วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563

รู้สึกว่าอารมณ์ตนเองจะทรงๆ ได้สัก ๑ สัปดาห์ ใจเบาๆ สะอาดๆ สว่าง สวดมนต์ภาวนาได้ดี พอเหนื่อยจากงานและมีเรื่องคิดให้กังวล อารมณ์ก็จะถอยกลับมาสัก ๓-๔ วัน ถึงจะดึงความรู้สึกอยากจะภาวนาได้อีก วนอย่างนี้มาระยะหนึ่ง อยากแก้ไขให้อารมณ์ทรงได้ตลอดและพัฒนาขึ้นไปค่ะ

 ดังตฤณ :  ประการแรกเราต้องระลึกว่า อะไรที่มันเที่ยง อะไรที่มันได้อย่างใจ อันนั้นคืออัตตา แต่เพราะไม่เที่ยง ไม่ได้อย่างใจ เป็นไปตามเหตุปัจจัย อันนั้นแหละคืออนัตตา และนี่คือสิ่งที่เราจะต้องเรียนรู้ ทั้งด้วยการทำความเข้าใจ แล้วก็ด้วยการเห็นความจริงไปเรื่อยๆ

แม้กระทั่งการเจริญสติ หรือการทำสมาธิภาวนา ถึงแม้ว่าเราจะทำได้ดีแค่ไหนก็ตาม นั่นเป็นรอบของน้ำขึ้น แต่ในที่สุดน้ำจะต้องลงให้เห็น

การที่เราเดือดเนื้อร้อนใจไปกับมัน จะเอาให้มีแต่ดีกับดี จะให้มันมีแต่ทรงไว้กับอารมณ์ดีๆ อย่างเดียว มันเป็นเรื่องที่เราพลาดไป เราพลาดการเรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับความไม่เที่ยงไปนะครับ

ถ้าเราสามารถที่จะทำอะไรให้จิตทรงอยู่กับที่ หรือเที่ยงอยู่กับภาวะที่น่าพอใจได้ อันนั้นเราจะไม่นึกถึงนิพพาน เราจะนึกถึงอัตตาที่มันคงอยู่คู่กัปคู่กัลป์ พูดง่ายว่าทิศทางแบบนั้นไปเป็นพรหม ไม่ใช่ไปนิพพาน ไม่ใช่จะดับทุกข์ ดับความไม่แน่นอนของสังสารวัฏได้ อันนี้ข้อแรกที่ต้องทำความเข้าใจ

ข้อสองคือ เราต้องระลึกถึงความจริงที่เราเป็นฆราวาสด้วย คำว่า ฆราวาส ก็คือต้องหาอยู่หากิน ต้องทำอาชีพ ไม่ใช่มีภารกิจฟูลไทม์ (full time)เป็นการทำมรรคผลนิพพานให้แจ้ง ไม่ใช่จะสามารถที่เจริญสติทำสมาธิ ตั้งหน้าตั้งตาที่จะเอาขึ้น เอาขึ้น อย่างเดียว ตอนนี้ได้ขณิกสมาธิ วันนี้เดี๋ยวจะเอาอุปจารสมาธิ พรุ่งนี้อุปจารสมาธิได้ เดี๋ยวจะเอาปฐมฌาน เดี๋ยวเอาทุติยฌาน ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่ใช่ธรรมชาติของฆราวาส

ธรรมชาติของฆราวาสเป็นธรรมดาที่ต้องกังวลเรื่องงาน เป็นธรรมดาบางทีต้องหนักใจ อันนี้พูดบ่อยมาก แล้วก็จริงๆ เราอาจจะผ่านหูผ่านตาทำความเข้าใจกันมาเยอะแล้ว เพียงแต่ว่ามันทำใจไม่ได้ เวลาที่ภาวนาได้ดีเป็นช่วงๆ เกิดความรู้สึกว่าจิตใจของเราผ่องแผ้ว สว่างใส สง่างาม มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะเกิดความรู้สึกติดใจว่าตอนจิตสว่างใสมันเหมือนชีวิตเป็นไปอีกแบบหนึ่งเลย เป็นอีกชีวิตหนึ่งออกมาจากข้างในที่เราไม่เห็นหน้าใครอยู่ในนั้น เห็นแต่ว่ามันมีความตื่น มันมีความพร้อมรู้ มันมีความสงบสุขในแบบที่ไม่ต้องการแลกกับอะไรภายนอก ขอแลกอย่างเดียวแค่การที่เรามีความเพียรอย่างต่อเนื่อง แล้วก็มีสติทรงอยู่กับความเป็นเช่นนั้นเอง ไม่ว่าจะภายนอกหรือภายใน

ฆราวาสที่เจริญสติได้ดีที่สุดจริงๆ คือฆราวาสที่สามารถบรรลุมรรคผลได้ มีสิทธิ์นะครับ อันนี้พูดแบบมีหลักฐาน ในสมัยพุทธกาลท่านก็บันทึกไว้ให้เห็นกับรุ่นหลังๆ ว่า ในยุคพุทธกาลมีฆราวาสจำนวนไม่น้อยเลย ที่สามารถจะบรรลุมรรคผล ณ ขณะที่ยังอยู่ในยูนิฟอร์มเสื้อเชิ้ต หรือว่ากางเกงยีนส์ หรือกระโปรง

แต่แม้พระอริยบุคคลขั้นต้นอย่างนางวิสาขา ก็ยังมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ได้ นี่ก็บันทึกไว้ ยังพะวงเรื่องดูแลบ้านดูแลช่อง ดูแลสามี หรือว่าบางทีพอหลานอันเป็นที่รักตายไป ก็ร้องห่มร้องไห้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า จนพระพุทธเจ้าต้องมีอุบายสอนนะครับ รักร้อย ทุกข์ร้อย หรือว่า รักพัน ทุกข์พัน มีหลานอันเป็นที่รักแบบนี้สัก ๑๐๐ คน แล้วตายทุกวัน ทุกวัน ไม่ทุกข์แย่หรือ นางวิสาขาถึงได้สติกลับมา

อันนี้ทั้งๆ ที่นางก็ได้เห็นนิพพานแล้ว คือรู้แล้วว่าสภาพกายสภาพใจแบบนี้เป็นของหลอก แต่ท่านก็ยังกลับมามีกิเลสตามสภาพแบบที่ปุถุชนเป็นกันได้ เพียงแต่ว่าอริยบุคคลก็จะไม่หลงไปทำผิด แล้วก็ไม่หลงไปคิดหลง ไม่หลงไปยึดอีก แบบปุถุชนอีกต่อไปว่า กายนี้ใจนี้เป็นตัวเป็นตน เห็นเปรียบเทียบแล้วมันจะรู้สึกว่า กายนี้ใจนี้มันแค่หุ่นที่เขาปั้นขึ้นมาหลอกชั่วคราว หุ่นยนต์ที่มันผูกขึ้นมา

ถ้าเปรียบกับยุคเราจะเปรียบเป็น โฮโลแกรม (Holograms) ก็ได้นะครับ ที่มันเป็นโฮโลแกรมสามมิติ แต่เป็นโฮโลแกรมที่มันมีความรู้สึกนึกคิด มีจิตวิญญาณ แล้วก็หลงนึก หลงเข้าใจไปว่า สภาพนี้ที่มันเป็นของหลอกแบบนี้ มันมีตัวตนเป็นจริงเป็นจัง ทีนี้ถ้าหากว่าได้ทะลุไปแล้วว่า สภาพกายสภาพใจนี้เป็นของหลอก ก็ไปเห็นอะไรอีกอย่างหนึ่งที่มันนิ่ง แล้วก็มีความเสถียร ไม่มีการเกิด ไม่มีการตาย ไม่มีการมา ไม่มีการไป มีแต่สภาพความเป็นบรมสุขอยู่เช่นนั้น สว่างโพลงอยู่เช่นนั้น อันนี้พุทธพจน์นะครับ สว่างทั่วตลอด ไม่มีความทุกข์ ไม่มีความมืด ไม่มีลักษณะนิมิตหมายของการดิ้นรนใดๆ อันนี้ฆราวาสสามารถที่จะรู้ได้ สามารถที่จะเห็นได้ สามารถที่จะเข้าถึงได้ ความสงบจากรูป ความสงบจากนาม แต่ไม่ใช่ว่าฆราวาสจะเรียกร้องเอาภาวะที่มันดีกับดี

สภาวะของจิตที่มันจะมีแต่คุณภาพที่ประณีต มีความนิ่งที่มั่นคง เราคาดหมายอย่างนี้ดีกว่าว่า เป็นฆราวาสก็มีโอกาสที่จะเห็นความไม่เที่ยงแบบฆราวาส คือภาวนาไป มันก็มีโอกาสจะดีขั้นได้ มีโอกาสที่จะเป็นขาขึ้น แต่ในที่สุดแล้ว เราก็ต้องสังเกตเห็นนิมิตหมายของความไม่เที่ยง ของความเจริญนั้นด้วย มีรอบของความเจริญ ก็มีรอบของความเสื่อมเช่นกันนะครับ

-----------------------------------------

๒๖ กันยายน ๒๕๖๓
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน แก้โรคนอนไม่หลับด้วยกระดูกข้อมือ?

คำถาม : รู้สึกว่าอารมณ์ตนเองจะทรงๆ ได้สัก ๑ สัปดาห์ ใจเบาๆ สะอาดๆ สว่าง สวดมนต์ภาวนาได้ดี พอเหนื่อยจากงานและมีเรื่องคิดให้กังวล อารมณ์ก็จะถอยกลับมาสัก ๓-๔ วัน ถึงจะดึงความรู้สึกอยากจะภาวนาได้อีก วนอย่างนี้มาระยะหนึ่ง อยากแก้ไขให้อารมณ์ทรงได้ตลอดและพัฒนาขึ้นไปค่ะ

ระยะเวลาคลิป       ๘.๔๐ นาที
รับชมทางยูทูบ    https://www.youtube.com/watch?v=yPcEHFfOiuY&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=11

ผู้ถอดคำ  แพร์รีส แพร์รีส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น