ถาม : ถ้าเรากำลังรักษาศีล
แต่เราเผอิญทำ "ผิดศีล" เช่น ตำหนิหรือว่าคนที่ทำผิดจริงๆ ถือว่า
ผิดศีลไหมคะ?
ดังตฤณ:
ถ้าหากว่าตำหนิในกรณีที่เขาผิดจริงด้วยเจตนาอนุเคราะห์
มันไม่ผิดศีล มันจะไปผิดได้ยังไง เอาความผิดข้อไหนมาวัด
การที่จะผิดศีลโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมุสาวาทก็คือ พูดปั้นน้ำเป็นตัว พูดเท็จชัดๆ
เลย รู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไรแต่ไปบิดเบือนให้มันบิดเบี้ยว แล้วไปพูดคำหยาบคาย
คำหยาบคายในที่นี้หมายถึงว่ามีเจตนาประทุษร้ายให้มีลักษณะของคำด่าที่เหยียดหยามให้ตกต่ำ ทำให้จิตใจตกต่ำ คนฟังเกิดความรู้สึกแย่
เกิดความรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ
หรือว่าแม้กระทั่งด่าด้วยคำสุภาพแต่ว่ามีความหมายที่หยาบโลน
หรือว่ามีความหมายที่ต่ำทรามมากๆ ก็เข้าข่ายทั้งสิ้นเลยนะครับ
นอกจากคำหยาบแล้วก็ยังมีคำส่อเสียดนินทาว่าร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็เรื่องของการใส่ไคล้กัน เรื่องของการปั้นเรื่องเพื่อที่จะทำให้ภาพลักษณ์หรือว่าทำให้บุคคลเกิดความเสียหายได้รับความเสียหาย อย่างนี้ก็เรียกว่าผิดศีลเหมือนกัน แล้วอันสุดท้ายก็คือพูดเพ้อเจ้อ เหมือนกับเราจิตใจกำลังฟุ้งซ่าน เลื่อนลอย ณ เวลานั้นพูดอะไรออกมามีแนวโน้มที่จะเพ้อเจ้อ มันจะพล่ามไปเรื่อย มันจะวกวนไม่หยุด พูดไปแล้วก็ยังกลับมาพูดอีก แล้วก็พูดแบบไม่มีสาระ ไม่มีแก่นสาร ไม่มีจุดหมายอะไรทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นการพูดในแบบที่เหลวไหลไร้สาระ ชักใบให้เรือเสีย เปลี่ยนเรื่องสาระให้กลายเป็นเรื่องไร้สาระ หรือว่าทำให้คนเขามีความเลื่อนลอยเหลวไหลตามตน อย่างนี้ก็เรียกว่าเป็นการผิดศีล แต่ตัวที่ผิดจริงๆ คือการบิดเบือนของจริงให้มันกลายเป็นของปลอม หรือทำของปลอมให้กลายเป็นของจริง แบบนี้ถึงจะเรียกว่าผิดศีล
นอกจากคำหยาบแล้วก็ยังมีคำส่อเสียดนินทาว่าร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็เรื่องของการใส่ไคล้กัน เรื่องของการปั้นเรื่องเพื่อที่จะทำให้ภาพลักษณ์หรือว่าทำให้บุคคลเกิดความเสียหายได้รับความเสียหาย อย่างนี้ก็เรียกว่าผิดศีลเหมือนกัน แล้วอันสุดท้ายก็คือพูดเพ้อเจ้อ เหมือนกับเราจิตใจกำลังฟุ้งซ่าน เลื่อนลอย ณ เวลานั้นพูดอะไรออกมามีแนวโน้มที่จะเพ้อเจ้อ มันจะพล่ามไปเรื่อย มันจะวกวนไม่หยุด พูดไปแล้วก็ยังกลับมาพูดอีก แล้วก็พูดแบบไม่มีสาระ ไม่มีแก่นสาร ไม่มีจุดหมายอะไรทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นการพูดในแบบที่เหลวไหลไร้สาระ ชักใบให้เรือเสีย เปลี่ยนเรื่องสาระให้กลายเป็นเรื่องไร้สาระ หรือว่าทำให้คนเขามีความเลื่อนลอยเหลวไหลตามตน อย่างนี้ก็เรียกว่าเป็นการผิดศีล แต่ตัวที่ผิดจริงๆ คือการบิดเบือนของจริงให้มันกลายเป็นของปลอม หรือทำของปลอมให้กลายเป็นของจริง แบบนี้ถึงจะเรียกว่าผิดศีล
การที่เราไปตำหนิ หรือว่าไปดุไปว่าใครเขาด้วยเจตนาที่จะทำให้เขาประพฤติปฏิบัติดีขึ้น หรือว่าเปลี่ยนผิดให้เป็นถูก อย่างนี้นอกจากไม่ผิดศีลแล้วยังเป็นการที่เราพยายามทำให้อะไรๆ มันถูกต้องขึ้นด้วย เป็นเรื่องดี บางทีเป็นบุญ แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็เคยตรัสนะครับว่า เราจะไม่เลี้ยงเธอแบบปล่อยปละละเลย เราจะขนาบ เราจะดุ เราจะเข้มงวด เราจะ เหมือนกับถ้าภาษาชาวบ้านสมัยนี้ก็คือ เอาหวายตีอะไรทำนองนั้น เพื่อที่จะให้เธอดีขึ้น เหมือนกับช่างปั้นหม้อต้องพยายามที่จะทุบ พยายามที่จะขนาบให้หม้อออกมามีรูปทรงที่ดีที่สุด สวยที่สุดนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น