ถาม : รู้สึกเข้ากับสังคมใหม่ๆไม่ได้บ่อยๆ
พอเข้าสังคมใหม่ทีก็รู้สึกเข้าไม่ได้ แสดงว่าอาการของใจเราเป็นอย่างไร
ถึงได้รู้สึกแปลกแยกไปเอง ซึ่งหลังๆก็รู้สึกเหมือนว่า
มีคนเป็นแบบนี้เยอะขึ้นในสังคม อยากแก้อาการของใจเช่นนี้?
รับฟังทางยูทูบ https://youtu.be/vQxcAUCZpV4
รับฟังทางยูทูบ https://youtu.be/vQxcAUCZpV4
ดังตฤณ :
เพื่อที่จะให้คำตอบ เพื่อที่จะให้ใจของเราเนี่ยมันเฟรนด์ลี่หรือว่าเป็นมิตรง่าย ไม่ใช่เราจะไปฝืนใจ หรือบังคับใจให้ตัวเองเนี่ย สามารถต่อได้ติดกับทุกๆคน จำไว้นะเป็นคีย์เวิร์ดนะ ไม่ใช่บังคับใจให้ตัวเองต่อได้ติดกับทุกๆคน เพราะนั่นจะยิ่งทำให้เรารู้สึกอึดอัด เป็นภาระ เห็นสังคมเนี่ยเหมือนกับอะไรที่ต้องใส่บ่าแบกไว้ หรือว่าเอามาอุ้มไว้ ความรู้สึกทางใจลึกๆที่มันเป็นทุกข์กับการต้องแบกภาระเนี่ย มันจะทำให้ยิ่งเกิดความรู้สึกต่อต้าน เกิดความรู้สึกไม่อยากเป็นพวกเดียวกัน ไม่อยากที่จะเข้ากัน เราควรจะจำไว้ในใจอย่างนี้ว่า ถ้าไม่ชอบให้ยอมรับไปตามตรงว่าไม่ชอบ ถ้าเกิดความรู้สึกต่อต้านให้ยอมรับไปตรงๆว่ารู้สึกต่อต้าน แต่นะค่อยๆพูด ค่อยๆคุย ในแบบที่อาจจะพูดเบาๆหรือว่าเลือกพูดอะไรที่มันเป็นถ้อยคำดีๆการพูดในแบบที่มีการเลือกแล้วว่า นี่เป็นถ้อยคำดีๆเป็นถ้อยคำที่มันจรรโลงใจ มันเป็นถ้อยคำที่น่าฟัง นอกจากจะทำให้คนอื่นเขารู้สึกดีแล้ว รู้สึกรื่นหูแล้ว ตัวเราเองใจเราเองจะยังเกิดความรู้สึกที่เป็นกุศลขึ้นมาทีละน้อยด้วย
ต้องจำไว้นะไม่ใช่เจอปุ๊บ แล้วมันจะมีกุศลทางใจขึ้นมาได้ทันที แต่ว่าเราต้องเลือกคำพูด เลือกที่จะใช้วิธีพูดในแบบที่ก่อให้เกิดความรู้สึกดีๆต่อคนอื่นเขา แล้วความรู้สึกทางใจของเรามันจะค่อยๆเบิกบานขึ้นทีละนิดๆความรู้สึกที่มันเป็นบวกที่ได้พูดอะไรดีๆที่ได้คิดอะไรดีๆตรงนั้นแหละ ที่มันจะก่อให้เกิดความรู้สึกเป็นบวกต่อสังคมขึ้นมา โดยไม่ต้องฝืนบังคับ แล้วยิ่งถ้าหากว่า เรามีช่องทางสักเล็กน้อยที่จะต่อได้ติดกับใครบางคนในสังคมใหม่นั้นๆ ก็ให้ความใส่ใจกับเขามากเป็นพิเศษ คือแค่พบโอกาสเพียงน้อยนะ ขอให้นึกว่า เราเป็นนักฉวยโอกาสที่จะไปสร้างสมบุญ สร้างสมกุศล ร่วมกันคนอื่น ถ้าหากว่าใครทำให้เรารู้สึกดีเพียงน้อย ให้เราใส่ใจกับเขา เอาใจไปใส่กับเขา แล้วมีแก่ใจที่จะสื่อสารในแบบที่มันผูกมิตรกันได้ เราก็รู้สึกไม่ต่อต้าน เราก็จะรู้สึกว่า นี่เป็นการไม่ต้องมาฝืนกัน ไม่ต้องมาใส่หน้ากากกัน
คือคนเนี่ยพอรู้สึกเข้ากันไม่ได้กับสังคมใหม่เนี่ยนะ โดยธรรมดาจะมีอยู่แค่ ๒ ปฏิกิริยา หนึ่งคือ อยากสะบัดหน้าหนีเลย ใจก็เต็มไปด้วยความรำคาญ เต็มไปด้วยความขัดเคืองว่า ทำไมฉันจะต้องมาอยู่กับสังคมที่มันกระจอกแบบนี้ หรือว่ามีความไม่น่าเข้าใกล้แบบนี้ อันนั้นเป็นปฏิกิริยาแบบหนึ่ง อีกปฏิกิริยาหนึ่ง ก็คือว่า จะแกล้ง แกล้งทำเป็นดี เพื่อที่จะได้ชื่อว่าเป็นคนเข้ากับคนอื่นได้ ซึ่งทั้ง ๒ อย่างเนี่ย มันสร้างความรู้สึกลบในระยะยาวทั้งสิ้น
แต่ถ้าหากว่าเรายอมรับตามจริงก่อน มันอึดอัดนะ แล้วเราเป็นผู้ที่บอกตัวเองนะครับว่า เรากำลังหาทางออก หาทางออกด้วยการที่สร้างคำพูดดีๆเพื่อที่จะปรุงแต่งจิตใจของเราเองให้เป็นกุศล ให้มีความสว่าง ตลอดจนหาใครสักคน หาโอกาสสักโอกาสหนึ่งที่รู้สึกเข้ากันได้ ไม่ต้องฝืน แล้วก็ไปเอาใจใส่เขา เอาใจไปใส่เขามากๆนี่ตรงนี้ มันก็จะกลายเป็นการพลิกมุมมอง แทนที่เราจะรู้สึกว่า นี่สังคมแปลกใหม่ที่มันมีเราเข้ามาแปลกปลอม มันก็จะกลายเป็นว่า เราเนี่ยเข้ามาอาศัยสังคมใหม่นี้ ในการฝึกสร้างกุศลทางใจ ฝึกสร้างที่นิสัยที่มันจะเป็นมิตรง่ายนะครับ พอเราสามารถผูกมิตรได้อย่างเป็นกันเองกับคนอื่นๆเดี๋ยวมันก็จะมีคนต่อๆไปติดตามมาเองนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น