วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

๔.๗๒ แก้อย่างไร กับใจที่ขัดแย้ง?

ถาม :  คนที่มีความขัดแย้งในตัวเอง สามารถเจริญสติจนบรรลุมรรคผลได้หรือไม่? ทำอย่างไรให้เลิกรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง?

รับฟังทางยูทูป
: https://youtu.be/d_JfMjiphaw


ดังตฤณ:  คนที่มีความขัดแย้งในตัวเอง สามารถเจริญสติจนบรรลุมรรคผลได้หรือไม่? ทำอย่างไรให้เลิกรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง?

ได้นะ ถ้าถามแบบกว้างๆว่า คนๆนั้นสามารถบรรลุมรรคผลได้หรือเปล่า ถ้าคนๆนั้นในชาติๆนั้น ไม่ได้ทำ อนันตริยกรรมคือ ฆ่าแม่ ฆ่าพ่อ ฆ่าพระอรหันต์ แล้วก็เป็นพระที่ทำสงฆ์ในอาวาสเดียวกันแตกกัน แล้วก็ไม่ได้ทำพระพุทธเจ้าห้อเลือด ซึ่งปัจจุบันไม่มีโอกาสแบบนั้นอยู่แล้ว สามารถที่จะบรรลุมรรคผลได้หมด ตัวอย่างก็เหมือนอย่างพระองคุลีมาล ที่อดีตท่านเป็นจอมโจร จำผิดหรือเปล่าไม่รู้ จอมโจรเคราแดงคือพูดง่ายๆว่าเป็นจอมโจรที่ทุกคนหวาดกลัวกันที่สุดแหละ คือฆ่าโดยที่ไม่ต้องมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เพียงเพื่อจะเอานิ้วมาห้อยคอ โดนอาจารย์หลอก อาจารย์หลอกว่าจะสำเร็จวิชาขั้นสูงสุดต้องฆ่าคนให้ได้ครบ ๑,๐๐๐ ขณะที่ท่านฆ่าคนอยู่เป็นพันคน ก็ลองนึกดูซีเรียลคิลเลอร์ มันจะต้องมีจิตใจที่ปั่นป่วนฟุ้งซ่าน แล้วก็มีความขัดแย้งในตัวเองอย่างรุนแรงเลยทีเดียว คือมโนธรรมของมนุษย์ทุกคนสั่งว่าอย่าฆ่า แต่ความอยากได้วิชาสั่งว่าต้องฆ่า มันมีความขัดแย้งในตัวเองอย่างมากมายมหาศาล ในที่สุดแล้ว พอครบธรรมะของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไปโปรด ท่านก็สามารถที่จะบรรลุธรรมถึงขั้นสูงสุดเป็นพระอรหันต์ได้ เพราะฉะนั้น ไม่ใช่แค่ว่าตัวเองมีความขัดแย้งกับตัวเองแล้วจะบรรลุมรรคผลได้หรือเปล่า ต้องบอกว่าบรรลุได้ถึงขั้นสูงสุดเลยทีเดียว

ทีนี้ถามว่า ถ้าในขณะที่จิตใจยังสับสน ยังฟุ้งซ่าน ยังมีความขัดแย้งกับตัวเองอยู่นั้น จะบรรลุธรรมได้หรือไม่? อันนี้ต้องตอบว่า ไม่กล่าวโดยสรุปก็คือ คุณจะต้องเปลี่ยนสภาพความขัดแย้งของตัวเอง หรือว่าสภาพฟุ้งซ่านจัดของตัวเอง ให้กลายเป็นสภาพที่มีความสงบ มีความพร้อม มีความตั้งมั่นมากพอที่จะบรรลุมรรคผลได้เสียก่อน แล้ววิธีที่จะเลิกขัดแย้งกับตัวเองก็คือ หาตัวเองให้เจอว่าตัวเราจริงๆมันอยู่ตรงไหนกันแน่บางคนไม่สามารถที่จะตอบได้ว่าตัวเองอยากได้อะไรกันแน่ เพราะว่าสองจิตสองใจมาตลอด ทำกรรมโดยอาการสองจิตสองใจมาตลอด สองจิตสองใจยังไง? สมมติว่าเอาแค่เรื่องการบันเทิง แหม...อยากดูรายการนี้จัง แต่อีกใจหนึ่งก็ เอ๊ะ! อีกช่องหนึ่งมันกำลังฉายณเดชน์อยู่ ก็เกิดความรู้สึกสองฝักสองฝ่ายขึ้นมา จะดูช่องไหนดี เปิดมันทั้งสองช่องเลยสับไปสับมา จิตใจมันก็กระโดดไปกระโดดมา นี่ยกตัวอย่างง่ายที่สุดเลยนะในชีวิตประจำวัน เดี๋ยวนี้มีคนประเภทนี้มากขึ้นทุกที คือ ไม่รู้หรอกว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ มันมีความต้องการหลากหลายไปหมด แล้วก็ตามใจตัวเองมากเกินไป จะเอาทุกความต้องการซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ แต่พอมันเป็นไปไม่ได้ก็เลยต้องสวิทช์อย่างรวดเร็ว กระโดดไปกระโดดมา ซึ่งในที่สุด ถ้าตามใจตัวเองมากๆแบบนั้น เราก็ทำไป กับแค่เรื่องบันเทิงง่ายๆเรายังไม่รู้ใจตัวเอง เราก็ทำกับทุกเรื่องเลย ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องจะเลือกแฟน หรือว่าจะเลือกที่จะเรียนสาขาไหน คณะใด เลือกที่จะประกอบอาชีพการงานแบบใด มันเผื่อใจไปหมด มันเผื่อเลือกไปหมด มันไม่เอาจริงสักอย่างเดียว

อาการที่เราไม่เอาจริงบ่อยๆเข้า มันกลายเป็นความสับสนในตัวเอง มันกลายเป็นความรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง ตอบตัวเองไม่ถูกว่าตัวเองอยากเลือกอะไรกันแน่ ใจมันอยู่ที่ไหนกันแน่ วิธีที่จะมีใจเดียวไม่ใช่มานั่งทำสมาธิ คนที่มีความขัดแย้งในตัวเองมากๆ พอลงนั่งสมาธิปุ๊บ ใจมันจะอยากจะกระโดดไปทางโน้นทีทางนี้ที ซ้ายทีขวาที มันไม่ตั้งมั่นอยู่ตรงหน้า มันไม่เอาสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่เฉพาะหน้า มันจะคอยหันซ้ายหันขวา มันจะคอยถ่วงไปข้างหลัง แล้วก็ตั้งความหวังไปข้างหน้า จิตใจมันไม่หยุดหย่อน วิธีที่จะสร้างความเด็ดเดี่ยวให้กับตัวเอง เลิกขัดแย้งกับตัวเอง ต้องใช้ชีวิตประจำวันอีกแบบหนึ่งที่แตกต่างจากเดิม อย่ากลัวผิดที่จะเลือก อย่ากลัวพลาดที่จะได้เฉพาะสิ่งที่เรานึกว่ามันเป็นความน่าพอใจแค่ครึ่งเดียว อย่าไปรักพี่เสียดายน้อง เรามีใจเดียวกับทุกสิ่งทุกอย่างคือ เอาเรื่องง่ายๆก่อนเลยนะ เรื่องการบันเทิง เราอยากดูอะไรเราอยากทำอะไร เอาตรงนั้น แล้วก็เมื่อทำเสร็จแล้ว ดูหนังจบอยากจะเปลี่ยนไปช่องอื่นค่อยเปลี่ยน ทำอะไรเป็นเรื่องๆ เริ่มจากอะไรที่ง่ายที่สุด แม้กระทั่งว่าตั้งใจจะตื่นเช้า วันนี้จะตื่นเช้าขึ้นสักครึ่งชั่วโมง ตื่นให้ได้ ต่อให้ความขี้เกียจมันกด มันบีบ มันพยายามที่จะดึงเราไว้ไม่ให้ลุกขึ้นจากที่นอน ยังไงก็ต้องลุกขึ้นมา ทำอะไร ตั้งใจอะไร ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเอาทีละอย่าง วันละเล็กวันละน้อย แล้วมันจะดีขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกขัดแย้งในตัวเองหรือว่าความฟุ้งซ่านไม่รู้จะเอาอะไรดี ไม่รู้จะเลือกอะไรที่มันเหมาะกับเราที่สุด มันจะค่อยๆหายไป

เรื่องเล็กน่ะไม่มีในโลกนะ ถ้าหากว่าเราไม่รู้จะเลือกอะไรแม้แต่เรื่องเล็กๆ เรื่องใหญ่ๆอย่าหวังเลยที่จะไปเลือกได้ ถ้าหากว่าเรามีความเด็ดเดี่ยว เรามีความสามารถที่จะตอบตัวเองได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ว่าจะเอาอะไร จะทำอะไรดีในขณะนี้ มีเซนส์เกี่ยวกับเรื่องของวินัย ว่าการใช้เวลาให้กับเรื่องเล่นนี้มากเกินไปหรือเปล่า ถ้าเล่นมากเกินไป ถ้าพูดพล่ามมากเกินไป ค่อยๆหยุด ค่อยๆหันมาทำเรื่องที่มันเป็นแก่นสารที่มันเป็นประโยชน์ เหล่านี้มันจะทำให้จิตใจมีความเป็นหนึ่ง เป็นอันหนึ่งอันเดียว เป็นตัวของตัวเอง ไม่ขัดแย้งกับตัวเอง แล้วสภาพใจที่ไม่ขัดแย้งกับตัวเองนั่นแหละ พอลงนั่งสมาธิมันก็จะมีความเรียบง่าย มันก็จะมีความรู้สึกเหมือนกับว่าสามารถผูกอยู่กับอะไรได้อย่างเดียว แล้วพอเริ่มมีสมาธิ สวดมนต์ได้ไม่ฟุ้งซ่าน นั่งสมาธิเห็นแต่ลมหายใจเข้าออก ในที่สุดแล้ว มันก็สามารถเห็นตามจริง พอเห็นตามจริงได้ว่า อะไรๆมันล้วนแต่กำลังแสดงความไม่เที่ยงให้เห็นอยู่ นั่นแหละ คือมีสิทธิ์บรรลุมรรคผลแล้วนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น