วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

๓.๗๑ วิธีพูดให้ผู้ป่วยมะเร็งไปสบาย

ถาม : พ่อหนูใกล้เสียแล้วด้วยโรคมะเร็ง แต่หนูอยากให้พ่อไปสบาย จะมีวิธีไหนหรือเปล่าที่พอจะพูดให้พ่อฟังให้สบายใจได้?

รับฟังทางยูทูบ : https://youtu.be/rvhLglPiVB8

ดังตฤณ: 
เอาสูตรสำเร็จของพระพุทธเจ้าเลยก็แล้วกัน ท่านให้เข้าไปถาม เพื่อที่จะให้คนไข้ คนป่วยที่ใกล้จะต้องจากไปได้เกิดความสบายใจ ได้เกิดการถอนจากอาการยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง

คำว่าทำให้ถอนจากอาการยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง คือทิศทาง แต่วิธีการของแต่ละคน ก็อาจแตกต่างกันไปแล้วแต่รายละเอียด ซึ่งเรารู้จักคุณพ่อมาว่าคุณพ่อยังห่วงอะไรบ้าง คุณพ่อยังมีความยึดมั่น ถือมั่นอะไรมากบ้าง คุณพ่อยังคิดไม่ดีในเรื่องอะไรติดค้างอยู่บ้าง ถ้าหากว่าเรารู้แล้วเราก็ค่อยๆ พูดทีละเปลาะๆ ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านให้แนวทางไว้คร่าวๆอย่างนี้

อาจเริ่มต้นถามว่า ยังห่วงอะไรอยู่บ้าง ถ้าบอกว่า ยังห่วงลูก ยังห่วงหลาน เราก็บอกท่านว่า เดี๋ยวลูกเดี๋ยวหลานก็ตายตามไปเหมือนกัน ไม่มีใครอยู่ตลอดนะ ไม่มีใครที่จะน่าห่วงอยู่ในโลกนี้ไปอีกหลายๆร้อยปี ทุกคนจะต้องสิ้นภาวะความน่าห่วงในโลกนี้ไปตามกรรมของแต่ละคน หรือถ้าหากว่า ท่านยังห่วงสมบัติ ท่านยังห่วงเรื่องของความได้เปรียบเสียเปรียบ ผลประโยชน์อะไรต่างๆ เราก็พูดให้ฟังว่า เหล่านั้นก็ไม่มีใครที่จะสามารถครอบครองได้ตลอดไปเช่นกัน ในที่สุด ต่อให้ครอบครองได้อีกเป็นร้อยๆพันๆปี สิ่งของเหล่านั้นมันก็หมดค่าไปแล้ว

ถ้าหากว่าเราเห็นนะครับว่าท่านสามารถที่จะละ หรือว่าถอนจากความยึดมั่นถือมั่น อะไรที่มันหยาบๆได้แล้ว เราก็ถือโอกาสพูดถึงที่คนตายอยากรู้มากที่สุดเลยก็คือ ตายแล้วจะไปไหน ตายแล้วจะเป็นอย่างไร ขอให้เชื่อเถอะว่า มนุษย์ทุกคนนะ ต่อให้ปากแข็ง ต่อให้พูดกี่ครั้งกี่หนก็แล้วแต่ว่า ฉันไม่เชื่อว่าชีวิตหน้ามี ฉันไม่เชื่อเรื่อง นรก สวรรค์ แต่พอใกล้ตายนะ มันไม่เหมือนตอนกำลังมีชีวิตนะ มันคนละเรื่องเลยนะ ความรู้สึกมันจะอยากรู้ขึ้นมาว่า ตายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ให้เราถือโอกาสตรงนั้นพูด พูดในแบบที่พระพุทธเจ้าให้พูด อันนี้ถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนไกด์นะครับ

ท่านบอกให้ระลึกถึงบุญ ระลึกถึงกุศลที่เคยทำมา แล้วก็บอกว่า บุญกุศลที่ทำให้ใจสบาย ที่ทำให้ใจสว่างนั่นแหละ เป็นเหตุให้เข้าถึงความสบายที่มันยิ่งกว่าในโลกมนุษย์นี้ ได้แก่ ความเป็นทิพย์ของสวรรค์ เราก็พูดให้ท่านฟังว่า สวรรค์มีชั้นไหนบ้าง สวรรค์มีชั้นที่หนึ่ง ชั้นที่สอง ชั้นที่สาม จาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมานรดี ปรนิมิตวสวัตตี ลองไปค้นหา ลองไปศึกษาดูว่า สวรรค์แต่ละชั้น ท่านบรรยายสรรพคุณไว้อย่างไร เพื่อที่จะให้คนที่ใกล้จะต้องจากโลกนี้ไป ได้ระลึก ได้เอาจิตไปผูกอยู่กับสิ่งที่มันน่าสบายใจกว่าสิ่งที่กำลังจะต้องจากไป โลกที่กำลังจะต้องจากไป

นอกจากเราจะบรรยายสรรพคุณสวรรค์ วิมานอะไรต่างๆนะ สิ่งสำคัญก็คือเราต้องพูดถึงต้นเหตุให้สามารถเข้าถึงได้ ต้นเหตุนั้นก็คือ ก่อนอื่นเลย ละความพอใจในโลกนี้เสีย แล้วก็มีความพอใจ ทำความพอใจในบุญ ในกุศลที่เคยทำมา ความพอใจในบุญ ในกุศลที่เคยทำมานี่แหละ จะเป็นตัวปรุงแต่งจิตให้เกิดความสว่างไสว ปรุงแต่งจิตให้เกิดความเบิกบาน สำราญ แล้วก็มีความพร้อมที่จะจากไปด้วยความสงบ ไม่ทุรนทุรายนะครับ พูดกับท่านนี่

อันนี้เป็นแค่หลักการคร่าวๆ แต่ว่าเวลาคุณพูดจริงๆคุณต้องสังเกตอาการของท่านเองด้วย แล้วตัวคุณเองจะต้องมีธรรมะ ทั้งในแง่ของความรู้ และในแง่ของความเย็น นอกจากคุณจะบรรยายเรื่องของสวรรค์ ให้ท่านฟังได้แล้ว ใจของคุณจะต้องมีความเย็นให้ท่านรู้สึก มันเหมือนกับเปิดแอร์ แล้วก็เปิดเพลงให้ฟัง แอร์ก็คือใจของเรา กระแสทางใจของเราที่มันมีความอ่อนโยน มันมีความเยือกเย็น ส่วนเสียงเพลงก็คือ เสียงของธรรมะที่เราอ่าน หรือว่าเราพูดให้ท่านฟัง อาจจะเอาคำพูดของพระอาจารย์ที่ไหนที่เราเคารพมาพูดให้ท่านฟังก็ได้ หรือว่าเอาซีดีเสียงของท่าน มาเปิดให้คุณพ่อฟังก็ได้นะ ขอให้ท่านได้ฟังอะไรดีๆ นึกภาพตามได้ถึงสิ่งดีๆก็แล้วกันนะครับ

สำคัญอย่างหนึ่งก็คือจะต้องไม่แสดงความเศร้าโศกเสียใจให้ท่านเห็น เพราะอาการเศร้าโศกเสียใจจะเป็นพันธะ เป็นแรงยึดให้ท่านเกิดความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ ถ้าเกิดความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ปุ๊บ บางทีพูดมาตั้งยืดยาวนะ เสียเปล่าเลยนะครับ คือไม่มีประโยชน์เลย เนื่องจากว่าอาการทางใจของคนใกล้ตาย สิ่งสำคัญที่สุดคือ ‘อาการปล่อย’ คืออาการทิ้ง คืออาการลอยตัวเหนือจากภาวะที่มันเป็นภาระเก่าๆ หรือว่าความรุ่มร้อนเก่าๆ แม้กระทั่งลูกเมีย แม้กระทั่งบุคคลอันเป็นที่รัก ก็อย่าให้ท่านยึด แต่ให้ท่านยึดเอาความดีความงาม ให้ท่านนึกออกว่า ท่านเคยทำอะไรดีๆมาไว้บ้าง ถ้าหากว่าท่านนึกออกมากเท่าใด นั่นก็ยิ่งประกันว่าท่านจะไปได้สบายมากขึ้นเท่านั้นนะครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น