ถาม : มีความคิดจะเลิกกับแฟนที่คบกันมาตั้งแต่เรียน
แล้วตอนนี้แต่งงานอยู่ด้วยกันรวมแล้วทั้งหมดที่คบกันก็นานถึง ๙ ปี
(ยังไม่มีลูกค่ะ) แฟนทำหน้าที่ดีมาตลอด แต่เพิ่งมาทราบระยะหลังว่า
แฟนนอกใจและชอบโกหก คือทำผิดศีลข้อ ๓ และข้อ ๔ อย่างไม่เกรงกลัวต่อบาป
คือพยายามทำหลายวิธีแล้วเขาก็ไม่ดีขึ้น
แล้วก็พยายามทำหลายวิธีแล้วที่จะตัดใจเลิกกับเขา แต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลย
พอเขามาง้อก็ใจอ่อนทุกครั้ง หนูไม่อยากใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกับคนไม่มีสัตย์ไม่มีศีล
ควรจะทำอย่างไรถึงจะตัดใจเลิกได้เด็ดขาดคะ และควรทำบุญประเภทไหนคะ
ถึงจะได้ผลแรงและเร็ว?
รับฟังทางยูทูป http://youtu.be/oNHnUT4N2Zc
ดังตฤณ:
รับฟังทางยูทูป http://youtu.be/oNHnUT4N2Zc
ดังตฤณ:
หลายคนยังเข้าใจอยู่ว่าการทำบุญเนี่ยจะมีผลให้เกิดผลที่ต้องการตามปรารถนาอย่างรวดเร็วนะครับ
จริงๆแล้วการทำบุญเนี่ยขอให้เข้าใจว่าเป็นการก่อกรรมใหม่ เป็นการทำกรรมใหม่ สร้างกรรมใหม่นะ
ไม่ใช่ของที่ถูกวางแผนไว้แต่เดิมโดยบุญเก่าหรือว่าบาปเก่านะครับ
บาปเก่าหรือบุญเก่านี้เรามองไม่เห็นนะ
แต่มันมีจริง
เราสามารถเห็นหลักฐานหรือร่องรอยของบาปบุญเก่าๆเนี่ยผ่านสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา
เกิดมากับพ่อแม่แบบไหน หรือว่ามีชะตาชีวิตที่จะต้องไปพบเจอกับใคร
ไปร่วมชีวิตกับใครล้วนแล้วแต่ถูกวางแผนไว้โดยบาปเก่าบุญเก่า
บาปเก่าบุญเก่าไม่ได้หมายถึงอดีตชาติอย่างเดียว
บางทีเนี่ยมันหมายถึงการที่เราจะเลือกคบกับใครหรือว่าเราเลือกที่จะเชื่อฟังครูบาอาจารย์แบบไหนนะ
มันมีวิธีที่จะเลือกและวิธีที่ตัดสินใจ มีวิธีที่จะตกลงปลงใจกับใคร
ซึ่งมองแล้วเนี่ยมันอาจจะเป็นเหมือนกับเอ๊ะเรื่องที่ว่าเราพึ่งมาก่อพึ่งมาสร้าง
ถ้าเห็นด้วยตาเปล่าถ้าได้ยินด้วยแก้วหูในชาติปัจจุบันนี้ทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้น
แต่ที่แท้แล้วมันมีการสืบสายมา
คือไม่ใช่ว่าเราเลือกตัดสินใจที่จะคบกับใครหรืออยู่กับใครเนี่ยมันไม่ใช่ด้วยความชอบใจอย่างเดียว
มันด้วยเหตุปัจจัยบีบคั้น เรายังรู้สึกกับว่านี่ต้องเอาอันนี้แหละ
ต้องใช่คนนี้แหละ หรือว่าหนีไปไหนไม่รอดทำนองนั้น
ซึ่งการที่เราจะอยู่ร่วมกับใครเนี่ยมันพิสูจน์ได้นะว่าเราเคยทำบุญทำบาปร่วมกับเขามามากแค่ไหน
ถ้าหากว่าไม่ได้เคยมีปมของกรรมทั้งในฝ่ายบุญทั้งในฝ่ายบาปเนี่ย เราจะไม่ได้อยู่กับใครเลย
เราจะไม่ได้เลือก เราจะไม่ได้ลงเอยกับใครเลยนะครับ หรือถ้าจะลงเอยเนี่ย
ก็ลงเอยแบบที่มัน… คือๆหลักของกรรมวิบากเนี่ยเราไม่มีทางที่จะลงเอยกับใครด้วยการที่เพิ่งมาเจอนะครับ
ด้วยการที่เพิ่งมาพบเพิ่งมาเห็นและก็ตัดสินใจเอา ต้องมีแรงหนุนหรือบาปเก่าอยู่
คือในแง่ของบุญก็ต้องเคยอาจจะอนุเคราะห์ ร่วมกันอนุเคราะห์ผู้อื่นมา
ร่วมกันใส่บาตร ร่วมกันทำบุญกับใครต่อใคร ในฝ่ายบาปก็คืออาจจะเคยทำร้าย
อาจจะเคยสาปแช่งกันมา อาจจะเคยคิดอาฆาตกันมาอะไรต่างๆนะ
แล้วส่วนใหญ่ผู้ที่มาอยู่ด้วยกันนะเท่าที่เราสามารถจะมองเห็นด้วยตาเปล่าโดยไม่มีอคติ
โดยไม่มีความลำเอียง เราจะพบว่าส่วนใหญ่แล้วเนี่ยนะเป็นทั้งคู่บุญและก็คู่ทรมาน
ไม่ค่อยจะมีคู่บุญอย่างเดียว ไม่ค่อยจะมีคู่ทรมานอย่างเดียว
คู่ทรมานคืออะไร? คืออยู่ด้วยกันแล้วทรมานจริงๆนะ
ต่างฝ่ายต่างตั้งท่าจะประหัตประหารกัน แล้วก็ไม่มีอะไรดีเลย
คืออยู่ด้วยกันนี้มันมีแต่ความทุกข์ มันมีแต่ความร้อน มันมีแต่เสียงด่า
มันมีแต่สาดใส่กันด้วยทุจริต ๓ นะ ทั้งกายจริต วจีทุจริต แล้วก็มโนทุจริต
อันนี้เรียกว่าพออยู่ด้วยกันแล้วไม่เข้าใจ
ลืมไปแล้วว่าเหตุผลเนี่ยทำไมต้องมาอยู่ด้วยกัน มันมีแรงดึงดูดอะไรกันหนอนะ
จำได้แต่ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน นี่ตรงนี้เป็นหลักฐานของบาปเก่าที่ทำมาร่วมกัน
บางคู่นี่นะเคยโกงแผ่นดินมาด้วยกัน หรือบางคู่เนี่ยโกงวัดมาด้วยกันนะ
บางคู่เนี่ยไปโกงชาวบ้านมาด้วยกัน
บางคู่เนี่ยเคยมีเหมือนกับเคยรบราฆ่าฟันมาก็มีนะแล้วก็ผูกใจอาฆาต พอคือต่างฝ่ายต่างเคยเป็นชายด้วยกันทั้งคู่มาเกิดใหม่
ฝ่ายหนึ่งเป็นชายฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงแล้วได้แรงอาฆาตนั้นเนี่ย
ก็ไปดึงดูดกันด้วยถ่านธรรมชาติความรู้สึกทางเพศนะ แล้วก็พอมาอยู่ด้วยกันปุ๊บเนี่ย
มันก็จำกันได้ว่านี่ศัตรูไม่ใช่คู่รักนะ ก็คือจำได้จากส่วนลึกเนี่ยมันก็เลยมีอาการฮึมฮัมใส่กันตลอดเวลานะ
หรือฝ่ายบุญเนี่ยก็จะมีเคยอยู่ร่วมกันมาอย่างดีนะ ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน
มีความเอ็นดูต่อกัน แล้วก็เกื้อกูลกันอย่างดี พอมาอยู่ด้วยกันมันมีแต่ความสุข
มันมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองนะ ส่วนคู่ปกติทั่วไปที่เป็นทั้งคู่บุญและคู่ทรมานกันมา
มักจะพบได้จากการที่ฝ่ายชายเนี่ยนะ ไม่สามารถหยุดอยู่กับภรรยาเพียงคนเดียวได้
จะต้องไปมีเล็กมีน้อย หรือว่าทำให้ภรรยาเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ
เกิดความรู้สึกบาดเจ็บ เกิดความรู้สึกทุกข์ทรมาน แล้วก็จะผ่านเรื่องการโกหกบ้าง
การที่ไปนอกใจบ้าง การที่ไม่ทำหน้าที่สามีที่ดี ไม่เลี้ยงดูภรรยาด้วยความมีแก่ใจที่เสมอต้นเสมอปลายอะไรแบบนี้นะครับ
แล้วฝ่ายภรรยาเนี่ย ฝ่ายหญิงเนี่ยนะ
ธรรมชาติฝ่ายหญิงเนี่ยก็มักจะเหมือนกับอยากให้เอาใจตัวเองมากๆ
แล้วก็อยากจะเรียกร้องความสนใจ เรียกร้องความสงสาร หรือว่าเรียกร้องการดูแล
หรือว่าความอบอุ่นจากสามี โดยที่นะครับอาจจะบางครั้งอาจจะไม่สมเหตุสมผลเนี่ย
พูดถึงคู่ทั่วไปไม่ได้พูดถึงคู่ปัจจุบันที่เป็นคำถามนะครับ
ก็กำลังจะบอกว่าที่เป็นทั้งคู่บุญและก็เป็นทั้งคู่ทรมานกันนะ
คู่บาปคู่กรรมกันเนี่ย มันก็เพราะว่าธรรมชาติของทั้งสองเพศเนี่ย
ไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่ ฝ่ายหนึ่งเนี่ยนะ
ถูกคาดหมายถูกคาดหวังว่าสมควรจะเป็นที่พึ่ง
ฝ่ายเป็นที่พึ่งเนี่ยก็ไม่ค่อยทำตัวเป็นที่พึ่ง ไม่ค่อยทำตัวเป็นที่อบอุ่นนะ
ไม่ค่อยทำตัวเป็นอะไรที่มันตรงอะไรที่มันเป็นเสาหลักนะครับ
ตรงกันข้ามจะทำตัวเป็นไม้เลื้อยจะทำตัวเป็นคนที่นะครับยังไม่มีเจ้าของยังโสดอยู่อะไรแบบนี้
ส่วนฝ่ายที่จะทำหน้าที่ดูแลนะครับเอาใจใส่แล้วก็พะเน้าพะนอเอาอกเอาใจเนี่ยก็กลายเป็นฝ่ายที่เรียกร้องความสงสาร
เรียกร้องความเห็นใจ เรียกร้องการเอาอกเอาใจนะครับ มันก็เลยเกิดความขัดแย้ง
มันก็เลยเกิด…
เรียกว่ามาอยู่กันราวกับผิดฝาผิดตัวนะครับ ต่างฝ่ายก็ต่างจะเอาแต่ใจของตนเนี่ย
ก็เลยไม่มีใจ
เนี่ยที่มาประกบประกอบมาประจวบกันอย่างสมน้ำสมเนื้อนะครับมันกลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างไปตามทิศตามทางของกิเลสที่ตนเองมี
ไม่ใช่อยู่กันด้วยธรรมชาติทางเพศที่สมควรแก่กันนะครับ
ไม่ใช่ธรรมชาติทางเพศในที่นี้
ก็หมายความว่า ฝ่ายชายควรจะอบอุ่นและก็เป็นที่พึ่ง
แล้วก็ฝ่ายหญิงควรจะมีความเยือกเย็นแล้วก็มีความมีลักษณะเป็นที่ฝากใจได้
เป็นที่ใฝ่ฝันอะไรแบบนั้นนะ
แต่กลายเป็นว่าเห็นหน้ากันแล้วฝ่ายชายมีความรู้สึกว่าฝ่ายหญิงเนี่ยเอาแต่ใจตัวเองนะ
นอกจากจะไม่ทำให้นึกชวนฝันแล้วเนี่ย มันยังจะชวนเบือนหน้าหนี
หรือว่าชวนวิ่งหนีอะไรแบบนั้น
ส่วนฝ่ายชายเนี่ยนะแทนที่จะมีความซื่อสัตย์เป็นเสาหลักของบ้าน
ก็กลายเป็นไม้เลื้อยไปอะไรแบบนี้นะ ฝ่ายหญิงก็เกิดความผิดหวังนะครับ
อันนี้เป็นต้นเหตุของการที่ต่างฝ่ายต่างเป็นคู่บุญและก็คู่เวรต่อกัน
เจอกันครั้งไหนก็จะมีทั้งรักและก็มีทั้งชัง มีทั้งดูดดื่มหวานชื่นนะครับ
แล้วก็มีทั้งความรู้สึกขมขื่น มีทั้งความรู้สึกทรมาน มีทั้งความรู้สึกทุกข์ใจ
แล้วก็การเดินทางท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดไปเป็นอนันตชาติในสังสารวัฏนี้มันไม่มีหรอกที่เราจะได้เจอแต่ดีกับดีนะครับ
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นทั้งคู่บุญแล้วก็คู่เวรกันอย่างนี้แหละโดยมากนะครับ
ส่วนน้อยนักที่จะพบพระพุทธศาสนาหรือไม่ก็อยู่ในศาสนาอื่นนะแล้วก็มีศรัทธาที่ตรงกัน
มีศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ในความดีในความสว่างนะครับ
แล้วก็สามารถที่จะประคับประคองเกื้อกูลกันด้วยความเอ็นดู ด้วยความมีใจเดียว ซื่อสัตย์เด็ดเดี่ยวนะครับ
อันนั้นก็พอเราทำความเข้าใจอย่างนี้นะ
ก็จะไม่มามองง่ายๆว่า เราควรจะทำบุญอย่างไรถึงจะหนีจากคนๆนึงไปได้
ถ้าหากว่าเราเคยพบเคยเกี่ยวพันกับเขามาไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยชาติเนี่ยนะในทางดีทางร้าย
ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยก็จะเกิดความผูกพันเหนียวแน่นนะครับ ทั้งทางดีทางร้ายเนี่ยมันจะต้องชดใช้กันจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถที่จะอยู่บนเส้นทางหนึ่งที่แตกต่างไป
เส้นทางที่ให้อภัยอย่างบริสุทธิ์ เส้นทางที่จะครองพรมจรรย์อย่างบริสุทธิ์
เส้นทางที่ไม่นึกจะเอาคู่ ไม่อยากที่จะเกาะเกี่ยวไม่อยากจะอยู่มีชีวิตอยู่เป็นคู่ๆ
อย่างนั้นเนี่ยถึงจะออกจากวงจรแห่งภัยแห่งเวรได้นะ นอกนั้นคืออย่าไปหวังนะ
อย่าไปคาดหวังว่าเราจะเจอแต่คนที่จะรักและก็เอาใจใส่เราตลอดไป
เมื่อมองเป็นภาพรวมได้อย่างนี้เกี่ยวกับชีวิตคู่
ทีนี้เราจะต้องทำอย่างไรต่อถ้าหากว่าคู่ของเราไม่ได้มีศรัทธาในทางเดียวกับเรา แล้วก็ไม่ได้มีพื้นจิตพื้นใจไม่ได้เป็นคนมีศีลมีธรรมนะ
ทำอย่างไรก็มี ๒ ทางให้เลือกนะครับ
ทางเลือกแรก
เราพิจารณาว่าเราเป็นฝ่ายที่ครองศีลนะ ต้องคิดอย่างนี้นะคือๆ ฟังดีๆ
เราเป็นฝ่ายที่ครองศีลมาโดยบริสุทธิ์
แล้วเราไม่สามารถอยู่กับอีกฝ่ายที่ไม่สามารถครองศีลบริสุทธิ์ได้นะครับ
โดยธรรมชาติแล้วเนี่ย เมื่อพิจารณากันที่ศีลนะครับ เราๆจะละจากความติดใจนะครับ
ติดใจไปอยู่กับความทำให้ใจอ่อนได้ในภายหลังนะครับ ติดใจในภาวะคู่
ติดใจในภาวะที่เคยคบหากันมา เคยมีความผูกพันที่แน่นแฟ้นต่อกันนะครับ
มันจะมีแง่มุมการพิจารณาที่ประจักษ์ต่อใจอีกอย่างหนึ่งนะครับ อันนี้ขอให้ฟังดีๆนะ
นี่ไม่ได้ยุให้เลิกกันนะ ไม่
อันนี้ไม่ใช่หน้าที่ของผมนะที่จะไปบอกให้ใครเลิกกับใคร แต่พิจารณาอย่างนี้ว่า
เป็นไปตามหลักในพระไตรปิฎกที่ท่านแนะนำไว้นะ ถ้าหากว่าบุคคลมีศีลแล้วนะครับ
ไม่ควรที่จะไปคบหาหรืออยู่ร่วมกันคนไม่มีศีล
ถ้าหากว่าไม่สามารถพบใครที่มีศีลเสมอกับตนได้นะ
ก็ควรท่องเที่ยวไปตามลำพังโดยเดี่ยวประดุจนอแรดนะ อันนี้คือเปรียบเทียบว่า
มีหน่อเดียวอย่างนี้จะดีกว่าไปหลายคนหรือว่าอยู่กันเป็นคู่ๆ
ทำนองนั้นคือพิจารณาอย่างนี้ด้วยใจอย่างนี้นะ คือถ้าเราเห็นด้วยกรอบด้วยบรรทัดฐานของศีลเนี่ย
เราก็จะพบว่าตัวเองอยู่ในฐานะที่ขาวกว่า หรือว่าอยู่ในทิศทางที่ถูกต้องกว่า
หรืออย่างไรนะครับ ถ้าพิจารณาอย่างนั้นแล้วเนี่ยนะเราก็จะสามารถละความติดใจได้
ทีนี้การละความติดใจ
ไม่ใช่ว่าเราจะไปเลิกกับเขาทันทีนะครับ แต่เราสามารถที่จะเหนี่ยวนำให้เขามาถ้าเขาจะยังอยากอยู่กับเราเนี่ย
เหนี่ยวนำให้เขานี่มามีจิตแบบเดียวกับเราได้
คือเน้นกันเรื่องนี้แล้วก็ทำให้ดูเป็นตัวอย่างนะครับว่า
คนมีศีลเนี่ยนะต้องซื่อสัตย์อย่างไร ต้องประพฤติตนอย่างไร และต้องมีความเยือกเย็น
มีความสะอาด มีความพร้อมอย่างไร ถ้าเขาไม่สามารถที่จะเป็นคนมีศีลได้
ในที่สุดเนี่ยมันก็จะเกิดความรู้สึกผละกัน ออกจากกันโดยดีนะครับ
แต่ถ้าหากว่าเราสามารถที่จะเหนี่ยวนำให้เขามามีศีลแบบเดียวกับเราได้
อันนี้ก็จะกลายเป็นว่าเราเป็นฝ่ายชนะ
เราเป็นฝ่ายที่สามารถนำทางเขามาความถูกต้องความสว่างได้นะครับ
แต่อีกทางหนึ่งนะครับ
เมื่อกี้เนี่ยพิจารณาเรื่องการมีศีล
อีกทางหนึ่งคือเรานะครับพิจารณาเรื่องว่าเราให้อภัยเขาได้กี่ครั้ง
ลิมิตได้กี่ครั้งนะ มีการตกลงกันชัดเจนว่า
ถ้าหากทำผิดครั้งนั้นครั้งนี้เราจะไม่อภัยแล้วนะ เพราะว่ามันไม่ไหว
มันไม่ใช่สิ่งที่จะไปเห็นใจกันตลอดชีวิตอีกนะครับ
เราต้องมีความเด็ดเดี่ยวบ้างนะครับ
ถ้าหากว่าเขาจะต้องการที่จะใช้ชีวิตอยู่กับเราจริงๆเนี่ย
ก็ไม่ควรมาทำให้เราเกิดความรู้สึกเหมือนกับว่านี่ไม่ใช่คู่ของเราแต่เป็นของใครก็ไม่รู้
มีใครเป็นเจ้าของบ้างก็ไม่รู้ คือมันต้องมีคำพูดที่บอกชัดเจนนะว่า เราอยากอยู่กับเขาแต่เขาต้องอยากอยู่กับเราด้วย
ไม่ใช่ว่าเราอยู่ของเรานะในฐานะภรรยาแต่เขาไม่ได้อยู่ในฐานะของสามี
คือถ้ามีการตกลงกันชัดเจนว่าถ้าขืนทำอีกนะ
เราก็จะต้องมีประกาศให้คนอื่นเขารู้อย่างชัดเจนว่าเราไม่ใช่คู่กันอีกแล้วนะครับ
ก็แนะนำไป
๒ กรณีนะ มันไม่มีบุญข้อไหนที่ทำแล้วจะทำให้เกิดความมีใจเด็ดเดี่ยวได้
แต่มันมีการที่เราตกลงกับตนเองว่าให้โอกาสเขาที่สุดเท่าไหร่นะที่สุดแค่ไหน
แล้วก็บอกเขาว่า
หลังจากนั้นก็จะไม่มีการต่ออายุความเป็นสามีภรรยากันอีกนะครับอย่างนี้ดีกว่า
มันไม่ใช่เรื่องการทำบุญ มันเป็นเรื่องของการมีความเด็ดเดี่ยวกับตนเอง
มีความตั้งใจแล้วทำตามความตั้งใจให้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น