วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563

เวลาดูจิต หรือเดินจงกรมก่อนนอน รู้สึกตื่นข้างในตลอดเลย จนเกิดความกังวล อยากจะหลับแต่หลับไม่สนิท เหมือนนอนไม่อิ่ม ขอคำแนะนำ

ดังตฤณ :  ต้องย้อนกลับไปบอกอีกทีว่า การเป็นฆราวาสไม่ใช่การที่เราจะมีเวลาฟูลไทม์(full time)ที่จะทำสติให้เจริญขึ้นเรื่อยๆ นะครับ อย่างพระ หน้าที่ของท่านโดยจริงๆ ดั้งเดิมเลยก็คือ ตั้งแต่ตื่นนอนมา ก็ต้องเจริญสติ มีสติรู้เนื้อรู้ตัวรู้กายรู้ใจ รู้โดยความเป็นรูปเป็นนาม ยิ่งมีความรู้มีความตื่นมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี ยิ่งเป็นที่สรรเสริญ พระพุทธเจ้าท่านสรรเสริญ คือจะไม่หลับไม่นอนเลย ยิ่งได้รางวัลจากธรรมชาติคือ ยิ่งเข้าถึงได้เร็วขึ้นเท่านั้น ตั้งแต่ตื่นจนกระทั่งนอนหลับไม่มีช่วงไหนเลย ที่ไม่ควรจะเจริญสตินะครับ ควรจะเจริญสติตลอด ควรจะทำสมาธิตลอด แม้กระทั่งว่าท่านจะทำสมาธิ หรือว่าเดินจงกรมก่อนนอน แล้วตาแข็งค้างมีอาการแบบนี้ขึ้นมาท่านก็ไม่ห่วง เพราะว่าไม่ต้องตื่นขึ้นมา ไม่ต้องรีบตื่นขึ้นมาทำงาน หรือว่าไม่ต้องกลัวว่าเดี๋ยวจะง่วงตอนกลางวัน คือถ้าเป็นพระในสมัยพุทธกาล ท่านง่วงท่านงีบนะ ถ้าง่วงจริงๆ แต่นอกเหนือจากนั้น ตอนที่ท่านไม่ง่วง ท่านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น เพราะฉะนั้นท่านจะปฏิบัติเต็มที่อย่างไร หรือว่าจะมีความอ่อนเพลีย มีอาการตาแข็งตาค้างอย่างไร ก็จะไม่เกิดความกังวล จะไม่เกิดความห่วง อันนี้พูดถึงในแง่การปฏิบัติแบบฟูลไทม์

แต่การปฏิบัติแบบพาร์ทไทม์ (part-time)ของเรา บางทีมันอดกังวลไม่ได้ว่า ถ้าตื่นเช้ามาแล้วยังง่วงหงาวหาวนอนเพราะช่วงกลางคืนมัวแต่เดินจงกรม อย่างนี้จะทำยังไง? ก็ย้ายเวลา เอาเวลาที่เดินจงกรมตอนกลางคืน สมมติว่าเดินตั้งแต่ ๒ ทุ่ม ถึง ๔ ทุ่ม แล้วปรากฏว่าหลังจาก ๔ ทุ่มนอนไม่หลับตาแข็งตาค้าง ก็เปลี่ยนจาก ๒ ทุ่มนั้นมาเป็นเวลานอน นอนหลับตั้งแต่ ๒ ทุ่ม แล้วตื่นเร็วขึ้น ๒ ชั่วโมง อย่างนี้มันจะลดความกังวลไปได้นะครับ

พูดถึงฆราวาสที่ทำงานมาทั้งวัน แล้วมาเดินจงกรมช่วงกลางคืน บางทีมันไม่กระจ่างนะ มันมีความขมุกขมัวมันมีความรู้สึกเหมือนกับว่าไม่พร้อมที่สติจะเจริญเต็มที่ สู้ตื่นนอนหัวโล่งๆ ไม่ได้ เวลาเท่ากันนะ แต่ถ้าย้ายเวลา ย้ายช่วงจากกลางคืนไปเป็นเช้าตรู่ เห็นผลต่างเลยนะ คือแรกๆ อาจไม่ชินอาจจะง่วงหงาวหาวนอนบ้าง รู้สึกว่านอนไม่ตรงเวลา ตื่นผิดเวลา แต่ถ้าทำไปเรื่อยๆ จนเกิดความเคยชิน แล้วเทรนให้ร่างกาย สมอง แล้วก็จิตใจมันรับกันกับสภาพโล่งๆ ตอนเช้าได้ จะเห็นนะว่าเราเดินจงกรมได้เหมือนพระเหมือนชีเลยนะครับ เหมือนอยู่วัดเลย อันนี้ก็เป็นคำแนะนำแรกนะครับ คือย้ายช่วงเวลา

ประการที่ ๒ คือ เรื่องของการตาแข็งเวลานอน ที่ผมแนะนำวันนี้ ถ้าใครลองดูจะพบว่า ถ้าเรารู้สึกได้จริงๆ เอาแค่รู้สึกแค่รางๆ ก่อนว่า ท่อนแขนที่วางไปบนฟูกนอนมันเป็นการวางแขนไปบนฟูกนอนก็คือการที่กระดูกแขนมันวางลง เห็นการวางลงของแขนเหมือนการเห็นกระดูกแขนมันวางลง คือไม่ได้รู้สึกว่าเป็นแขนของเราที่มันวางลง แต่เห็นเหมือนโครงกระดูก เหมือนกระดูกแขนที่เป็นซี่ๆ มันวางลงได้ ใจก็จะวางตามด้วย

ลักษณะของใจที่วาง ลักษณะของใจที่ไม่ยึดจริงๆ เนี่ย เวลาสงบ เวลาตื่น มันจะเป็นความรู้สึกตื่น รู้สึกสงบอย่างนุ่มนวล ลักษณะเหมือนลักษณะแผ่เมตตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากว่า จิตเป็นหนึ่งได้ อย่างน้อยอุปจารสมาธิขึ้นไป มีความสว่าง มีความแผ่ มีความว่าง กว้างใหญ่ คุณจะรู้สึกถึงอารมณ์วิเวกที่มันมีความหวานชื่น ที่มันมีความรู้สึกว่าไม่เกี่ยวกับประสาทตา ตาไม่มีอาการแข็ง เพราะว่ามันรู้สึกเหมือนทะลุไปแล้ว ทะลุกายทะลุประสาทตาไปแล้ว เหลือแต่ดวงจิตว่างๆ โล่งๆ เนี่ยตัวนี้นี่นะมันจะไม่กังวลเลย ต่อให้ตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วไม่สามารถหลับได้อีกเลย มันก็จะตื่นแล้วก็มาเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิได้แบบสบายๆ หรือจะทำงานทำการอะไรแบบอื่นที่เราอยากทำตอนหัวโล่งๆ อยากทำตอนที่เริ่มขั้นมา ๑๐ นาทีแรกของชีวิตในวันใหม่เนี่ย อยากเอาสมองมารับใช้กิจหรือการงานแบบใด หรือถ้าติดค้างทางโลกอยู่ก็เอาเป็น ๑๐ นาทีที่ดีที่สุดของวันมาคิดมาทำให้เกิดไอเดียอะไรที่มันสว่างจ้าที่สุด หรือถ้าหากว่าเราเริ่มมาทางธรรมะมากๆ ไม่ได้ห่วงไม่ได้กังวลเรื่องการงานทางโลกแล้ว ก็อาจจะเป็น ๑๐ นาที อาจจะเป็นครึ่งชั่วโมง หรือว่าอาจจะเป็น ๒ ชั่วโมงที่มีคุณภาพ สามารถเห็นกายเห็นจิตได้โดยความเป็นรูปเป็นนามกระจ่างชัด ซึ่งถึงตรงนั้นคุณจะไม่มีการแบ่งแยกแล้วว่า เราอยู่ในยูนิฟอร์มเสื้อเชิ้ต หรือว่าเราอยู่ในยูนิฟอร์มเป็นสบงจีวร เพราะมันได้ที่แก่น มันได้ที่การเห็นว่าสภาพทางกายสภาพทางใจไม่มีนิมิตหมายของความเป็นตัวตนให้จิตแบบนั้นได้รับรู้เลย มีแต่ความเป็นอนัตตา มีแต่ความเป็นของที่ว่างเปล่า แล้วใจที่ว่างเปล่า ใจที่ตื่นรู้ รู้สึกถึงความว่างเปล่าจากบุคคล นั่นแหละที่พระพุทธเจ้านิยามว่า มีความเป็นภิกษุอย่างแท้จริงนะครับ

สรุปคำตอบง่ายๆ นะครับ ถ้าหากว่าเราทำสมาธิแล้วตาแข็งค้าง มันอาจเป็นสมาธิแบบยึดอยู่ ไม่ได้เป็นสมาธิที่มันผ่องแผ้วนิ่มนวล แล้วก็ปล่อยวาง เดี๋ยวลองทดลองดูอย่างที่บอกไปในต้นรายการ วิธีที่เราจะแก้โรคนอนไม่หลับ ลองดูง่ายๆ ดูแบบสบายๆ น่าจะถูกใจคนเมือง ไม่ต้องมาทำพิธีตั้งท่ามีพิธีรีตองอะไรมาก นอนไปแบบคนปกติ เพียงแต่ว่าปรับมุมมอง เปลี่ยนการเห็นจากภายใน เปลี่ยนจากเรานอนเป็นกระดูกวางนอน แล้วดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะดีขึ้นมั้ย ตาจะยังแข็งอยู่หรือเปล่านะครับ 

-----------------------------------------------

๒๖ กันยายน ๒๕๖๓
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน แก้โรคนอนไม่หลับด้วยกระดูกข้อมือ?

คำถาม : เวลาดูจิต หรือเดินจงกรมก่อนนอน รู้สึกตื่นข้างในตลอดเลย จนเกิดความกังวล อยากจะหลับแต่หลับไม่สนิท เหมือนนอนไม่อิ่ม ขอคำแนะนำ

ระยะเวลาคลิป       ๘.๔๙ นาที
รับชมทางยูทูบ    https://www.youtube.com/watch?v=N_wV0Qdcq6w&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=10

ผู้ถอดคำ  แพร์รีส แพร์รีส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น