ขอวิธีสยบความใจร้อนและเอาแต่ใจตัวค่ะ?
รับฟังทางยูทูบ : youtu.be/DwZ9djByZSU
คนเราที่ใจร้อนนะครับ การใจร้อนเนี่ยเราก็ต้องรู้ว่าหน้าตาความร้อนมันเป็นอย่างไร ถ้าหากว่ารู้สึกถึงความกระวนกระวาย ถ้าหากว่ารู้สึกถึงความรุ่มร้อนในอกนะครับ แล้วมีอาการความคิดแล่นจี๋ๆๆขึ้นมาเนี่ย ถ้าหากเรารู้นะ เราจะเห็นโทษของมัน แต่ถ้าหากไม่รู้ แล่นตามความร้อนไป หรือว่ามีอาการ แรงดันของการคิด การพูด การทำที่เป็นไปในทางเดียวกันกับความร้อนเนี่ย เราจะไม่มีทางที่จะจับได้ไล่ทัน ไม่มีทางที่จะรู้ลักษณะของความร้อนที่เกิดขึ้น
แต่เมื่อไหร่ที่อาการใจร้อนเกิดขึ้น หรือว่าความคิดที่มันหมุนจี๋อย่างรวดเร็วเนี่ยนะครับ มันสำแดงตัวขึ้นมาในหัวของเรา แล้วเราเกิดความมีสติ สามารถที่จะรู้สึกได้ว่าความร้อนหน้าตาเป็นอย่างไร อาการกระวนกระวายกระสับกระส่ายหน้าตาเป็นอย่างไร มันจะให้เห็นเหมือนกับมีอะไรวิ่งๆอยู่ในอก มันจะเหมือนกับมีเตาไฟอยู่ในเนื้อในตัว อยู่ใต้ผิวหนังเนี่ยนะครับ หรือว่าในหัวเนี่ยรู้สึกเหมือนกับว่ามีพายุปั่นอยู่ พายุทอร์นาโด พายุไต้ฝุ่นอะไรแบบนี้เนี่ยนะครับ ความรู้สึกเกี่ยวกับอาการใจร้อนหน้าตาเป็นอย่างไรที่มันกำลังปรากฏอยู่ แล้วเราสามารถรู้ได้ ใจจะค่อยๆเห็นโทษจริงๆ ‘เมื่อใจค่อยๆเห็นโทษของอาการปรุงแต่งแบบไหน มันจะค่อยๆคลายจากอาการยึดการปรุงแต่งแบบนั้นๆไปเอง โดยไม่ต้องพยายาม’ อันนี้จำไว้เป็นคีย์เลยนะครับ
คนส่วนใหญ่จะไปหาอุบาย หาโน่นนี่นั่นมา ซึ่งมันก็ใช้ได้เป็นคราวๆ แต่ตราบใดใจไม่เห็นโทษของความใจร้อนจริงๆ ไม่เห็นว่ามันไม่ดีอย่างไรนะครับ มันจะไม่มีทางคลาย กลไกทางจิตมีอยู่แค่นี้ ‘ยึดหรือไม่ยึด’ ถ้าหากไม่เห็นโทษมันก็ยังยึดอยู่นั่นแหละ ยึดอยู่เพราะอะไร เพราะนึกว่านั่นเป็นนิสัยของเรา นึกว่านั่นเป็นตัวเป็นตนของเรา นึกว่านั่นเป็นเอกลักษณ์ของเรา คนเราเนี่ย หวงตัวตน อะไรก็แล้วแต่ ที่เข้ากันกับตัวตนได้ เข้ากันกับอาการยึดของจิตได้ มันยึดหมด มันหวงไว้หมด แต่ถ้าหากว่าเปลี่ยนใหม่กลายเป็นมีสติ แล้วเห็นว่า เออ มันมีโทษอย่างนี้ มันทำให้กระสับกระส่าย ใจไม่เป็นสุขเลย เห็นเข้าเป็นเดือนๆ เห็นเข้าเป็นปีๆ นิสัยมันเปลี่ยนเอง เพราะอะไร เพราะใจเนี่ยมันเริ่มฉลาด มันไม่อยากยึดในสิ่งที่มันเป็นของร้อน ไม่อยากยึดในสิ่งที่มันเป็นพายุ เปรียบเหมือนคนที่ยังไม่เข็ดกับลมบ้าหมูหรือว่าพายุไต้ฝุ่นอะไรแบบนี้ที่มันจะมา ยังสนุกกะมันอยู่นะครับ จนกระทั่งเห็นชัด วันนึงเห็นชัดขึ้นมาว่ามันมาทีไร ความพินาศมาเยือนทุกครั้ง หรือว่าถ้าไม่พินาศเรายังเล่นสนุกกับมันอยู่ เราเล่นสนุกอยู่กับมันห่างๆ แล้วได้รับความเดือดร้อนไม่มากก็น้อย เดี๋ยวก็เป็นแผลเล็กแผลน้อย ถลอกอะไรบ้างเนี่ยนะครับ เห็นบ่อยๆเข้ามันเกิดความเบื่อ คือมันจะไม่นึกถึงความสนุกตอนที่พายุมา ไม่นึกถึงไอ้ความหวง ไอ้ความร้อน หรือว่าความกระวนกระวายกระสับกระส่ายที่มันเกิดขึ้น แต่จะไปนึกถึงผลของความร้อนที่มันทำให้เนื้อตัวไม่สบาย
ผลของอารมณ์ที่มันกระสับกระส่าย มีความวุ่นวาย ที่ทำให้ไม่เป็นสุข ตัวที่รู้สึก จำได้ชัดๆเนี่ยว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ไม่มีความสุขเมื่อนั้น ตัวนี้แหละที่จะทำให้จิตถอนนะครับ
รับฟังทางยูทูบ : youtu.be/DwZ9djByZSU
คนเราที่ใจร้อนนะครับ การใจร้อนเนี่ยเราก็ต้องรู้ว่าหน้าตาความร้อนมันเป็นอย่างไร ถ้าหากว่ารู้สึกถึงความกระวนกระวาย ถ้าหากว่ารู้สึกถึงความรุ่มร้อนในอกนะครับ แล้วมีอาการความคิดแล่นจี๋ๆๆขึ้นมาเนี่ย ถ้าหากเรารู้นะ เราจะเห็นโทษของมัน แต่ถ้าหากไม่รู้ แล่นตามความร้อนไป หรือว่ามีอาการ แรงดันของการคิด การพูด การทำที่เป็นไปในทางเดียวกันกับความร้อนเนี่ย เราจะไม่มีทางที่จะจับได้ไล่ทัน ไม่มีทางที่จะรู้ลักษณะของความร้อนที่เกิดขึ้น
แต่เมื่อไหร่ที่อาการใจร้อนเกิดขึ้น หรือว่าความคิดที่มันหมุนจี๋อย่างรวดเร็วเนี่ยนะครับ มันสำแดงตัวขึ้นมาในหัวของเรา แล้วเราเกิดความมีสติ สามารถที่จะรู้สึกได้ว่าความร้อนหน้าตาเป็นอย่างไร อาการกระวนกระวายกระสับกระส่ายหน้าตาเป็นอย่างไร มันจะให้เห็นเหมือนกับมีอะไรวิ่งๆอยู่ในอก มันจะเหมือนกับมีเตาไฟอยู่ในเนื้อในตัว อยู่ใต้ผิวหนังเนี่ยนะครับ หรือว่าในหัวเนี่ยรู้สึกเหมือนกับว่ามีพายุปั่นอยู่ พายุทอร์นาโด พายุไต้ฝุ่นอะไรแบบนี้เนี่ยนะครับ ความรู้สึกเกี่ยวกับอาการใจร้อนหน้าตาเป็นอย่างไรที่มันกำลังปรากฏอยู่ แล้วเราสามารถรู้ได้ ใจจะค่อยๆเห็นโทษจริงๆ ‘เมื่อใจค่อยๆเห็นโทษของอาการปรุงแต่งแบบไหน มันจะค่อยๆคลายจากอาการยึดการปรุงแต่งแบบนั้นๆไปเอง โดยไม่ต้องพยายาม’ อันนี้จำไว้เป็นคีย์เลยนะครับ
คนส่วนใหญ่จะไปหาอุบาย หาโน่นนี่นั่นมา ซึ่งมันก็ใช้ได้เป็นคราวๆ แต่ตราบใดใจไม่เห็นโทษของความใจร้อนจริงๆ ไม่เห็นว่ามันไม่ดีอย่างไรนะครับ มันจะไม่มีทางคลาย กลไกทางจิตมีอยู่แค่นี้ ‘ยึดหรือไม่ยึด’ ถ้าหากไม่เห็นโทษมันก็ยังยึดอยู่นั่นแหละ ยึดอยู่เพราะอะไร เพราะนึกว่านั่นเป็นนิสัยของเรา นึกว่านั่นเป็นตัวเป็นตนของเรา นึกว่านั่นเป็นเอกลักษณ์ของเรา คนเราเนี่ย หวงตัวตน อะไรก็แล้วแต่ ที่เข้ากันกับตัวตนได้ เข้ากันกับอาการยึดของจิตได้ มันยึดหมด มันหวงไว้หมด แต่ถ้าหากว่าเปลี่ยนใหม่กลายเป็นมีสติ แล้วเห็นว่า เออ มันมีโทษอย่างนี้ มันทำให้กระสับกระส่าย ใจไม่เป็นสุขเลย เห็นเข้าเป็นเดือนๆ เห็นเข้าเป็นปีๆ นิสัยมันเปลี่ยนเอง เพราะอะไร เพราะใจเนี่ยมันเริ่มฉลาด มันไม่อยากยึดในสิ่งที่มันเป็นของร้อน ไม่อยากยึดในสิ่งที่มันเป็นพายุ เปรียบเหมือนคนที่ยังไม่เข็ดกับลมบ้าหมูหรือว่าพายุไต้ฝุ่นอะไรแบบนี้ที่มันจะมา ยังสนุกกะมันอยู่นะครับ จนกระทั่งเห็นชัด วันนึงเห็นชัดขึ้นมาว่ามันมาทีไร ความพินาศมาเยือนทุกครั้ง หรือว่าถ้าไม่พินาศเรายังเล่นสนุกกับมันอยู่ เราเล่นสนุกอยู่กับมันห่างๆ แล้วได้รับความเดือดร้อนไม่มากก็น้อย เดี๋ยวก็เป็นแผลเล็กแผลน้อย ถลอกอะไรบ้างเนี่ยนะครับ เห็นบ่อยๆเข้ามันเกิดความเบื่อ คือมันจะไม่นึกถึงความสนุกตอนที่พายุมา ไม่นึกถึงไอ้ความหวง ไอ้ความร้อน หรือว่าความกระวนกระวายกระสับกระส่ายที่มันเกิดขึ้น แต่จะไปนึกถึงผลของความร้อนที่มันทำให้เนื้อตัวไม่สบาย
ผลของอารมณ์ที่มันกระสับกระส่าย มีความวุ่นวาย ที่ทำให้ไม่เป็นสุข ตัวที่รู้สึก จำได้ชัดๆเนี่ยว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ไม่มีความสุขเมื่อนั้น ตัวนี้แหละที่จะทำให้จิตถอนนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น