ถาม : การที่คู่รักที่ไม่ได้หมั้นหมายหรือแต่งงานกัน
คนใดคนหนึ่งเกิดการนอกกายหรือแม้กระทั่งนอกใจแบบนี้ถือว่าบาปไหม? ไม่ว่าจะเจตนาอย่างไร
บทลงโทษของการเป็นแฟนกันกับคู่ที่แต่งงานเป็นสามีภรรยานี่ต่างกันมากน้อยแค่ไหน?
มันขึ้นอยู่กับการให้สิทธิ์ในการครอบครอง
แล้วก็การเปิดเผยเป็นที่รับรู้ของสังคมทั่วไปแล้ว
สมัยก่อนเนี่ยมันชัดเจนว่าคู่หมั้นคู่หมาย
มีเครื่องหมั้นเครื่องหมายประดับตัวกันไว้ อย่างเช่นเอาพวงมาลัยคล้องรู้เลยว่า
โอเคอันนี้มีคู่หมั้นแล้ว คือไม่ใช่คล้องคอตลอดเวลาเหมือนแหวนหมั้นนะ
แต่เขาก็จะคล้องกันวันสองวันหรืออะไรอย่างนี้เนี่ย
คือจะให้ชาวบ้านเห็นมีการจับจองแล้ว มีคนเป็นเจ้าของแล้ว
ซึ่งถ้าตามหลักธรรมหลักของศีล ถ้าหากว่าจับจองไปแล้วเนี่ยถือว่ามีเจ้าของแล้ว
ถ้าหากว่าไปละเมิด ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ก็คือละเมิดศีลแล้ว ละเมิดผิดศีลข้อ
๓ แล้ว ถือว่าไปเอาคนที่มีเจ้าของมาประพฤติผิดกัน
ถ้ามองกันตรงนี้นะ
ตรงที่ว่าเรายึดเอาการรับรู้ของชาวบ้าน การรับรู้ของคนทั่วไปว่าเป็นคู่กันแล้ว
สมัยนี้เป็นผัวเมียกันทั้งนั้นแหละ ที่เรียกว่า ’แฟน’ กัน ที่ยังไม่ได้แต่งงาน
ที่ยังไม่ได้หมั้นหมายกัน แต่เป็นที่รับรู้ของชาวบ้านแล้ว
เวลาตีความต้องตีความอย่างนี้ สมัยก่อนคือเวลาเขาจองตัวกัน
เขาจองกันแค่ด้วยการคล้องพวงมาลัย แล้วบอกว่าเนี่ยเป็นคู่หมั้นฉัน
ห้ามไม่ให้มีใครมาแตะต้องแล้วนะ เป็นสิทธิ์ของฉันแล้วนะ
แล้วก็เกิดการรับรู้ในคนทั่วๆไปว่าเป็นสิทธิ์ของใครไปแล้ว
ทีนี้ถ้ามองในปัจจุบันก็คือว่า
การไปไหนมาไหนด้วยกัน ซึ่งสมัยก่อนไม่ได้อิสระเหมือนอย่างทุกวันนี้
ในสังคมเมืองทั่วโลกเนี่ยนะ ไปไหนมาไหนด้วยกันเนี่ย ก็มีการเปิดเผยนะครับ
บางทีเนี่ยอยู่ห้องเดียวกันเป็นปีๆนะ บอกยังไม่ได้แต่งงานกัน
โอ๊ยมีสิทธิ์อะไรต่างๆเนี่ยนะ ถ้าคู่ของเราเนี่ยเขาไม่ได้ยินยอมพร้อมใจด้วยว่า
จะไปมีสิทธิ์ที่ไหนก็ได้ อะไรอย่างนี่ก็ถือว่าไม่ใช่แล้วนะ เราเออออไปคนเดียว
เราคิดไปเองคนเดียว ก็จะต้องถือเอาตรงนี้แหละว่า
ถ้าเป็นที่รับรู้ของคนทั่วไปแล้วว่าอยู่กินกันนะครับ หรือว่าเป็นแฟนกันนานๆเนี่ยนะ
ไม่มีสิทธิ์ที่ใครเขาจะแตะต้องเหมือนกัน ถ้าแตะต้องหรือว่ามีอะไรกัน
มันเป็นความผิดนะครับ ในแง่ของศีลธรรม
คำว่า ‘สิทธิ’
เนี่ยไม่ได้ผูกอยู่กับการแต่งงานอย่างเดียวอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ
คำว่าสิทธิอยู่กับการยินยอมให้ถือครอง ถ้าไปไหนมาไหนด้วยกันนานๆ แล้วทุกคนเห็นกันหมดแล้วนะ
เพื่อนฝูงญาติมิตรเนี่ยรู้ว่าเป็นแฟนเป็นคู่ควงกัน ก็ถือว่าถ้าจะสละสิทธิ์ต่อกัน
ต้องตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย แล้วก็บอกกล่าวให้กับคนรู้จัก
คนทั่วไปได้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่ใช่เรายังถือว่าคนนี้เป็นแฟนอยู่
แล้วก็ไปมีอะไรกับใคร โดยที่บอกว่ายังไม่ได้แต่งงานกัน ไปอ้างแบบนี้ไม่ได้
ทีนี้บทลงโทษของการที่ว่าจะแต่งงานแล้วกับไม่แต่งงานแล้วเนี่ย
อันไหนหนักกว่ากัน ก็ไม่ได้มีอะไรที่มันเป็นกฎเกณฑ์ตายตัวหรอก
แต่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้นะ ผู้ที่ละเมิดศีลข้อกาเม
หลังจากไปชดใช้กรรมในนรกหรือว่าอบาย สำหรับคนที่ผิดศีลข้อ ๓ เป็นประจำเนี่ย
พระพุทธเจ้าตรัสว่าสั่งสมให้มากแล้ว ทำเป็นประจำแล้วจนชินชาชาด้านแล้ว
ก็จะนำไปสู่นรกหรือไม่ก็ความเป็นสัตว์เดรัจฉานหรือไม่ก็ความเป็นเปรตอย่างใดอย่างหนึ่ง
ขึ้นอยู่กับโทษานุโทษ คือยิ่งทำมากเท่าไหร่เนี่ยกรรมมันยิ่งหนัก ยิ่งถ้าหากว่าจงใจ
ทำให้ใครต่อใครเจ็บใจด้วยวิธีการทางชู้สาวเนี่ย อย่างนี้ถึงนรกนะ
เพราะว่ามีความร้อนแรงมาก
แต่ถ้าหากว่าทำเหมือนกับไปสำส่อนไม่เลือกนะ
แล้วชีวิตเนี่ยรู้สึกว่าจมอยู่กับความเน่าเหม็นของกามไม่เลือกหน้า
อันนี้ส่วนใหญ่ก็ไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน เพราะว่าความเป็นสัตว์เดรัจฉานหมายถึงความเน่าเหม็นนะครับ
ส่วนการเป็นเปรต ก็จะเป็นประเภทที่ว่าทำบ้างไม่ทำบ้าง
แต่ว่าตัดไม่ขาดอะไรแบบนั้น
ส่วนถ้าจะยกระดับขึ้นมาเป็นมนุษย์ได้
ถ้าบุญเก่าสามารถมาเกิดในท้องมนุษย์ได้อีก พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าโทษอย่างเบา
โทษสถานเบาของผู้ที่ละเมิดศีลข้อ ๓ ก็คือเป็นผู้มีภัยเวร คือ
มีสภาพที่น่าจะหาเรื่อง น่าจะเอาเรื่องด้วย พูดง่ายๆเลยว่าเคยไปทำให้ใครเขาเจ็บใจ
เกี่ยวกับเรื่องทางชู้สาวมา เขาก็จะจำได้ง่ายๆเลย แล้วก็มันจะมีเหตุให้ผูกกัน
เป็นเรื่องบาดหมาง เป็นเรื่องบาดใจบาดหูบาดตาไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่าจะเกิดการอโหสิ
โดยวิธีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าสู่นิพพานไป ไม่งั้นนี่ยาก
เรื่องทางชู้สาวเวลาบาดใจกันแล้วมันนาน มันยืดเยื้อ โอกาสที่จะอโหสิเนี่ย
ต้องเป็นคนที่มีโอกาสเกิดในพุทธศาสนา
หรือว่าศรัทธาในศาสนาใดลัทธิใดลัทธิหนึ่งที่สอนเรื่องของการให้อภัย
สอนเรื่องการเห็นประโยชน์ของการที่เราจะไม่ต้องมีภัยมีเวรต่อกัน เลิกแล้วต่อกัน
แล้วก็มีใจที่สะอาดบริสุทธิ์ ต่างฝ่ายต่างอโหสิให้กันทั้งคู่
อย่างนี้ก็ถึงจะพ้นจากภัยเวรที่ผูกๆกันมาได้นะครับ
แต่ส่วนใหญ่มันยากนะ
คือถ้าหากว่าเราทำให้ใครเขาเจ็บใจในเรื่องเกี่ยวกับชู้สาวเนี่ย มันมักจะเป็นปม
เป็นบาดแผลที่ซ่อนอยู่ลึกๆ เห็นหน้ากันเมื่อไหร่ก็จะมีความรู้สึกเสียวแปลบ
เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ เกิดความรู้สึกว่าไม่สามารถคบหากันได้สนิทใจ
ถึงแม้ว่าจะเลิกรากันไปแล้ว ก็ขอให้มองอย่างนี้ก็แล้วกันนะ โทษสถานหนักก็คือ
ทำบ่อยๆ มันไปถึงอบายได้ แต่ถ้าแค่ครั้งสองครั้งแล้วกลับสำนึกได้
มันก็ไม่เท่าไหร่นะครับ คืออาจจะมีความบาดหมางบ้าง
แต่ว่าถ้าหากคุยกันดีๆก็คืนดีกันได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น