วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2563

ผมชอบมีความคิดกวนใจที่ต้องเลือกใครสักคนแบบร้าย ๆ เช่น การที่คิดว่าจะเลือกอะไรดีระหว่าง แม่ หรือ ศาสนา จะเลือกอย่างหนึ่งก็กลัวบาป ทุกข์ใจมากครับ?

 ดังตฤณ :  สงสัยแม่คงจะทำให้รู้สึกว่า ศาสนาเป็นเรื่องไม่ดี อย่าไปเอา อย่าไปอินมากอะไรแบบนี้ อันนี้ก็เข้าใจนะ คือพ่อแม่แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แล้วบางทีพ่อแม่บางคนเขาก็มีบุญ แต่ว่าอาจจะยังไม่ถึงเวลาอะไรแบบนี้นะครับ

คือลองคิดอย่างนี้ก่อนก็แล้วกันว่า คนที่เขาขัดขวางเรา เขาอาจจะไปเจออะไรที่มันไม่ดี มันต่างจากเราที่เราไปเจออะไรดีๆมา ฉะนั้นอาจจะต้องทำให้ตัวเองมองเห็นด้วยความใจเย็นก่อนว่า เออ ยังไม่ถึงเวลา ยังไม่เหตุปัจจัยดีพอ ที่จะทำให้คนใกล้ตัวของเราได้เกิดความเข้าใจแบบที่เราเข้าใจ

พอมีทัศนคติในแบบที่ เออ เรารอได้ ไม่ใช่ว่าเขาจะต้องเป็นแบบนี้เสมอไป ใจเราก็จะเหมือนกับเย็นลง แล้วหาช่อง หาจังหวะที่เหมาะสม คือหัดจากอย่างนี้แหละ หัดคิด หัดตั้งมุมมองนะว่า บางทีมันไม่ใช่อย่างที่เราตัดสินท่าน ว่าท่านเป็นมารศาสนา ท่านเป็นมารใจหัวใจเราอะไรแบบนี้ คือเทวดาในตัวท่านน่ะมี แต่ยังไม่ออกมา ยังไม่ได้ฤกษ์ที่จะผุดออกมา เพราะว่ายังไม่มีเหตุปัจจัยที่พร้อมพอ

เสร็จแล้วพอเรามองแบบนี้ไปเรื่อยๆ บางทีมันก็อาจจะเกิดความฉุกใจคิดว่า เออ เราเองนี่แหละอาจจะต้องทำหน้าที่เปลี่ยนใจท่าน ผมยกตัวอย่างนะ อย่างพระสารีบุตร อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ทางพุทธศาสนารู้มานะว่า พระสารีบุตรท่านเป็นพระอัครสาวกฝ่ายขวาทางปัญญา เลิศทางปัญญา สามารถที่จะโปรดให้ชาวพุทธ หรือว่าคนที่มีความเห็นผิดนอกศาสนาอะไรต่างๆ ได้บรรลุธรรมมากมาย

คือท่านเริ่มชราภาพแล้วพระสารีบุตรเนี่ยนะครับ ท่านก็คิดว่า เอ๊ะ! เนี่ยโปรดคนโปรดสัตว์มาตั้งเยอะตั้งแยะ แต่แม่ของตัวเองยังเป็นคนนอกศาสนาอยู่เลย แล้วก็ไม่เห็นด้วยกับที่องค์ท่านเองมาบวชเป็นพระในพุทธศาสนา เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ท่านก็เลยกลับไปโปรดมารดาของท่านเอง อันนี้ก็อาจจะด้วยการเล็งจากภายใน ซึ่งเป็นเรื่องที่เราๆ ท่านๆ อาจจะไม่สามารถรู้ตามท่านได้นะครับ ท่านอาจะเล็งว่า เออ มันถึงเวลาแล้วที่มารดาของท่านน่าจะพร้อมพอจะฟังธรรมะ พอไปโปรดมารดา ก็สามารถช่วยให้มารดาเป็นพระโสดาบันได้นะครับ นี่ก็เป็นตัวอย่าง

แล้วบางทีมันต้องรอเวลา อย่าเพิ่งหมดหวัง อย่างเพิ่งหมดใจ อย่าเพิ่งไปตัดสินนะว่าต้องเลือกระหว่างแม่กับศาสนา เราไม่ต้องเลือกก็ได้นะครับ เราเอาศาสนาทั้งคู่ก็ได้ แต่ว่าต้องมีวิธีคิดนิดหนึ่ง มันจะมีจังหวะ มันจะมีโอกาสไหน แล้วเรื่องของศาสนานะ เหมือนกับเรื่องของการเมือง อย่าไปพูดเอาด้วยอารมณ์ คืออย่าไปคัดค้านด้วยเสียงแข็งๆ อย่าไปพยายามดึงดันให้เขาเห็นตามเราให้ได้ ถ้าเขาไม่เห็นตามเราเดี๋ยวนี้ แปลว่าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อะไรแบบนี้ อันนี้ไม่ถูกนะครับ

เราต้องตั้งท่าทีเหมือนกับคนที่มีความใจเย็นว่า เออ วันหนึ่งเขาเปลี่ยนได้ ค่อยๆ เปลี่ยนด้วยการค่อยๆ พูดของเราก็ได้ คือเราอาจจะไม่ได้เก่งเท่าพระสารีบุตร ที่สามารถทำให้มารดาของท่านสำเร็จโสดาปัตติผล แต่เราอาจจะใจเย็นพอ ที่จะค่อยๆ พูดวันละคำ วันละนิด วันละหน่อยในแบบที่ทำให้คนใกล้ตัวของเราเริ่มเชื่อว่า สิ่งที่เราได้รับมามันดีจริงๆ ดีขนาดที่ทำให้เราค่อยๆ พูดได้ แตกต่างจากเดิม ที่จะต้องดึงดันเอาชนะให้ได้เดี๋ยวนี้ แค่เราแตกต่างไปอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วเอาความแตกต่างในทางดีขึ้นไปให้เขาเห็นเนี่ยนะครับ เป็นการช่วยเขาแล้ว แล้วก็จิตของเรามันจะเริ่มเข้าที่เข้าทางเข้าร่องในทิศที่มันจะทำอะไรให้มันดีขึ้น ก็เริ่มจากความใจเย็นนี่แหละ เริ่มจากการที่เรามีความคิดได้ว่า จะไม่เอาผลเดี๋ยวนี้ เรารอได้ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปนะครับ

-----------------------------------------

๑๙ กันยายน ๒๕๖๓
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน เลิกหลอกตัวเองทำยังไง?

คำถาม : ผมชอบมีความคิดกวนใจที่ต้องเลือกใครสักคนแบบร้าย ๆ  เช่น การที่คิดว่าจะเลือกอะไรดีระหว่าง แม่ หรือ ศาสนา จะเลือกอย่างหนึ่งก็กลัวบาป ทุกข์ใจมากครับ?

ระยะเวลาคลิป      ๕.๕๕ นาที
รับชมทางยูทูบ       https://www.youtube.com/watch?v=Q0oAW6W329c&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=3

ผู้ถอดคำ  แพร์รีส แพร์รีส

** IG **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น