ดังตฤณ: พระพุทธเจ้าท่านตรัสแยกให้เห็นชัดๆ
บอกว่า
(สาเหตุ) การที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บ
อันดับหนึ่งเลย เกิดจาก อุตุ หมายความว่าดินฟ้าอากาศนะ หรือว่ามีเชื้อโรคแพร่ระบาด
อะไรต่างๆ เป็นเรื่องของกายสัมผัส แล้วไปรับเชื้อมา หรือว่าผิดปกติทางอากาศ อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนไม่ทันก็สับสน
เกิดอาการป่วยไข้ได้
หรือว่า ทำงานหนักเกินไป
นี่ก็เป็นเหตุให้ป่วยไข้ได้เหมือนกัน
หรือว่า ไม่บริหารร่างกายเลย
นี่ก็ป่วยไข้ได้เหมือนกันนะ
แล้วสุดท้าย ท่านถึงบอกว่า
มีเวรมีกรรมบางอย่างที่ต้องชดใช้ ถึงต้องเป็นโรคบางอย่างที่ลึกลับ แพทย์รักษาไม่หาย
หรือว่ารักษาหายโรคหนึ่ง ไปเกิดโรคใหม่แทรกซ้อนขึ้นมาทันที
เหมือนกับไม่ยอมให้อยู่สุขสบายได้อะไรแบบนี้
ท่านแจกแจงไว้อย่างชัดเจนนะ
เป็นขั้นเป็นตอน เพื่อที่จะให้เราไม่โทษเรื่องของเวรกรรมตะพึดตะพือ ส่วนใหญ่ชาวพุทธเรา
พอเชื่อเรื่องเวรเรื่องกรรม ก็มักจะเหมาเอาว่า อะไรๆ ที่เกิดขึ้น
เป็นเรื่องของกรรมเก่าอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในเรื่องของทิฏฐิ
ซึ่งมีหลายสิบประการว่า ทิฏฐิประการหนึ่งก็คือ เข้าใจว่าอะไรๆ
เป็นไปตามกรรมเก่าบันดาลอย่างเดียว กรรมใหม่ไม่มีส่วนอะไรด้วยเลย
อันนี้ไม่ใช่นะครับ
พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้อย่างนี้นะ ว่า
กายใจนี้ที่มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วก็สภาพจิตใจแบบที่มีสำนึก คิดได้เป็นเหตุเป็นผลแบบที่มนุษย์คิดได้
ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุเป็นผลที่บันดาลขึ้นจากอดีตกรรม คือพูดง่ายๆ ก็คือว่า
พอเราสั่งสมกรรมไว้ทั้งชาติ มันตัดสินไปแล้วว่า กองบุญหรือกองบาปเอาไปกิน
ถ้ากองบุญเอาไปกิน ก็คือมาเกิดแบบเราๆ
ท่านๆ นี่แหละเป็นมนุษย์ ได้อยู่สุคติภูมิ
แต่ถ้าหากกองบาปเอาไปกิน
นั่นก็คือต้องไปเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างสัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน แล้วก็เปรตนะ
พวกเรามาเกิดในสุคติภูมิ หมายความว่า
บุญมากกว่าบาป กองบุญนั้น
เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่งเหมือนเวทย์มนต์ลึกลับของพ่อมดฝ่ายดี พ่อมดสีขาว ที่เสกจิต
เนรมิตจิตขึ้นมา เป็นจิตแบบสามารถเข้าท้องมนุษย์ได้
ตรงนี้แหละที่ยืนยันว่าพวกเรามีบุญ
แต่ตอนที่มาเป็นมนุษย์แล้ว
เกิดมาแบบคนมีบุญแล้ว (การที่) มีบาปอะไรต้องชดใช้ นี้คือชะตากรรมฝ่ายไม่ดี
ที่เราจะต้องได้พบได้เจอ
อย่างที่เจอกันบ่อยจริงๆ
ก็เกี่ยวกับร่างกายนี่แหละ เพราะร่างกายนี้เป็นวิบากของกรรม วิบากของบุญ
วิบากของบาป รวมอยู่ในตัวเดียวเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่เกิดจนตาย เราต้องอยู่กับมันไป
ถ้าหากว่าร่างกายนี้เจ็บออดๆ แอดๆ มีโรคมาก แสดงว่าทำปาณาติบาตไว้มาก ข้อปาณาติบาต
ไปเบียดเบียนชีวิตอื่น ด้วยการทำร้ายทุบตีบ้าง ด้วยการทำให้เกิดบาดแผลบ้าง
ด้วยการทำให้พิกลพิการบ้าง หรือเบียดเบียนด้วยการทำให้ตกตายไปเลย
ปาณาติบาต เมื่อสะสมไว้แล้วก็จะมาปรากฏว่า
ร่างกายของเราจะมีสภาพแบบใด ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ได้บ้าง
ถ้าเป็นโรคเจ็บออดๆ แอดๆ ตั้งแต่เด็กๆ
ก็สันนิษฐานเลยว่า เคยไปทำเขาไว้มาก แต่ถ้าสุขภาพดี ก็ไม่ใช่นิ่งนอนใจนะ
ไม่ใช่ไปเชื่อว่า สงสัยเราไม่เคยฆ่าสัตว์แม้แต่ตัวเดียว
จริงๆ คนสุขภาพดีทั้งชีวิต เป็นเพราะผล
หรือวิบากที่ตอนนี้เข้าคิวให้ผลกับชีวิตมนุษย์ในชาตินี้ของเรา
เป็นวิบากที่เราเคยไปช่วยรักษาโรคให้คนอื่น อย่างเคยเป็นหมออะไรแบบนี้ หรือ รักษาศีลได้ดีตลอดชีวิตในชาติหนึ่ง
แต่ตัวปาณาติบาต ที่เคยทำไว้ เราไม่มีทางไปขุดมันขึ้นมาชดใช้ได้หมดหรอก
ใครบอกว่า ชดใช้กรรมได้ในชาติเดียวนี่
เขาเข้าใจผิดนะ เพราะว่า สิ่งที่เราทำมา เราทำกันมาเป็นอนันตชาตินะครับ
และมีกรรมชนิดที่ให้ผลทันตา เป็น ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม และให้ผลแบบชาติหน้า คือ
ตายถัดไปต้องเจอแน่ๆ เช่น คนไปฆ่าสัตว์ไว้มากๆ
แล้วจะต้องไปเป็นสัตว์ให้เขาฆ่าบ้างอะไรแบบนี้ ก็รับผลในชาติหน้าที่เป็นสัตว์
หรือต้องรับผลในชาติถัดๆ ไป คือบางที
ไม่ได้จะต้องรับในชาตินี้ กับชาติหน้า บางทีมีคิวกรรมรอให้ผลในชาติถัดๆ ไปด้วย
ซึ่งก็ขึ้นกับความเหมาะสมของภพภูมิที่ได้ไปเกิดนะครับ
สมมติชาติหน้าต้องไปเกิดเป็นสัตว์
บุญที่เคยทำเช่น เคยสร้างวัด สร้างพระประธาน ถวายสังฆทาน
ก็จะไปให้ผลในชาติที่เป็นเดรัจฉานไม่ได้ ต้องรอไปให้ผลในชาติถัดๆ ไปที่เหมาะสมกัน
เช่น สัตว์บางตัว พ้นจากความเป็นสัตว์ไปเกิดเป็นเทวดาเลย อย่างนี้ก็มี
ในพระไตรปิฎกก็มี ที่เป็นเรื่องราวแบบนั้น และปัจจุบันก็ยังมีอยู่มากที่เห็นๆ กัน
อย่างสัตว์ที่อยู่กับผู้มีศีลมีธรรม
ก็ได้ซึมซับความเป็นกุศลของจิตของผู้มีศีลมีธรรมไป ก็ได้ไปเกิดเป็นเทวดาเลยก็มี
คือต้องประกอบกับบุญเก่าของตัวเองที่มีสิทธิ์จะได้ไปเสวยสวรรค์ด้วยนะ!
_________________
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น