ดังตฤณ:
การเงินการงานติดขัดตลอด มีเรื่องให้ใช้ตลอด ... หมายถึงว่า มีเรื่องให้ใช้เงินกระมังนะครับ
... การงานก็ตั้งใจแต่ไม่ค่อยราบรื่น แก้ไขอย่างไรได้บ้าง
เรื่องอุปสรรคติดขัดในชีวิตนี่
ไม่ว่าจะเป็นแง่ของ การงาน ความรัก หรือว่าดวงชะตาอะไรทั้งหลาย
เหตุการณ์ที่เข้ามาแล้ว ทำให้รู้สึกว่ามีแต่เรื่องมีแต่อุปสรรค ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องที่เราไปเคยทำให้คนอื่นเขาลำบากมานะครับ
ชีวิตแต่ละชาติ
จะมีสองจังหวะ จังหวะที่เป็นบ่าวและจังหวะที่เป็นนาย จังหวะที่เป็นลูกน้อง
กับจังหวะที่เป็นนายจ้าง ลูกจ้างกับนายจ้าง
ซึ่งช่วงที่เป็นลูกจ้างลูกน้อง
หรือว่าคนที่ต้องมีหน้าที่รับใช้เจ้านาย ก็จะโอดโอยบอกว่าลำบากอย่างโน้นลำบากอย่างนี้
เจ้านายทำไมใจร้าย ทำไมเจ้านายถึงด่าทอเป็นหมูเป็นหมาอะไรต่างๆ เสร็จแล้วพอถึงคราวตัวเอง
ที่เคยโอดครวญไว้ ที่เคยอยากได้รับความเห็นใจจากเจ้านาย
กลายเป็นเจ้านายแบบนั้นเสียเอง อันนี้เป็นกันเยอะมากเหมือนกับโรคระบาด
พอได้รับโรคมาจากเจ้านายนี่นะครับ
ถึงคราวตัวเองได้เป็นนายบ้าง ก็ทำแบบนั้นเลย ด่าคนเป็นหมูเป็นหมา ไม่เห็นหัวคน นึกว่าให้เงินเดือนแล้วก็จะจิกหัวใช้
หรือว่าเป็นเจ้าชีวิตอะไรต่างๆ จะออกแนวนี้กันหมด
ทีนี้คือ
บางทีพอเป็นเจ้านาย แล้วก็ไปใช้ลูกน้องเหมือนกับเกินค่าแรง บางทีไปใส่งานยากๆ เต็มไปด้วยอุปสรรค
หรือตัวเองมีอุปสรรคอะไรก็โยนให้ลูกน้องหมด
บางทีลูกน้องกำลังทำงานอยู่อย่างหนึ่ง
ยังไม่เสร็จก็โยนโครมงานชิ้นต่อไป แบบที่ว่าต้องเสร็จ ต้องทำให้ได้ โดยไม่สนใจรายละเอียดว่าใครจะมีความยุ่งยาก
หรือว่าต้องแข่งกับเวลาแค่ไหน สุขภาพเขาเป็นอย่างไร อะไรต่างๆ ไม่สน
ถือว่าจ่ายเงินแล้วต้องใช้ให้คุ้มอะไรแบบนี้
หรืออย่างถ้าเอาง่ายๆ
ทุกยุคทุกสมัยจะต้องมีสงคราม มีการแย่งชิงเมือง มีการแย่งชิงอำนาจอะไรกัน
บางทีเราก็จับพลัดจับผลูไปอยู่ฝั่งของผู้บัญชาการ หรือว่า คนดำเนินการก็แล้วแต่
เพื่อทำให้ชาวบ้านชาวช่องของฝั่งศัตรูเกิดความลำบากยากแค้น เกิดเภทภัยอะไรทั้งหลาย
ที่จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งอ่อนกำลังลง แล้วก็ยอมแพ้ตนในที่สุดอะไรแบบนี้ มีสารพัดเหตุสารพัดปัจจัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเภทที่เราไปแกล้งคนอื่นเขาไว้
เกี่ยวกับเรื่องการเงินก็ดี เกี่ยวกับเรื่องการใช้ชีวิตให้สุขสบาย ไปทำให้เขามีทุกข์ในชีวิตอะไรต่างๆ
รวมๆแล้วบางที่เรานึกไม่ออกหรอก แม้แต่ในชาตินี้เอง ว่าเราเคยไปทำอะไรใครเขาบ้าง
อย่าว่าแต่จะไประลึกชาตินะครับ
เพราะฉะนั้น
เรื่องการเงินการงาน หรือความรักอะไรต่างๆ ที่ติดขัดอยู่ทั้งหลายแหล่ แล้วเรารู้สึกว่า
เหมือนกับมีอำนาจอะไรบางอย่างที่เหนือชีวิตของเรา ควบคุมให้ชะตาของเราเป็นไปตามนั้น
เข้าร่องลำบากตลอด เจออุปสรรคตลอด ต้องปีนกำแพงอยู่ตลอด รู้สึกเหมือนกับเหนื่อย
(เหมือน) คนที่ต้องแบกกระสอบแล้วไม่ได้วางสักทีอะไรแบบนั้น
ให้สันนิษฐานว่า
เคยไปทำคนอื่นเขาไว้ ซึ่งมีได้หลายสาเหตุเหลือเกิน มีกรรมได้หลายรูปแบบเหลือเกิน ที่จะไปแกล้ง
ที่จะไปกระทำคนอื่น
ทีนี้ถามว่า
จะทำอย่างไรที่จะแก้ไขตรงนี้ ... ความหมายของคำถามคงหมายถึง ให้ไปทำบุญแบบไหน ที่จะช่วยให้ชีวิตราบรื่นขึ้น
อันนี้บอกไปได้โดยหลักการ
ผมจะไม่ให้ไปอธิษฐานอะไรประเภททันใจ หรืออะไรที่บอกศักดิ์สิทธิ์
เพราะว่าบางทีถ้าไปอธิษฐานแล้วไม่ได้ขึ้นมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับความเป็นพุทธ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพุทธอะไรต่างๆ (ที่มีการ)
รับประกันว่า ไปอธิษฐานแล้วจะได้
ถ้าไม่ได้ขึ้นมา
คุณก็ไปปรามาสสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพุทธศาสนา ก็กลายเป็นว่า ที่คนเขาบอกๆกันว่า
อธิษฐานแล้วได้ผล เท่ากับเป็นแหล่งยาพิษของเรานะครับ เราไปแล้วไม่ได้ผลขึ้นมา แล้วก็เหมือนกับบางทีไปด่าว่า
ไปคิดร้ายกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพุทธศาสนา ที่แย่อยู่แล้วจะยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก
ผมจะแนะนำอย่างนี้ว่า
หลักการแบบพุทธ เพื่อที่จะทำให้ตัวเองในชีวิตปัจจุบันไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจ
อันนี้พระพุทธเจ้าตรัสเองว่า
เมื่อทำกรรมนี้แล้ว จะมีผลให้ไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจ ก็คือ ตั้งใจถือศีลให้บริสุทธิ์
พูดอย่างนี้ดูเหมือนง่าย
แต่เอาจริงนี่ คือชีวิตทั้งชีวิตเลยนะครับ
ถ้าคุณปฏิญาณตนที่จะถือศีลตลอดชีวิต
หมายความว่าเมื่อเกิดเรื่องยั่วยุอะไรให้ทำผิดศีล ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะครับ
ไม่ใช่บอกครั้งนี้ขอทีนึง ไม่ได้นะ คุณต้องตั้งใจที่จะเอาชีวิตเข้าแลกทีเดียวว่า ถึงตายก็ไม่ยอมผิดศีล
ถ้าหากว่าทำได้แบบนี้
และทำได้เรื่อยๆ มีเรื่องยั่วยุให้ทำผิดแล้วไม่ทำผิด ในที่สุดคุณจะเห็นว่า
จิตใจของคุณมีความเบา มีความโปร่งโล่ง มีความสว่าง มีความใส ขึ้นมาแบบหนึ่งที่มองออกเลยว่า
รากของชีวิต ต้นกำเนิดความรู้สึกของชีวิต ออกมาจากใจที่เบา ที่ใส ที่ขาวสว่าง
ถึงจุดหนึ่งคือ
ยิ่งมีเรื่องยั่วยุให้ทำผิดมากขึ้นเท่าไหร่ คุณยิ่งปฏิเสธ แล้วก็รักษาสัจจะ
รักษาการปฏิญาณตนว่าจะไม่ผิดศีลได้ครบถ้วนบริบูรณ์มากขึ้นเท่าไหร่ จะยิ่งรู้สึกถึงบารมี
คำว่า
“บารมี” ไม่ใช่ว่า มีคนนับหน้าถือตา
หรือว่าได้เงินได้ทองอะไรมากมาย แต่หมายถึง ความอิ่มใจ ที่กว้างใหญ่ขึ้นทุกที
คำว่าบารมีทางธรรมนี่นะ บางทีมาด้วยขนาดของจิตที่ใหญ่ขึ้น ขนาดของความสุขที่ชัดเจนขึ้น
กระจ่าง แล้วก็ขยายวงออกไปให้เรารับรู้ได้มากขึ้น
ตรงที่คุณเกิดความรู้สึกว่า
มีความสุขจากการรักษาศีลได้แบบ ‘ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ไม่คลอนแคลน’ แม้มีเรื่องยั่วยุมาหนักขนาดไหนก็ตาม
ตรงนั้นคุณจะพบว่า เรื่องร้ายๆต่างๆ จะทุเลาเบาบางลงนะครับ
และยิ่งถ้าหากสามารถที่จะเจริญสติ
ปฏิบัติธรรม จนกระทั่งเห็นความทุกข์ทั้งหลายที่เข้ามา ที่จรมา เป็นเพียงสภาวะให้รู้
เป็นเพียงสภาวะให้ดูว่าผ่านมาแล้วผ่านไป
ใจที่เหลืออยู่มีแต่ความว่างจากอาการดิ้นรน ฟูมฟาย ทุรนทุราย มีแต่ความรู้สึกว่า นี่แหละความว่างจากทุกข์นี่แหละ
คือความสุขที่แท้จริง
ถ้าหากปฏิบัติธรรมได้ถึงขั้นนั้น
คุณจะพบว่า ใจคุณเป็นศูนย์กลางของชีวิตอีกแบบหนึ่ง ชีวิตแบบที่มีความทุกข์มาเบียดเบียนน้อยลง
เปลือกของชีวิตจะเปลี่ยนตามแก่นของชีวิต
ชีวิตเป็นสิ่งที่เคลื่อนไหวได้
ไม่เหมือนกับผลไม้ ถ้าหากว่าแก่นของชีวิต คือจิต มีความโปร่ง มีความเบา มีความสบาย
มีอาการไม่อยากเบียดเบียนใคร มีแต่อยากจะแผ่ความสุข ผายความสุขไปให้กับคนรอบๆข้าง
คุณจะรู้สึกเลยว่า
เปลือกของชีวิตจะเปลี่ยนตาม ซึ่งต้องใช้เวลา ไม่ใช่จู่ๆจะผลีผลามบอกว่า ขอให้ได้ภายในเจ็ดวัน
สิบวัน อะไรแบบนี้ ถ้าจะเอาแบบพุทธจริงๆ คุณต้องเข้าไปให้ถึงจิตด้วยวิธีการที่มองเห็นว่า
แก่นของชีวิต คือจิตเป็นอย่างไร เปลือกของชีวิตก็จะเป็นตามไปอย่างนั้น!
______________________
ผู้ถอดคำ พงศ์ศิญา
ชังพูลสวัสดิ์
วันที่ไลฟ์
๒ พ.ย. ๒๕๖๒
ชื่อเรื่อง การเงินการงานติดขัดตลอด มีเรื่องให้ใช้ตลอด การงานก็ตั้งใจ แต่ไม่ค่อยราบรื่น แก้ไขอย่างไรได้บ้างคะ?
ชื่อเรื่อง การเงินการงานติดขัดตลอด มีเรื่องให้ใช้ตลอด การงานก็ตั้งใจ แต่ไม่ค่อยราบรื่น แก้ไขอย่างไรได้บ้างคะ?
ระยะเวลาคลิป ๑๐.๐๐ นาที
รับชมทางยูทูป https://youtu.be/93Nk041YGSk
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น