วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2563

จิตของเรา ถ้าตั้งใจพัฒนาสม่ำเสมอ จนมีกำลังมากขึ้น จะเหนี่ยวนำให้คนใกล้ตัวมีสภาวะดีขึ้นด้วยไหมครับ?

ดังตฤณ :  เคยมีคนเปรียบเทียบว่า มันเหมือนเราจุดเทียนขึ้นมาในบ้าน เราไม่ได้รับแสงสว่างอยู่แค่คนเดียวหรอก คนในบ้านก็พลอยจะได้รับไปด้วยนะครับ เพราะว่าความสว่างเป็นของสาธารณะ คือถ้ามองว่าเดิมสมมตินะ ในบ้านมันมีความมืดมนอนธการอยู่ แล้วต่างฝ่ายต่าง .. สมมติอยู่กันสองคนผัวเมีย มีลูก ต่างฝ่ายต่างมืดด้วยกันทั้งคู่นะครับ เสร็จแล้วมีฝ่ายหนึ่งวันหนึ่งเปลี่ยนแปลง จุดเทียนขึ้นมาในตัวเองได้ แล้วมีแสงส่องสว่างออกมาจากตัวอย่างเห็นได้ชัด

กล่าวคือ เวลาที่มีปัญหา แทนที่จะไปเพิ่มปัญหาด้วยการคิดมาก คิดไม่ดี คิดในทางที่เป็นลบ ก็เอาใหม่ รู้จักที่จะห้ามอกห้ามใจ ไม่พูดทุกอย่างที่ตัวเองคิด ไม่ทำทุกอย่างที่ตัวเองอยากประชด ไม่มีความเหมือนกับพุ่งเข้าชนเป็นกระทิง แต่ว่ามีสติปัญญาแบบมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่เห็นด้วยเหตุด้วยผลว่า อะไรเป็นอะไร ต้นเหตุปัญหาอยู่ที่ไหน แล้วจะแก้ปัญหายังไง อันนี้คือความสว่าง

ลักษณะความสว่างของจิต มันสะท้อนออกมาทางพฤติกรรมและคำพูด ซึ่งถ้าหากว่าเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ความสว่างแบบนี้มันก็จะไประงับยับยั้ง หรือไปเปลี่ยนใจคนที่อยู่ใกล้ตัวที่จะต้องมามีปฏิสัมพันธ์อยู่ด้วยอยู่เรื่อยๆ ให้ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตามไปด้วยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากว่า คนที่อยู่ใกล้ตัวของเราไม่ได้ดื้อด้าน ไม่ได้มีความเหมือนกับอยากจะแกล้งให้ชีวิตมันพังพินาศให้ได้ ไม่รู้ไปจองเวรมาจากไหน บางคนมีจริงๆ นะ ประเภทที่ว่า มีความรู้สึกอยู่ลึกๆ ที่เอาชนะตัวเองไม่ได้ มันมีความมืดบอดอะไรบางอย่างที่บังตาบังใจอยู่ มีแต่อยากจะทำให้เรื่องที่เลวร้าย มันเลวร้ายขึ้นไปอีก สถานการณ์ย่ำแย่อยู่แล้ว ไปกระทืบซ้ำให้มันจมดินเข้าไป อย่างนี้มีนะครับ มีจริงๆ แล้วส่วนใหญ่มันก็จะผูกเวรผูกกรรมกันมา บอกเจอหน้าแล้ว โอเค มาอยู่ด้วยกันนี่แหละ แต่ใจลึกๆเนี่ย ไม่รู้เอาความคิดมาจากไหน แบบว่าจะต้องย่ำยีบีฑา จะต้องแก้แค้นมันให้ได้ ไม่รู้ไปผูกใจเจ็บมาจากไหน รู้แต่ว่าไอ้ความผูกใจตรงนี้เนี่ย ไม่หายไป ไม่คลายเงื่อนไป นี่อย่างนี้มันก็ยากหน่อย มันมืดบอดระดับก้นถ้ำ

แต่ถ้าหากว่ามืดแบบสลัวๆ อยู่เกือบๆ ปากถ้ำ ถ้าหากว่าเราได้แสงเทียน หรือว่าเราได้ความสว่างในตัวเองขึ้นมา มันก็เอาไปเผื่อแผ่คนที่อยู่ปากถ้ำได้

ทีนี้อย่างที่คุณบอกว่า จิตของเรา ถ้ามีกำลัง มันก็ต้องถามด้วยว่า มีกำลังระดับไหน เพราะว่ากำลังของจิตที่ฝึกแล้ว มันมีหลายชั้นหลายระดับนะครับ ระดับที่มีความสุขุม มีความเยือกเย็น มีความสว่างแจ่มจ้า แบบนั้นก็มี แต่ไปอยู่ที่วัดนะ ไม่ได้อยู่ที่บ้าน

คือจิตผ่องแผ้วมากๆ บางทีอยู่บ้านไม่ไหวนะครับ เพราะว่าคนที่ใช้ชีวิตแบบโลกๆ เนี่ย มันมีเหตุให้ต้องขัดใจกัน มันมีเหตุให้ต้องไปค้าขายแข่งกับคนอื่นเขา หรือว่าไปแย่งตำแหน่งในองค์กรกัน จะเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือจะเป็นเจ้านายก็แล้วแต่ อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ฆราวาสเป็นทางมาแห่งธุลีนะครับ

เพราะฉะนั้นกำลังจิตที่ว่านี้ ก็คงพูดได้ในระดับของการเป็นคนมีศีลมีธรรม เป็นคนหักห้ามใจไม่ตามกิเลสหยาบๆ เช่น ราคะที่แก่กล้าขนาดไปผิดศีลข้อ ๓ หรือว่า โทสะที่มันหนักเกิน ขนาดที่ไปผิดศีลข้อปาณาได้ ฆ่าแกงกันได้ หรือว่าไปทุบตีกันได้ อะไรแบบนี้นะครับ

ฆราวาสเนี่ย ก็เอาแค่หวังว่าเราจะเจริญสติ เราจะทำสมาธิดีพอที่จะถือศีลห้าให้สะอาด รักษาศีลห้าได้สะอาด แล้วก็เป็นคนมีน้ำใจมากกว่าคนทั่วๆ ไป แต่ที่ผ่องแผ้วขนาดว่าจิตตัวเองมีกำลังศักดิ์สิทธิ์ สามารถที่จะเอาชนะใจคนข้างตัวได้ แล้วก็เหมือนกับแผ่เมตตาปุ๊บ ได้ผลราวกับพระพุทธเจ้าท่านแผ่เมตตาให้ช้างนาฬาคิรี ช้างบ้าตกมันให้สยบราบคาบได้เนี่ย อันนั้นคงไม่ถึงขั้นนั้น

แต่เราสามารถแน่นอน ที่จะทำให้จิตใจของตัวเองเยือกเย็นลง แล้วก็มีความสว่างมากขึ้น เอาแค่เรื่องของการยับยั้งชั่งใจตามปกติเนี่ยแหละ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องของสมาธิขั้นสูงนะครับ

ถ้าหากว่าเราถือศีลได้สะอาดบริสุทธิ์จริง มันจะมีกำลัง มีความมั่นใจในตัวเอง มีความเชื่อมั่นใจตัวเองว่า เออ เราก็มีดี เราก็มีทุน เราก็มีความสว่างในแบบที่จะมาเผื่อแผ่ให้คนใกล้ตัวได้เช่นกันนะครับ

เรื่องของการถือศีลเนี่ยนะ คนส่วนใหญ่จะมองกันแค่ว่า เนี่ยเอาแบบที่พระนำให้สวดน่ะ บอกว่า ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดประเวณี ไม่โกหก แล้วก็ไม่กินเหล้า แต่เอาเข้าจริงๆ ถามว่าใส่รายละเอียดลงไปนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศีลข้อ ๔

ศีลข้อ ๔ ที่ว่ามุสาวาทเนี่ย มันไม่ได้มีเรื่องการโกหกอย่างเดียว มันมีเรื่องของการที่เราพลั้งปากพลั้งใจ ถึงขั้นไปประทุษร้ายใครโดยไม่รู้ตัวบ้างมั้ย ถ้าหากว่ากำลังเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาเนี่ย คนส่วนใหญ่โดยปกติที่ยังไม่มีความสว่าง ยังไม่มีแสงเทียนจุดขึ้นมาในหัวใจ มันก็ปล่อยเลยตามเลย ก็พูดจาแบบว่าใช้ลิ้นเป็นมีดไปแทงหัวใจเขา หรือว่าเป็นค้อนไปทุบแก้วหูเขา ซึ่งอะไรแบบนี้เนี่ย ศีลอะไรแบบนี้เนี่ยนะ คือถ้าเราพิจารณาดีๆ แล้ว เราจะรู้เลยว่าต้องใช้กำลังใจ ต้องใช้ความสามารถ ต้องใช้สติในการหักห้าม ในการสร้างบารมี ในการสร้างความสว่างขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องง่าย

ทีนี้ถ้าใครทำได้ มันก็จะเห็นผลนะครับ คือคำพูดของเรา อากัปกิริยาท่าทีของเราจะออกมาแต่ในทางที่มันคล้ายๆ กับว่า พร้อมจะเป็นเครื่องปลอบใจคน ใครกำลังมีปัญหาอะไร หรือว่าใครกำลังมีเรื่องยุ่งยากใจอะไร พอมาอยู่ใกล้ๆ เรา มันจะรู้สึกเย็นลง มันจะรู้สึกว่า เออ ปัญหาแค่ไหนก็แก้ได้ ตรงนี้แหละคือความสว่าง

ถ้าหากว่าเรามีความสว่างในแบบนี้นะ ในทางวาจา ในทางอากัปกิริยาท่าทีมากขึ้นแล้ว คนใกล้ตัวนี่แหละเป็นคนแรกที่จะได้รู้ว่า เขาอยู่กับความเย็น เขาอยู่กับความสว่าง ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเขาว่า ตัวเขาเองจะมีความเต็มใจแค่ไหน ที่จะตามเรามานะครับ

คนส่วนใหญ่จะคิดเหมือนไสยศาสตร์ บอกว่าแผ่เมตตา หรือว่าสวดมนต์อะไรแล้ว ขอให้เปลี่ยนใจคนใกล้ตัวตามความคิดที่เราต้องการ เช่น เรามองว่าเขาคิดชั่ว คิดไม่ดีเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ ก็จะไปอธิษฐานเอา ขอให้เขาเปลี่ยนความคิด พอเขาไม่เปลี่ยนความคิด เราก็รู้สึกว่า เออ จิตของเรายังมีกำลังไม่พอ หรือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราขอให้เป็นแรงหนุนแรงช่วยเนี่ย ยังมีบารมีไม่มากพอ อะไรทำนองนั้น ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่นะครับ มันเป็นความเข้าใจผิดของเราเองว่า เราสามารถขอได้ทุกอย่าง เราสามารถบำเพ็ญเพียรทางจิต มีสมาธิขั้นนั้นขั้นนี้ แล้วก็ไปเปลี่ยนใจคนได้ แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านยังเปลี่ยนใจพระเทวฑัตไม่ได้เลย ตอนที่ก่อนที่พระเทวฑัตจะทำอนันตริยกรรมสำเร็จเนี่ยนะครับ หรือว่าพระญาติของพระองค์เอง ที่จะไปฆ่าพระญาติด้วยกัน พระองค์ไปห้ามสามครั้ง ห้ามไม่ได้ ก็ปล่อยให้ฆ่ากันแบบนี้นะครับ

แม้แต่ผู้ที่มีพลังทางจิตสูงที่สุดในอนันตจักรวาลแล้วนะครับ ก็ไม่สามารถที่จะไปเปลี่ยนใจคนทุกคนได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องเข้าใจขอบเขตว่า การเจริญสติ การมีสมาธิ มันเปลี่ยนเราเองเป็นหลัก มันไม่ได้มีประกันนะครับว่าจะไปเปลี่ยนคนอื่นได้

ที่พูดถึงเรื่องนี้ยาวก็เพราะว่า คนเข้าใจกันไม่ถูกต้องอย่างนี้เยอะจริงๆ นะ คือเราทำสมาธิ เราเจริญสติเนี่ย เราเปลี่ยนตัวเองเป็นหลักนะครับ ทีนี้ผลข้างเคียงจะไปได้กับคนอื่นหรือเปล่า มันขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยหลายอย่าง แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีการแบบทางลึกลับ ส่วนใหญ่จะเป็นวิธีการที่ตรงไปตรงมา ผ่านคำพูด ผ่านการกระทำที่มีต่อกันนะครับ 

---------------------------------------------------

๑๙ กันยายน ๒๕๖๓
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน เลิกหลอกตัวเองทำยังไง?

คำถาม : จิตของเรา ถ้าตั้งใจพัฒนาสม่ำเสมอ จนมีกำลังมากขึ้น จะเหนี่ยวนำให้คนใกล้ตัวมีสภาวะดีขึ้นด้วยไหมครับ?

ระยะเวลาคลิป       ๑๑.๐๗ นาที
รับชมทางยูทูบ    https://www.youtube.com/watch?v=5EfBAcqqOd8&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=9

ผู้ถอดคำ  แพร์รีส แพร์รีส


** IG **


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น