วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

๔.๖๓ ฝึกเอาชนะใจตัวเองและมีวินัย

ถาม :  ขอเทคนิคการเอาชนะใจตนเอง มีความแน่วแน่ในการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างมีวินัย

รับฟังทางยูทูบ :  http://youtu.be/mCTrOUnkQWM

ดังตฤณ: 
ช่วงนี้ก็มีปัญหาทำนองเดียวกันค่อนข้างเยอะนะ คือคนในเมือง บอกตรงๆนะ ถ้าเป็นยุคสมัยปัจจุบันมักจะมีผู้ใหญ่พูดกันว่าวินัยของคนรุ่นใหม่น้อยกว่าคนสมัยก่อนเยอะ แล้วก็มีการพูดคุยกันว่ามันเป็นเพราะอะไร

จริงๆถ้าเรามองเป็นคนๆนะ ก็มีบางคนที่มีวินัยสูง แล้วก็มีความเสมอต้นเสมอปลายได้ไม่ว่าจะยุคใดสมัยไหน  แต่ยุคนี้สมัยนี้นะ พูดง่ายๆ เครื่องล่อใจมันเยอะ ทั้งอินเตอร์เน็ต ทั้งทีวี  ทั้งโรงหนัง ทั้งห้างสรรพสินค้า ทั้งกิ๊กที่มีอยู่ประปราย ทั้งสถานศึกษา ที่ทำงาน ในเฟสบุ๊ก ในทวิตเตอร์ มันเยอะไปหมด  เครื่องล่อใจเยอะโอกาสที่จะเสียวินัย เสียความตั้งใจมันก็สูง  เพราะคนสมัยก่อนเครื่องกระตุ้นหรือเครื่องเร้ามันค่อนข้างจะไม่แรงเหมือนกับปัจจุบันนี้

ในปัจจุบันนี้เราโทษไปก่อนก็ได้ รำไม่ดีโทษปี่โทษกลองไปสักใบหนึ่ง บอกว่ากิเลส เครื่องเร้ากิเลสมันแรง แล้วก็เยอะ เอาอย่างนี้ก่อน  ถามว่าทำอย่างไรเราจึงจะมีวินัยในตัวเอง เราก็เล็งไปที่ตรงนี้แหละ เล็งไปที่แพะรับบาป คือตัวกระตุ้นกิเลสมันเยอะขึ้น เราก็จะได้มีโฟกัสที่ชัดเจนขึ้น 

เราจะทำอย่างไร
ที่จะเอาชนะ เครื่องกระตุ้นกิเลส ?
พอคิดเป็นคำที่ชัดเจน มีนิยามที่ชัดเจน
เราจะได้พุ่งความสนใจเข้าไปถูกจุด!

แล้วก็เล็งเข้าไปตรงเป้า มากกว่าที่จะถามแบบกว้างๆ แบบครอบคลุมว่า ทำอย่างไร เราถึงจะมีวินัยดีขึ้น เพราะว่าการมีวินัยดีขึ้น ไม่ใช่อยู่ๆเราจะไปบังคับตัวเองแล้วก็ทำได้หรอก

ส่วนใหญ่คนที่ขาดวินัย
เหตุผลข้อแรกเลยคือ
มี "เครื่องล่อใจ" ที่น่าสนใจ
น่าติดใจมากกว่า "จุดมุ่งหมายในชีวิต"
ขอให้จำตรงนี้ไว้นะ !

ถ้าหากว่าเรามีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ชัดเจนพอ จุดหมายนั้นสามารถดึงความเป็นตัวเราออกมาได้มากพอ เราสามารถที่จะทุ่มเททั้งร่างกายและจิตใจให้กับงานที่ตัวเองรักได้มากพอ จะไม่มีเครื่องล่อไหนมาทำให้เราเสียวินัยได้  แต่นี่เครื่องล่อมันมีพลังดึงดูดมากกว่างานในชีวิต งานที่เราควรจะละ อันนี้มันก็เลยเสียวินัยไปได้บ่อย ๆ ถ้าเรานิยามแบบนี้มันชัดเจนขึ้นนะว่า ภาพรวมทั้งหมดของชีวิตเราที่เสียวินัยไปไม่ใช่เพราะว่าเราเป็นคนเหลวไหลมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก แต่เป็นเพราะว่าตั้งแต่อ้อนแต่ออกมาจนกระทั่งถึงบัดนี้ เรายังไม่สามารถหาอะไรที่มันดึงดูดใจให้เราปักหลักมั่นคงเป็นงานเป็นการได้เท่ากับเครื่องล่อใจ

เมื่อกี้ที่น้องถามว่ามันชอบมีอะไรมารบกวน มันชอบมีอะไรมาดึงเราให้เขวไปจากวินัย  นั่นมีความชัดเจนในตัวเองอยู่แล้วว่า ใจเราแพ้สิ่งที่มาล่อใจ ไปจากจุดมุ่งหมายที่ควรจะทำ ที่ควรจะพุ่งไปหา  หลักการวิธีง่ายๆ เมื่อเราเห็นภาพอย่างนี้ชัดเจนนะ

ใจของเรามันจะมีโฟกัสชัดขึ้น คือ
เราจะมองสิ่งที่เป็นเครื่องล่อให้เขวว่า
มันมีกำลังดึงดูด!

แล้วถ้าหากว่ามันส่งแรงดึงดูดมาปุ๊บ หรือว่าจะต่อให้เป็นเหตุการณ์อะไรก็แล้วแต่ จะอ้างอะไรก็แล้วแต่ เพื่อนมาหาหรือว่ามีความจำเป็นอะไรก็แล้วแต่

เราจะ "จัดลำดับความสำคัญ" ว่า
อันนี้นี่มันจำเป็นแบบขั้นคอขาดบาดตายจริงๆ?
หรือว่ามันเป็นแค่ดึงให้เขว ?

บางทีสมมติอย่างเพื่อนโทรมานี่นะ เอาเข้าจริงห้านาทีก็สามารถวางหูได้ แต่ด้วยความที่คุยกับเพื่อนมันเพลิน หรือคุยกับแฟนมันมีความรู้สึกสนุกกว่าที่จะต้องมาทำงาน ที่จะต้องมามีวินัยกับตัวเอง หรืออย่างสมมติตั้งใจจะสวดมนต์ ตั้งใจจะทำบุญ หรือตั้งใจจะทำสมาธิ  ถ้ามันไม่น่าสนใจเท่ากับการที่ได้คุยกับเพื่อนนาน ๆ เราก็อยู่กับเพื่อน

นี่คือความเคยชินที่สั่งสมมา !

นี่คือสิ่งที่เราไม่ทันมองว่า มันทำให้เราขาดจุดมุ่งหมายในชีวิตไปอย่างไร  แต่พอนิยามชัดเจนว่า

ชีวิตมีอยู่แค่สองอย่างนะ
"เป้าหมาย" กับ "เครื่องล่อให้เขว"

ถ้าสองอย่างนี้มันปรากฏกับใจเราชัดแล้ว ไม่ว่ามันจะมาในรูปแบบไหน เป็นเพื่อน เป็นแฟน เป็นเสียงเพลง เป็นหนัง เป็นละคร เป็นอินเตอร์เน็ต เฟสบุ๊ก ทวิตเตอร์ อะไรก็แล้วแต่  เราจะจัดเข้าไปรวมข้างเป็นพวกเดียวกัน ว่าเป็น "เครื่องล่อ"

แล้วก็สิ่งที่มันเป็นความตั้งใจดี ๆ ของเรา จะเป็นการทำบุญ จะเป็นการนั่งสมาธิ จะเป็นการทำงานที่คั่งค้างอยู่อะไรก็แล้วแต่  ถ้าหากว่ามันเป็นฝ่ายดีแล้ว เราจะรู้สึกว่าเรากำลังทิ้งสิ่งนั้นมา

ถ้าหากเรากำลังทิ้ง "สิ่งดี" มาหา "เครื่องล่อ"
ใจเราพอเห็นบ่อยๆเข้านะ
มันจะเกิดเซ้นส์ของ
ความรู้สึกถูก กับ ความรู้สึกผิด
ขึ้นมาได้ในที่สุด

คือพอให้เวลากับสิ่งล่อใจมากเกินไป มันจะเริ่มไม่สบายใจ มันจะเริ่มรู้สึกว่าเราอยู่ผิดที่ ผิดทาง ผิดเวลา ผิดกาลเทศะแล้ว 

แต่ถ้าเราไม่นิยามว่านั่นคือเครื่องล่อ นั่นคือเป้าหมายที่แท้จริง  ความรู้สึกว่าผิดที่ ผิดทาง ผิดเวลา มันจะไม่เกิดขึ้นเลย จิตใจของเราจะพร่ามัว มันจะมีแต่ความรู้สึกเลื่อนลอย ไม่มีความสามารถที่จะแบ่งแยกว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ เวลานี้ควรอยู่ตรงไหน เวลานี้ไม่ควรไปอยู่กับใคร 


ถ้าหากว่าเราเข้าใจอย่างนี้ในที่สุดความมีวินัยมันจะเกิดขึ้นเองจากเซ้นส์  เซ้นส์ว่าเราอยู่ในผิดที่ผิดทางหรือเปล่า เราอยู่ในที่ที่ถูก เราใช้เวลาไปอย่างถูกต้องหรือเปล่า  เซ้นส์ตรงนี้เกิดขึ้นไม่ได้โดยปราศจากความตั้งใจ  มันเกิดขึ้นเองลอยๆไม่ได้ต้องมีการทำความเข้าใจอย่างที่ผมว่ามานะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น