ถาม : เป็นคนไม่มีความมั่นใจในตัวเองและขี้กังวลมากเลยค่ะ
ปีนี้จะต้องไปต่างประเทศเพื่อไปเรียนและไปสอบ
มีทั้งเดินทางไปสิงคโปร์และอเมริกากลัวไปหมดเลย
จะต้องไปสอบกับไปเรียนกับเพื่อนที่พูดอังกฤษได้ดีมาก ๆ ด้วย ?
ดังตฤณ:
พูดได้ว่าเราเริ่มเปรียบเทียบแล้ว
ไปนึกกลัวไปนึกกังวลว่าเราดีไม่เท่าเค้า
นี่เป็นเรื่องที่ว่า
ตัวกิเลสคือ ‘มานะ’ ถือเค้าถือเรา มันมารบกวนจิตใจ
ก็ขอให้ดูตรงนี้คือ
เมื่อใจของเราเล็งไปที่คนที่ดีกว่าเรา ตัวเราจะเล็กลง
ดูตอนที่มันเกิดขึ้นเลยนะ
เมื่อไหร่ที่เรานึกถึงคนที่ดีกว่าเราตัวเราจะเล็กลง
เหมือนกับมันเตี้ยลง
ร่างกายเราจะสูงกว่าเค้าหรือจะต่ำกว่าเค้ายังไงก็แล้วแต่
แต่พอเล็งไปที่คุณสมบัติที่มันเหนือกว่าเรา
ตัวเรามันจะเล็กลง ตัวเรามันจะเหมือนเตี้ยลงทันที
ดูเป็นอาการของใจ
ดูเป็นปฏิกิริยาของใจที่เกิดจากมานะข้อนี้ไว้
แต่ถ้าเมื่อไหร่เราเทียบตัวเองกับคนที่ต่ำกว่าเรา
เทียบตัวเองกับคนที่เค้าด้อยกว่าเรา
เค้าสู้เราไม่ได้ด้วยประการใด ๆ
ตัวเราจะใหญ่ขึ้น หรือว่า
มีความรู้สึกเหมือนเงาร่างมันสูงกว่าเดิม สูงกว่าปกติ
นี่คือปฏิกิริยาทางใจที่เกิดจากการมีมานะเช่นกัน
เป็นมานะคนละแบบ นี่มานะฝั่งปมเขื่อง
เมื่อกี้อันแรกเป็นมานะฝั่งปมด้อย
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
การที่เราสามารถจะเห็นปฏิกิริยาทางใจของตัวเอง
แล้วไม่ไปหมกมุ่นกับมัน
เห็นแต่พอเราเล็งไปหาคนที่ดีกว่าเรา ตัวเรามันเตี้ยลง
แต่พอเราเล็งคนที่เค้าต่ำกว่าเรา
มันรู้สึกเหมือนกับตัวมันพองขึ้นมาได้
กลายเป็นอาการจริงๆ
บางทีจิตมันเหมือนอึ่งอ่าง
มันพองออกมาเวลาที่ใจเล็งอยู่ที่คนที่เค้าด้อยกว่าเรา
ตรงนี้อย่างน้อยที่สุดถึงมันจะไม่ได้ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น
แต่อย่างน้อยที่สุดเราจะเริ่มสนุก
กับการที่เห็นอะไรบางอย่างที่เราไม่เห็นมาก่อน
ทั้งๆที่มันเกิดขึ้นให้รู้สึกมาตลอดชีวิตนั่นแหล่ะ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ปมเขื่องปมด้อย มันจะเกิดขึ้นกี่ครั้งกี่หนก็แล้วแต่
เราจะจมไปกับมัน แล้วก็รู้สึกมันเป็นตัวเรา
ต่อเมื่อเราเห็นมันเห็น ณ จุดเกิดเหตุว่ามีอาการทางใจ
ไปคิดถึงความสามารถในการพูดอังกฤษได้ดีของเพื่อนปุ๊บ
ตัวเรากลายเป็นเหมือนกับคนที่เกือบๆจะเป็นใบ้ขึ้นมาทันที
เหมือนพูดไม่ออกขึ้นมาทันที่
เหมือนเป็นคนไม่มีความสามารถในการพูด
ทั้งๆที่จริงมีเพียงแต่ไม่ได้ดีเท่าเค้า
พอไปนึกถึงคนที่ดีกว่าก็เลยมามีอะไรมาอุ้มปากไว้
มาปิดปากไว้ มาทำให้ลำคอตีบตัน
เหมือนกับไม่สามารถพูดอะไรไปได้
นี่เป็นปฏิกิริยาทางใจที่มีผลออกมาทางกาย !
คือไม่ใช่ไปกำจัดปฏิกิริยานี้ทิ้ง
แต่เห็นปฏิกิริยาทำนองนี้ขึ้นมาได้บ่อยๆ
เราจะมีความรู้สึกราวกับว่าเห็นตัวเองมาจากสายตาของคนอื่น
เห็นตัวเองออกมาจากสายตาของบุคคลที่สอง
แล้วจะเกิดความยึดมั่นถือมั่นในตัวในตน
ที่มันด้อยกว่าหรือว่าเหนือกว่าคนอื่นน้อยลง
ไปนึกกลัวไปนึกกังวลว่าเราดีไม่เท่าเค้า
นี่เป็นเรื่องที่ว่า
ตัวกิเลสคือ ‘มานะ’ ถือเค้าถือเรา มันมารบกวนจิตใจ
ก็ขอให้ดูตรงนี้คือ
เมื่อใจของเราเล็งไปที่คนที่ดีกว่าเรา ตัวเราจะเล็กลง
ดูตอนที่มันเกิดขึ้นเลยนะ
เมื่อไหร่ที่เรานึกถึงคนที่ดีกว่าเราตัวเราจะเล็กลง
เหมือนกับมันเตี้ยลง
ร่างกายเราจะสูงกว่าเค้าหรือจะต่ำกว่าเค้ายังไงก็แล้วแต่
แต่พอเล็งไปที่คุณสมบัติที่มันเหนือกว่าเรา
ตัวเรามันจะเล็กลง ตัวเรามันจะเหมือนเตี้ยลงทันที
ดูเป็นอาการของใจ
ดูเป็นปฏิกิริยาของใจที่เกิดจากมานะข้อนี้ไว้
แต่ถ้าเมื่อไหร่เราเทียบตัวเองกับคนที่ต่ำกว่าเรา
เทียบตัวเองกับคนที่เค้าด้อยกว่าเรา
เค้าสู้เราไม่ได้ด้วยประการใด ๆ
ตัวเราจะใหญ่ขึ้น หรือว่า
มีความรู้สึกเหมือนเงาร่างมันสูงกว่าเดิม สูงกว่าปกติ
นี่คือปฏิกิริยาทางใจที่เกิดจากการมีมานะเช่นกัน
เป็นมานะคนละแบบ นี่มานะฝั่งปมเขื่อง
เมื่อกี้อันแรกเป็นมานะฝั่งปมด้อย
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
การที่เราสามารถจะเห็นปฏิกิริยาทางใจของตัวเอง
แล้วไม่ไปหมกมุ่นกับมัน
เห็นแต่พอเราเล็งไปหาคนที่ดีกว่าเรา ตัวเรามันเตี้ยลง
แต่พอเราเล็งคนที่เค้าต่ำกว่าเรา
มันรู้สึกเหมือนกับตัวมันพองขึ้นมาได้
กลายเป็นอาการจริงๆ
บางทีจิตมันเหมือนอึ่งอ่าง
มันพองออกมาเวลาที่ใจเล็งอยู่ที่คนที่เค้าด้อยกว่าเรา
ตรงนี้อย่างน้อยที่สุดถึงมันจะไม่ได้ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น
แต่อย่างน้อยที่สุดเราจะเริ่มสนุก
กับการที่เห็นอะไรบางอย่างที่เราไม่เห็นมาก่อน
ทั้งๆที่มันเกิดขึ้นให้รู้สึกมาตลอดชีวิตนั่นแหล่ะ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ปมเขื่องปมด้อย มันจะเกิดขึ้นกี่ครั้งกี่หนก็แล้วแต่
เราจะจมไปกับมัน แล้วก็รู้สึกมันเป็นตัวเรา
ต่อเมื่อเราเห็นมันเห็น ณ จุดเกิดเหตุว่ามีอาการทางใจ
ไปคิดถึงความสามารถในการพูดอังกฤษได้ดีของเพื่อนปุ๊บ
ตัวเรากลายเป็นเหมือนกับคนที่เกือบๆจะเป็นใบ้ขึ้นมาทันที
เหมือนพูดไม่ออกขึ้นมาทันที่
เหมือนเป็นคนไม่มีความสามารถในการพูด
ทั้งๆที่จริงมีเพียงแต่ไม่ได้ดีเท่าเค้า
พอไปนึกถึงคนที่ดีกว่าก็เลยมามีอะไรมาอุ้มปากไว้
มาปิดปากไว้ มาทำให้ลำคอตีบตัน
เหมือนกับไม่สามารถพูดอะไรไปได้
นี่เป็นปฏิกิริยาทางใจที่มีผลออกมาทางกาย !
คือไม่ใช่ไปกำจัดปฏิกิริยานี้ทิ้ง
แต่เห็นปฏิกิริยาทำนองนี้ขึ้นมาได้บ่อยๆ
เราจะมีความรู้สึกราวกับว่าเห็นตัวเองมาจากสายตาของคนอื่น
เห็นตัวเองออกมาจากสายตาของบุคคลที่สอง
แล้วจะเกิดความยึดมั่นถือมั่นในตัวในตน
ที่มันด้อยกว่าหรือว่าเหนือกว่าคนอื่นน้อยลง
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ส่วนเรื่องของความกังวลกลัวจะสอบตก
กลัวจะไม่ได้ดีเท่าใคร แล้วก็ไปเร่งใหญ่เลย
เร่งไปฝึกซ้อมภาษามากขึ้น
แต่ไปเร่งด้วยความเกร็งไม่ใช่เร่งด้วยความสนุก
เรื่องภาษาเอาให้สนุกเถอะ
อย่าเอาให้มันดีกว่าคนอื่นเลย
อย่างเค้าพิสูจน์มาแล้วนะ
เด็กที่เค้าเก่งภาษามาตั้งแต่ช่วงประถม
หรือช่วงมัธยมที่เหนือกว่าคนอื่นๆได้
ไม่ใช่ว่าเค้ามีความสามารถ มีพรสวรรค์
หรือว่ามีอะไรมาแต่ไหน
แต่เพราะเค้าสนุกที่จะอยู่กับภาษาต่างประเทศ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
อย่างผมเอง ขออนุญาตยกนิดหนึ่ง
ตอนมัธยมมีความเด่นมากเลยเรื่องภาษา
ไม่ใช่เพราะว่ามีความสามารถในการจดจำแกรมม่า
หรือใช้แกรมม่าอะไรได้ดีเลิศเลอ
แต่เพราะชอบอ่านหนังสือนอกเวลาภาษาอังกฤษ
เผอิญว่าอ่านแล้วติดใจแล้วก็เลยอ่านเรื่อยๆ
อ่านแบบเหมือนกับหนังสือที่ระดับยากกลางๆ
แล้วเกิดความรู้สึกว่าไม่มีใครบังคับ
มันเหมือนขนมที่จะเปิดภาษาอังกฤษอ่านเอง
อ่านทุกคืน แล้วก็คืนละหลายๆหน้า
ตอนนั้นจำได้เรื่องที่อ่านแล้วสนุกมาก
“A Tale of two cities” ฉบับ simplified
อ่านแล้วมีความรู้สึกไม่มีใครบังคับให้อ่าน
แต่อยากอ่านเอง
อยากรู้เรื่องว่ามันจะดำเนินเรื่องไปอย่างไร
มันจะจบอย่างไร แล้วมีความรู้สึกซาบซึ้งมาก
ราวกับความรู้สึกนะเหมือนกับอ่านนิยายภาษาไทย
พอไปถึงความรู้สึกนั้นได้
ภาษาอังกฤษจะไม่น่ากลัวอีกต่อไป
มีความรู้สึกว่ามันเป็นอันเดียวกับเรา
มันเป็นสิ่งที่จิตของเราจูนเข้าไปติด
แล้วอะไรก็แล้วแต่ที่จิตจูนเข้าไปติด
มันจะไม่มีความกลัวหลงเหลืออยู่อีกเลย
มันจะมีแต่ความเป็นกันเองมีแต่ความเป็นพวกเดียวกัน
มีแต่ความรู้สึกที่มันใช่
มันออกมาจากข้างในไม่ใช่ต้องฝืนออกมาจากข้างนอก
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ฝืนออกมาจากข้างนอกหมายความว่าอย่างไร ?
หมายความว่าเราไปคิดเปรียบเทียบกับคนอื่นก่อน
ว่าเราไม่ดีเท่าเค้า
แล้วก็ต้องไปพยายามดิ้นรนไปฝืนใจพยายามทำให้เท่าเค้า
นี่แหละ เค้าเรียกว่ามันออกมาจากข้างนอก
ไม่ได้ออกมาจากข้างใน
ข้างในหมายความว่ายังไง ?
มันมีความรู้สึกเหมือนขนม มีความสนุกที่จะทำ
ความเชื่อมั่นจะตามมาเองหลังจากที่เรารู้สึกเหมือนเป็นขนม
น้องจะเอาอะไรก็ได้ที่เป็นสิ่งล่อใจให้ชอบภาษาอังกฤษ
เช่น ถ้าชอบติดตามข่าว ชอบติดตามเทคโนโลยี
ก็อ่านข่าวหรือว่าเว็บภาษาอังกฤษมากๆ
พออ่านเราไม่อ่านอย่างเดียวเราออกเสียงด้วย
อ่านออกเสียง
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ถ้าเราบอกว่าไม่ค่อยอยากจะอ่านข่าว
ขอเป็นเพื่อนๆได้ไหม
สมัยนี้ก็มีเครื่องช่วยเยอะนะ
อย่าง translate.google.com
เราสามารถที่จะเอาคำที่เพื่อนๆเขียนเป็นภาษาไทย
แปลเป็นภาษาอังกฤษก็ได้
ซึ่งมันอาจจะเพี้ยนๆ อยู่ซัก 30-40%
หรือว่าเกิน 50% ก็เถอะ
แต่อย่างน้อยเราได้อ่านเป็นภาษาอังกฤษ
แล้วอ่านขอให้อ่านออกเสียง
เพราะระบบการเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุด
คือการสามารถที่จะอ่านออกเขียนได้
ไม่ใช่เอาแต่อ่านได้อย่างเดียว
ภาษาอังกฤษจะเข้าไปอยู่ในใจเราจริงๆ เข้าไปถึงจิตถึงใจ
มันต้องมีความสามารถที่จะสื่อออกมาจากภายใน
มันต้องมีความเป็นอัตโนมัติมากพอ
ราวกับว่าเราสามารถเข้าใจถึงภาษาจิตได้ก่อน
แล้วค่อยเอาภาษาจิตนั้นเป็นตัว
ขับดันให้เกิดภาษาอังกฤษออกมา
นี่แหละ ที่จะทำให้เกิดความรู้สึกว่า
เราไปไหนไปกันแล้วก็ไม่น้อยหน้าใครถ้า เชื่อมั่นตามนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น