกผิดนั่นก็ดีแล้ว มันแสดงว่าเรามีความเกรงอก เกรงใจคุณแม่ แล้วก็มีความปรารถนานะ ว่าจะทำให้ท่านมีความสบายใจ ไม่ผิดหวัง ถ้าหากว่าเราไม่คำนึงถึงความรู้สึก ไม่คิดถึงหัวอกของท่านเลย ก็จะไม่ความรู้สึกทำนองนี้เกิดขึ้นมานะครับ
ดังตฤณ:
เกิดความรู้สึกผิดนั่นก็ดีแล้ว มันแสดงว่าเรามีความเกรงอก เกรงใจคุณแม่ แล้วก็มีความปรารถนานะ ว่าจะทำให้ท่านมีความสบายใจ ไม่ผิดหวัง ถ้าหากว่าเราไม่คำนึงถึงความรู้สึก ไม่คิดถึงหัวอกของท่านเลย ก็จะไม่ความรู้สึกทำนองนี้เกิดขึ้นมานะครับ
ทีนี้ถามว่าทำกับพ่อแม่อย่างไรถึงเป็นบาป
อันนี้ตั้งโจทย์อย่างนี้ก่อนดีกว่า ถ้าตั้งโจทย์อย่างนี้ได้
แล้วเราสามารถมาเปรียบเทียบกับกรณีของเรา ก็จะได้มองเห็นว่ากรรมของเราอยู่ตรงไหน
ใกล้เคียงกับคำว่าบาปหรือเปล่านะครับ
การที่เราจะทำไม่ดีกับพ่อแม่ชนิดที่เป็นบาปได้เนี่ย ก่อนอื่นเลยต้องมีความตั้งใจ
ให้ท่านเกิดความเจ็บช้ำน้ำใจยกตัวอย่างเช่น ที่ทุกคนในโลกนี้เนี่ย
เกิดมาแล้วหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้พ่อแม่เจ็บช้ำน้ำใจเนี่ย ก็ตอนเด็กนะ
ตอนเป็นเด็กยังไม่รู้ประสีประสานะครับ หรือที่เค้าเรียกว่าเด็กไม่รู้ประสานั่นแหละ
ก็จะมีหลายครั้งที่ดื้อเอาแต่ใจ แล้วก็จะเอาอะไรเอาให้ได้
แล้วก็ไม่พอใจที่พ่อแม่ไม่ยอมตามใจนะ ก็จะออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยง พูดไม่ดีใส่
กระแทกเสียงใส่ หรือว่าบางทีจงใจใช้คำ
ที่รู้ว่าพ่อแม่จะต้องเจ็บช้ำน้ำใจอะไรแบบนี้นะ มีกันมาทุกคน มีกันมาทุกชาติ
ทุกภาษานะครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาที่เรากำลังก้าวขึ้นเปลี่ยนจากความเป็นเด็กไปเป็นผู้ใหญ่เนี่ย
กึ่งๆกลางๆเนี่ย ช่วงวัยรุ่นเนี่ยนะ มักจะมีเรื่องระหองระแหงไม่พอใจ
แล้วก็เกิดการมีปากเสียงอะไรกับพ่อแม่เนี่ย มันแทบจะร้อยทั้งร้อยแหละ
น้อยมากคงนับหัวได้เลยก็แล้วกัน ที่ไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจ ก็ต้องมีกันทั้งนั้นแหละ
ไอ้ตรงนั้นแหละที่เรียกว่าเป็นบาปเป็นกรรม ความจงใจเนี่ยนะ
แต่ถ้าหากว่าเราพิจารนาตัวเองว่า ชีวิตโดยหลัก โดยภาพรวม
เมื่อมองโดยรวมๆแล้วเนี่ย เราเห็นว่าเรามีความรักใคร่พ่อแม่
แล้วก็มีอย่างน้อยที่สุดนะ บางคนไม่ต้องรักก็ได้ ก็ต้องยอมรับตามจริงว่า ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคู่ที่ทำให้ลูกรัก
หรือว่าลูกเกิดความรู้สึกนับถือนะ อย่างน้อยที่สุดต้องมีความเข้าใจว่า
เกิดเป็นมนุษย์เนี่ยยาก เกิดเป็นมนุษย์เนี่ยเกิดมาด้วยบุญ
แล้วมามีโอกาสทำบุญอย่างใหญ่ เพราะฉะนั้นผู้ที่มีบุญคุณสูงสุดในชีวิต
ก็คือผู้ให้ชีวิตเรามานั่นเอง ถ้าหากว่ามีความเข้าใจในภาพรวมของชีวิตได้อย่างนี้แล้ว
แล้วก็เกิดความตั้งใจว่า จะตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
อันนี้เรียกว่าเป็นภาพรวม ที่เป็นภาพของความสว่าง ที่เรานึกออกแล้วก็จะสบายใจได้
ว่าที่เราทำกับพ่อแม่นั้น เหมาะแล้ว ควรแล้วนะครับ คือมีความตั้งใจจะตอบแทนบุญคุณท่าน
และทีนี้การตอบแทนบุญคุณท่านเนี่ย
พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสบอกไว้นะ ว่านอกจากจะเลี้ยงดูท่าน
นอกจากจะตั้งใจทำให้ท่านมีความสุข มีความสบายใจแล้ว ก็ควรให้ท่านรู้จักธรรมมะนะ
สามารถที่จะเป็นผู้มีศรัทธาในธรรมมะในพระพุทธเจ้า สามารถที่จะเป็นผู้ที่มีความตั้งมั่นในทาน
มีความตั้งมั่นในศีล ถ้าหากว่าทำได้อย่างนี้แล้วเนี่ย
จะสบายใจได้เลยว่ารายละเอียดอื่นๆที่เหลือเนี่ยนะ จะพลาดไปทำให้ท่านเสียใจบ้าง
หรือไม่สมใจท่านบ้าง ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าไม่มีมนุษย์หน้าไหนที่สามารถทำให้คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเราเอง สนองตอบความต้องการของคนอื่นได้ตลอดเวลา
เป็นไปไม่ได้ ขอแค่ว่าเราไม่ได้จงใจให้ท่านเจ็บช้ำน้ำใจก็แล้วกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในกรณีที่ท่านหวังดีแต่ความหวังดีของท่านเนี่ย เกิดผลร้ายกับเรา
เกิดผลเสียกับเราเนี่ย เราสามารถที่จะมองเห็นอะไรได้ชัดเจนกว่า เนื่องจากเป็นตัวของเราเอง
ก็ไม่ต้องไปตามก็ได้ ไม่ต้องตามใจท่านก็ได้ บางทีนะถ้าลองคิดในอีกแง่มุมหนึ่ง
ถ้าหากว่าท่านทำอะไรให้เกิดความเสียหายกับชีวิตของเรา
โดยที่ท่านไม่ได้ตั้งใจแล้วเนี่ยเรารู้ทั้งรู้ก็ยอม ยินยอม
ก็เท่ากับทำให้ท่านก่อกรรมสำเร็จ ก่อความเดือดร้อนให้เรา
โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้สำเร็จ ซึ่งถ้าเราเกิดความเดือดร้อนในภายหลังจริงๆเนี่ย
ทั้งตัวเราแล้วก็ตัวท่านก็ย่อมเสียใจ คือเราคิดอย่างนี้ คิดแบบคนมองการณ์ไกล
ไม่เอาแค่ว่าจะตามใจให้ท่านได้สมปรารถนาทุกประการ
อันนี้ผมพูดโดยไม่ทราบรายละเอียดของเรื่องนะ มันก็อาจจะต้องดูเป็นเรื่องๆไปว่า
ท่านหวังดี ท่านช่วยเหลืออะไรกับเรา ทีนี้ความช่วยเหลือของท่านเนี่ย
ถ้าหากว่ามันเป็นผลเสีย เราพิจารณาแล้วว่าไม่เกิดผลดีกับใครแน่ๆ
และท่านเองก็จะต้องมาเสียใจในภายหลังว่า ทำให้เราเดือดร้อนนะ เดือดเนื้อร้อนใจ
อันนั้นเราก็สามารถที่จะอธิบาย หรือไม่ก็
ถึงแม้ว่าช่วงที่ท่านกำลังอยากนู่นอยากนี้ มันกำลังไม่อยากฟังคำอธิบายใดๆ
ถึงแม้ว่าท่านจะเสียใจไปบ้าง อันนั้นก็มาอธิบายภายหลัง
หลังจากท่านไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะดึงดันแล้วนะ
เอาล่ะคิดว่าคงน่าจะเป็นคำตอบ คือ
สรุปคือก็ไม่ได้เป็นบาป เป็นกรรมนะเพราะเราไม่ได้ตั้งใจ
คือถ้าพ่อแม่อยากของท่านเอง แล้วเราไม่สามารถสนองตอบเนี่ย
ด้วยเหตุคือความจำเป็นจริงๆ ไม่ใช่ว่าด้วยความจงใจอยากทำให้ท่านผิดหวัง
หรือทำให้ท่านเสียใจ มันไม่ได้เป็นบาปเป็นกรรมนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น