วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

๓.๓๖ สามีนอกใจ อยากตัดใจให้เด็ดขาด

ถาม : มีความคิดจะเลิกกับแฟนที่คบกันมาตั้งแต่เรียน แล้วตอนนี้แต่งงานอยู่ด้วยกันรวมแล้วทั้งหมดที่คบกันก็นานถึง ๙ ปี (ยังไม่มีลูกค่ะ) แฟนทำหน้าที่ดีมาตลอด แต่เพิ่งมาทราบระยะหลังว่า แฟนนอกใจและชอบโกหก คือทำผิดศีลข้อ ๓ และข้อ ๔ อย่างไม่เกรงกลัวต่อบาป คือพยายามทำหลายวิธีแล้วเขาก็ไม่ดีขึ้น แล้วก็พยายามทำหลายวิธีแล้วที่จะตัดใจเลิกกับเขา แต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลย พอเขามาง้อก็ใจอ่อนทุกครั้ง หนูไม่อยากใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกับคนไม่มีสัตย์ไม่มีศีล ควรจะทำอย่างไรถึงจะตัดใจเลิกได้เด็ดขาดคะ และควรทำบุญประเภทไหนคะ ถึงจะได้ผลแรงและเร็ว?

รับฟังทางยูทูป  http://youtu.be/oNHnUT4N2Zc

ดังตฤณ:
หลายคนยังเข้าใจอยู่ว่าการทำบุญเนี่ยจะมีผลให้เกิดผลที่ต้องการตามปรารถนาอย่างรวดเร็วนะครับ จริงๆแล้วการทำบุญเนี่ยขอให้เข้าใจว่าเป็นการก่อกรรมใหม่ เป็นการทำกรรมใหม่ สร้างกรรมใหม่นะ ไม่ใช่ของที่ถูกวางแผนไว้แต่เดิมโดยบุญเก่าหรือว่าบาปเก่านะครับ

บาปเก่าหรือบุญเก่านี้เรามองไม่เห็นนะ แต่มันมีจริง เราสามารถเห็นหลักฐานหรือร่องรอยของบาปบุญเก่าๆเนี่ยผ่านสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา เกิดมากับพ่อแม่แบบไหน หรือว่ามีชะตาชีวิตที่จะต้องไปพบเจอกับใคร ไปร่วมชีวิตกับใครล้วนแล้วแต่ถูกวางแผนไว้โดยบาปเก่าบุญเก่า

บาปเก่าบุญเก่าไม่ได้หมายถึงอดีตชาติอย่างเดียว บางทีเนี่ยมันหมายถึงการที่เราจะเลือกคบกับใครหรือว่าเราเลือกที่จะเชื่อฟังครูบาอาจารย์แบบไหนนะ มันมีวิธีที่จะเลือกและวิธีที่ตัดสินใจ มีวิธีที่จะตกลงปลงใจกับใคร ซึ่งมองแล้วเนี่ยมันอาจจะเป็นเหมือนกับเอ๊ะเรื่องที่ว่าเราพึ่งมาก่อพึ่งมาสร้าง ถ้าเห็นด้วยตาเปล่าถ้าได้ยินด้วยแก้วหูในชาติปัจจุบันนี้ทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้น แต่ที่แท้แล้วมันมีการสืบสายมา คือไม่ใช่ว่าเราเลือกตัดสินใจที่จะคบกับใครหรืออยู่กับใครเนี่ยมันไม่ใช่ด้วยความชอบใจอย่างเดียว มันด้วยเหตุปัจจัยบีบคั้น เรายังรู้สึกกับว่านี่ต้องเอาอันนี้แหละ ต้องใช่คนนี้แหละ หรือว่าหนีไปไหนไม่รอดทำนองนั้น ซึ่งการที่เราจะอยู่ร่วมกับใครเนี่ยมันพิสูจน์ได้นะว่าเราเคยทำบุญทำบาปร่วมกับเขามามากแค่ไหน ถ้าหากว่าไม่ได้เคยมีปมของกรรมทั้งในฝ่ายบุญทั้งในฝ่ายบาปเนี่ย เราจะไม่ได้อยู่กับใครเลย เราจะไม่ได้เลือก เราจะไม่ได้ลงเอยกับใครเลยนะครับ หรือถ้าจะลงเอยเนี่ย ก็ลงเอยแบบที่มันคือๆหลักของกรรมวิบากเนี่ยเราไม่มีทางที่จะลงเอยกับใครด้วยการที่เพิ่งมาเจอนะครับ ด้วยการที่เพิ่งมาพบเพิ่งมาเห็นและก็ตัดสินใจเอา ต้องมีแรงหนุนหรือบาปเก่าอยู่ คือในแง่ของบุญก็ต้องเคยอาจจะอนุเคราะห์ ร่วมกันอนุเคราะห์ผู้อื่นมา ร่วมกันใส่บาตร ร่วมกันทำบุญกับใครต่อใคร ในฝ่ายบาปก็คืออาจจะเคยทำร้าย อาจจะเคยสาปแช่งกันมา อาจจะเคยคิดอาฆาตกันมาอะไรต่างๆนะ

แล้วส่วนใหญ่ผู้ที่มาอยู่ด้วยกันนะเท่าที่เราสามารถจะมองเห็นด้วยตาเปล่าโดยไม่มีอคติ โดยไม่มีความลำเอียง เราจะพบว่าส่วนใหญ่แล้วเนี่ยนะเป็นทั้งคู่บุญและก็คู่ทรมาน ไม่ค่อยจะมีคู่บุญอย่างเดียว ไม่ค่อยจะมีคู่ทรมานอย่างเดียว

คู่ทรมานคืออะไร? คืออยู่ด้วยกันแล้วทรมานจริงๆนะ ต่างฝ่ายต่างตั้งท่าจะประหัตประหารกัน แล้วก็ไม่มีอะไรดีเลย คืออยู่ด้วยกันนี้มันมีแต่ความทุกข์ มันมีแต่ความร้อน มันมีแต่เสียงด่า มันมีแต่สาดใส่กันด้วยทุจริต ๓ นะ ทั้งกายจริต วจีทุจริต แล้วก็มโนทุจริต อันนี้เรียกว่าพออยู่ด้วยกันแล้วไม่เข้าใจ ลืมไปแล้วว่าเหตุผลเนี่ยทำไมต้องมาอยู่ด้วยกัน มันมีแรงดึงดูดอะไรกันหนอนะ จำได้แต่ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน นี่ตรงนี้เป็นหลักฐานของบาปเก่าที่ทำมาร่วมกัน บางคู่นี่นะเคยโกงแผ่นดินมาด้วยกัน หรือบางคู่เนี่ยโกงวัดมาด้วยกันนะ บางคู่เนี่ยไปโกงชาวบ้านมาด้วยกัน บางคู่เนี่ยเคยมีเหมือนกับเคยรบราฆ่าฟันมาก็มีนะแล้วก็ผูกใจอาฆาต พอคือต่างฝ่ายต่างเคยเป็นชายด้วยกันทั้งคู่มาเกิดใหม่ ฝ่ายหนึ่งเป็นชายฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงแล้วได้แรงอาฆาตนั้นเนี่ย ก็ไปดึงดูดกันด้วยถ่านธรรมชาติความรู้สึกทางเพศนะ แล้วก็พอมาอยู่ด้วยกันปุ๊บเนี่ย มันก็จำกันได้ว่านี่ศัตรูไม่ใช่คู่รักนะ ก็คือจำได้จากส่วนลึกเนี่ยมันก็เลยมีอาการฮึมฮัมใส่กันตลอดเวลานะ หรือฝ่ายบุญเนี่ยก็จะมีเคยอยู่ร่วมกันมาอย่างดีนะ ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน มีความเอ็นดูต่อกัน แล้วก็เกื้อกูลกันอย่างดี พอมาอยู่ด้วยกันมันมีแต่ความสุข มันมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองนะ ส่วนคู่ปกติทั่วไปที่เป็นทั้งคู่บุญและคู่ทรมานกันมา มักจะพบได้จากการที่ฝ่ายชายเนี่ยนะ ไม่สามารถหยุดอยู่กับภรรยาเพียงคนเดียวได้ จะต้องไปมีเล็กมีน้อย หรือว่าทำให้ภรรยาเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ เกิดความรู้สึกบาดเจ็บ เกิดความรู้สึกทุกข์ทรมาน แล้วก็จะผ่านเรื่องการโกหกบ้าง การที่ไปนอกใจบ้าง การที่ไม่ทำหน้าที่สามีที่ดี ไม่เลี้ยงดูภรรยาด้วยความมีแก่ใจที่เสมอต้นเสมอปลายอะไรแบบนี้นะครับ แล้วฝ่ายภรรยาเนี่ย ฝ่ายหญิงเนี่ยนะ ธรรมชาติฝ่ายหญิงเนี่ยก็มักจะเหมือนกับอยากให้เอาใจตัวเองมากๆ แล้วก็อยากจะเรียกร้องความสนใจ เรียกร้องความสงสาร หรือว่าเรียกร้องการดูแล หรือว่าความอบอุ่นจากสามี โดยที่นะครับอาจจะบางครั้งอาจจะไม่สมเหตุสมผลเนี่ย พูดถึงคู่ทั่วไปไม่ได้พูดถึงคู่ปัจจุบันที่เป็นคำถามนะครับ ก็กำลังจะบอกว่าที่เป็นทั้งคู่บุญและก็เป็นทั้งคู่ทรมานกันนะ คู่บาปคู่กรรมกันเนี่ย มันก็เพราะว่าธรรมชาติของทั้งสองเพศเนี่ย ไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่ ฝ่ายหนึ่งเนี่ยนะ ถูกคาดหมายถูกคาดหวังว่าสมควรจะเป็นที่พึ่ง ฝ่ายเป็นที่พึ่งเนี่ยก็ไม่ค่อยทำตัวเป็นที่พึ่ง ไม่ค่อยทำตัวเป็นที่อบอุ่นนะ ไม่ค่อยทำตัวเป็นอะไรที่มันตรงอะไรที่มันเป็นเสาหลักนะครับ ตรงกันข้ามจะทำตัวเป็นไม้เลื้อยจะทำตัวเป็นคนที่นะครับยังไม่มีเจ้าของยังโสดอยู่อะไรแบบนี้ ส่วนฝ่ายที่จะทำหน้าที่ดูแลนะครับเอาใจใส่แล้วก็พะเน้าพะนอเอาอกเอาใจเนี่ยก็กลายเป็นฝ่ายที่เรียกร้องความสงสาร เรียกร้องความเห็นใจ เรียกร้องการเอาอกเอาใจนะครับ มันก็เลยเกิดความขัดแย้ง มันก็เลยเกิดเรียกว่ามาอยู่กันราวกับผิดฝาผิดตัวนะครับ ต่างฝ่ายก็ต่างจะเอาแต่ใจของตนเนี่ย ก็เลยไม่มีใจ เนี่ยที่มาประกบประกอบมาประจวบกันอย่างสมน้ำสมเนื้อนะครับมันกลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างไปตามทิศตามทางของกิเลสที่ตนเองมี ไม่ใช่อยู่กันด้วยธรรมชาติทางเพศที่สมควรแก่กันนะครับ

ไม่ใช่ธรรมชาติทางเพศในที่นี้ ก็หมายความว่า ฝ่ายชายควรจะอบอุ่นและก็เป็นที่พึ่ง แล้วก็ฝ่ายหญิงควรจะมีความเยือกเย็นแล้วก็มีความมีลักษณะเป็นที่ฝากใจได้ เป็นที่ใฝ่ฝันอะไรแบบนั้นนะ แต่กลายเป็นว่าเห็นหน้ากันแล้วฝ่ายชายมีความรู้สึกว่าฝ่ายหญิงเนี่ยเอาแต่ใจตัวเองนะ นอกจากจะไม่ทำให้นึกชวนฝันแล้วเนี่ย มันยังจะชวนเบือนหน้าหนี หรือว่าชวนวิ่งหนีอะไรแบบนั้น ส่วนฝ่ายชายเนี่ยนะแทนที่จะมีความซื่อสัตย์เป็นเสาหลักของบ้าน ก็กลายเป็นไม้เลื้อยไปอะไรแบบนี้นะ ฝ่ายหญิงก็เกิดความผิดหวังนะครับ อันนี้เป็นต้นเหตุของการที่ต่างฝ่ายต่างเป็นคู่บุญและก็คู่เวรต่อกัน เจอกันครั้งไหนก็จะมีทั้งรักและก็มีทั้งชัง มีทั้งดูดดื่มหวานชื่นนะครับ แล้วก็มีทั้งความรู้สึกขมขื่น มีทั้งความรู้สึกทรมาน มีทั้งความรู้สึกทุกข์ใจ แล้วก็การเดินทางท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดไปเป็นอนันตชาติในสังสารวัฏนี้มันไม่มีหรอกที่เราจะได้เจอแต่ดีกับดีนะครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นทั้งคู่บุญแล้วก็คู่เวรกันอย่างนี้แหละโดยมากนะครับ ส่วนน้อยนักที่จะพบพระพุทธศาสนาหรือไม่ก็อยู่ในศาสนาอื่นนะแล้วก็มีศรัทธาที่ตรงกัน มีศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ในความดีในความสว่างนะครับ แล้วก็สามารถที่จะประคับประคองเกื้อกูลกันด้วยความเอ็นดู ด้วยความมีใจเดียว ซื่อสัตย์เด็ดเดี่ยวนะครับ

อันนั้นก็พอเราทำความเข้าใจอย่างนี้นะ ก็จะไม่มามองง่ายๆว่า เราควรจะทำบุญอย่างไรถึงจะหนีจากคนๆนึงไปได้ ถ้าหากว่าเราเคยพบเคยเกี่ยวพันกับเขามาไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยชาติเนี่ยนะในทางดีทางร้าย ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยก็จะเกิดความผูกพันเหนียวแน่นนะครับ ทั้งทางดีทางร้ายเนี่ยมันจะต้องชดใช้กันจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถที่จะอยู่บนเส้นทางหนึ่งที่แตกต่างไป เส้นทางที่ให้อภัยอย่างบริสุทธิ์ เส้นทางที่จะครองพรมจรรย์อย่างบริสุทธิ์ เส้นทางที่ไม่นึกจะเอาคู่ ไม่อยากที่จะเกาะเกี่ยวไม่อยากจะอยู่มีชีวิตอยู่เป็นคู่ๆ อย่างนั้นเนี่ยถึงจะออกจากวงจรแห่งภัยแห่งเวรได้นะ นอกนั้นคืออย่าไปหวังนะ อย่าไปคาดหวังว่าเราจะเจอแต่คนที่จะรักและก็เอาใจใส่เราตลอดไป เมื่อมองเป็นภาพรวมได้อย่างนี้เกี่ยวกับชีวิตคู่ ทีนี้เราจะต้องทำอย่างไรต่อถ้าหากว่าคู่ของเราไม่ได้มีศรัทธาในทางเดียวกับเรา แล้วก็ไม่ได้มีพื้นจิตพื้นใจไม่ได้เป็นคนมีศีลมีธรรมนะ ทำอย่างไรก็มี ๒ ทางให้เลือกนะครับ

ทางเลือกแรก เราพิจารณาว่าเราเป็นฝ่ายที่ครองศีลนะ ต้องคิดอย่างนี้นะคือๆ ฟังดีๆ เราเป็นฝ่ายที่ครองศีลมาโดยบริสุทธิ์ แล้วเราไม่สามารถอยู่กับอีกฝ่ายที่ไม่สามารถครองศีลบริสุทธิ์ได้นะครับ โดยธรรมชาติแล้วเนี่ย เมื่อพิจารณากันที่ศีลนะครับ เราๆจะละจากความติดใจนะครับ ติดใจไปอยู่กับความทำให้ใจอ่อนได้ในภายหลังนะครับ ติดใจในภาวะคู่ ติดใจในภาวะที่เคยคบหากันมา เคยมีความผูกพันที่แน่นแฟ้นต่อกันนะครับ มันจะมีแง่มุมการพิจารณาที่ประจักษ์ต่อใจอีกอย่างหนึ่งนะครับ อันนี้ขอให้ฟังดีๆนะ นี่ไม่ได้ยุให้เลิกกันนะ ไม่ อันนี้ไม่ใช่หน้าที่ของผมนะที่จะไปบอกให้ใครเลิกกับใคร แต่พิจารณาอย่างนี้ว่า เป็นไปตามหลักในพระไตรปิฎกที่ท่านแนะนำไว้นะ ถ้าหากว่าบุคคลมีศีลแล้วนะครับ ไม่ควรที่จะไปคบหาหรืออยู่ร่วมกันคนไม่มีศีล ถ้าหากว่าไม่สามารถพบใครที่มีศีลเสมอกับตนได้นะ ก็ควรท่องเที่ยวไปตามลำพังโดยเดี่ยวประดุจนอแรดนะ อันนี้คือเปรียบเทียบว่า มีหน่อเดียวอย่างนี้จะดีกว่าไปหลายคนหรือว่าอยู่กันเป็นคู่ๆ ทำนองนั้นคือพิจารณาอย่างนี้ด้วยใจอย่างนี้นะ คือถ้าเราเห็นด้วยกรอบด้วยบรรทัดฐานของศีลเนี่ย เราก็จะพบว่าตัวเองอยู่ในฐานะที่ขาวกว่า หรือว่าอยู่ในทิศทางที่ถูกต้องกว่า หรืออย่างไรนะครับ ถ้าพิจารณาอย่างนั้นแล้วเนี่ยนะเราก็จะสามารถละความติดใจได้

ทีนี้การละความติดใจ ไม่ใช่ว่าเราจะไปเลิกกับเขาทันทีนะครับ แต่เราสามารถที่จะเหนี่ยวนำให้เขามาถ้าเขาจะยังอยากอยู่กับเราเนี่ย เหนี่ยวนำให้เขานี่มามีจิตแบบเดียวกับเราได้ คือเน้นกันเรื่องนี้แล้วก็ทำให้ดูเป็นตัวอย่างนะครับว่า คนมีศีลเนี่ยนะต้องซื่อสัตย์อย่างไร ต้องประพฤติตนอย่างไร และต้องมีความเยือกเย็น มีความสะอาด มีความพร้อมอย่างไร ถ้าเขาไม่สามารถที่จะเป็นคนมีศีลได้ ในที่สุดเนี่ยมันก็จะเกิดความรู้สึกผละกัน ออกจากกันโดยดีนะครับ แต่ถ้าหากว่าเราสามารถที่จะเหนี่ยวนำให้เขามามีศีลแบบเดียวกับเราได้ อันนี้ก็จะกลายเป็นว่าเราเป็นฝ่ายชนะ เราเป็นฝ่ายที่สามารถนำทางเขามาความถูกต้องความสว่างได้นะครับ

แต่อีกทางหนึ่งนะครับ เมื่อกี้เนี่ยพิจารณาเรื่องการมีศีล อีกทางหนึ่งคือเรานะครับพิจารณาเรื่องว่าเราให้อภัยเขาได้กี่ครั้ง ลิมิตได้กี่ครั้งนะ มีการตกลงกันชัดเจนว่า ถ้าหากทำผิดครั้งนั้นครั้งนี้เราจะไม่อภัยแล้วนะ เพราะว่ามันไม่ไหว มันไม่ใช่สิ่งที่จะไปเห็นใจกันตลอดชีวิตอีกนะครับ เราต้องมีความเด็ดเดี่ยวบ้างนะครับ ถ้าหากว่าเขาจะต้องการที่จะใช้ชีวิตอยู่กับเราจริงๆเนี่ย ก็ไม่ควรมาทำให้เราเกิดความรู้สึกเหมือนกับว่านี่ไม่ใช่คู่ของเราแต่เป็นของใครก็ไม่รู้ มีใครเป็นเจ้าของบ้างก็ไม่รู้ คือมันต้องมีคำพูดที่บอกชัดเจนนะว่า เราอยากอยู่กับเขาแต่เขาต้องอยากอยู่กับเราด้วย ไม่ใช่ว่าเราอยู่ของเรานะในฐานะภรรยาแต่เขาไม่ได้อยู่ในฐานะของสามี คือถ้ามีการตกลงกันชัดเจนว่าถ้าขืนทำอีกนะ เราก็จะต้องมีประกาศให้คนอื่นเขารู้อย่างชัดเจนว่าเราไม่ใช่คู่กันอีกแล้วนะครับ


ก็แนะนำไป ๒ กรณีนะ มันไม่มีบุญข้อไหนที่ทำแล้วจะทำให้เกิดความมีใจเด็ดเดี่ยวได้ แต่มันมีการที่เราตกลงกับตนเองว่าให้โอกาสเขาที่สุดเท่าไหร่นะที่สุดแค่ไหน แล้วก็บอกเขาว่า หลังจากนั้นก็จะไม่มีการต่ออายุความเป็นสามีภรรยากันอีกนะครับอย่างนี้ดีกว่า มันไม่ใช่เรื่องการทำบุญ มันเป็นเรื่องของการมีความเด็ดเดี่ยวกับตนเอง มีความตั้งใจแล้วทำตามความตั้งใจให้ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น