ดังตฤณ : อันนี้จะตอบเป็นสองกรณี กรณีแรกนะครับ เหตุคือ
กรรมเก่าให้ผล สองคือ เรื่องของใจมนุษย์
เรื่องของกรรมเก่าให้ผลเป็นอย่างไร ก็คือเราเคยทำใครไว้อย่างไร
เราก็โดนคนอื่นทำอย่างนั้นตอบ อันนี้ตรงไปตรงมาเลย ถ้าหากว่าให้เงินแล้วไม่ได้คืนบ่อยๆนี่
สันนิษฐานว่าเราเคยยืม แล้วไม่ให้คืนเหมือนกัน
แต่ถ้าเราจะพูดให้เกิดความเข้าใจชัดเจนขึ้น เรามาพูดถึงธรรมชาติของใจมนุษย์
เวลาคนยืมเงินนี่นะ จะยืมด้วยท่าทีน่าสงสาร แล้วก็รู้สึกว่าสงสารตัวเอง คนอื่นนี่สมควรจะมาช่วยเหลือตน
โลกทั้งใบควรจะเห็นใจตนเอง โลกทั้งใบควรจะมาช่วยเหลือตนเอง
อันนี้คือจุดตั้งต้น แล้วก็จะยืมด้วยความตั้งใจที่บริสุทธิ์ว่าอยากจะคืน
หรือด้วยความตั้งใจแต่แรกว่าจะชักดาบนะครับ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจแบบไหนก็แล้วแต่
ตั้งต้นขึ้นมาเป็นผู้ขอ พอขอไปแล้วได้มาง่ายๆ ไม่มีการทำสัญญา
ไม่มีการมาเอาผิดทางกฎหมายในภายหลังได้ คนๆหนึ่งมันจะมีความรู้สึกขึ้นมาอย่างหนึ่งว่า
เนี่ยเป็นเงินของเรา เขาคิดอย่างนี้จริงๆ มันรู้สึกอย่างนี้จริงๆ นี่พูดธรรมชาติของใจคนนะครับ
อุตส่าห์ไปเสียหน้า บากหน้าไปขอ อันนั้นน่ะถือว่าเป็นน้ำพักน้ำแรงแล้ว ต้องเข้าใจธรรมชาติของนักยืมเงินตรงจุดนี้
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเขากล้าขอยืมเงินใคร ส่วนใหญ่จะกล้าขอยืมเงินคนอื่น
พูดง่ายๆว่า ขอยืมแบบไม่เลือกหน้า ส่วนใหญ่ธรรมชาติของนักยืมเงินจะเป็นแบบนี้
ประเภทที่ไม่กล้าไปกู้แบงก์ ประเภทที่จะหวังพึ่งคนรอบตัวโทษฐานที่สนิทกัน
ส่วนใหญ่นะครับ
นี่พูดถึงส่วนใหญ่นะ ใจจะคิดว่ายืมใครได้บ้าง ไม่สนว่าบางทีเขาลำบากกว่าตัวเองหรือเปล่า
บางคนมีลูกมีเมียต้องรับผิดชอบ ก็ไม่สน บอกไม่รู้หรอกว่าเงินในกระเป๋าเขามีอยู่เท่าไหร่
รู้แต่ว่าเงินในกระเป๋าของเราไม่มี หรือ ร่อยหรอลง เขาต้องให้
แล้วก็ไปด้วยท่าทีแบบว่า .. จำไว้อย่างนะ ยิ่งเขาออกแรงมากขึ้นเท่าไหร่
ทำหน้าทำตาน่าสงสารมากขึ้นเท่าไหร่ เขายิ่งคิดว่า นั่นแหละ คือสิ่งที่เขาเนี่ยลงทุนลงแรงไปแล้ว
ถือว่าเป็นการเสียในฝ่ายของเขาแล้ว การที่ได้เงินมา ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาแล้ว
นี่พูดถึงประเภทที่ยืมเก่งๆ ชักดาบเก่งๆ ไม่ได้เหมารวมทั่วไปทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับ
เพราะว่าคนที่ยืมเงินแล้วมีใจบริสุทธิ์ คิดที่จะคืน มีอยู่มาก แต่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง
ส่วนใหญ่ถ้ายืมเงินดะไม่เลือกหน้า จะมีอะไรดิบๆ หรือมีสัญชาติญาณนักยืมเงินแบบนี้อยู่ใจนะ
ฝังแน่นอยู่ใน ... ขออนุญาตพูดว่า ฝังแน่นอยู่ในกมลสันดานละ ว่าอย่างนั้นเถอะ
ซึ่งพอเขาได้เงินไปแล้วเขาเกิดความรู้สึกผิด รู้อยู่ลึกๆในใจว่า เดี๋ยวต้องโดนทวง
แล้วเขาจะต้องอับอาย ความอับอายก็กลายเป็นแรงขับดัน ให้โมโห แล้วก็คิดอะไรต่างๆ นานา
ในทางไม่ดี ในทางร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่เป็นเจ้าหนี้ อย่าหวังได้เป็นหนี้บุญคุณกับเขา
เป็นแค่คนที่สมควรให้เงินเขามา แต่ไม่ใช่ผู้มีบุญคุณ
และเพื่อที่จะเกิดความสบายใจว่า ตัวเองไม่ได้ติดหนี้บุญคุณใคร บางทีก็เลยสร้างเรื่อง
มันเป็นแพทเทิร์น (Pattern) เลยนะ ของนักยืมเงินประเภทชักดาบ
จะเกิดบาปเกิดอกุศลอะไรพอกจิตขึ้นมา ชนิดที่ทำให้เห็นผิดเป็นชอบ ไปใส่ร้าย
ไปทำให้เจ้าหนี้ดูเป็นคนเลวในสายตาของสังคม เพื่อที่ตัวเองจะได้สบายใจว่า นี่เห็นไหมเขาเลว
เพราะฉะนั้นฉันเป็นคนดีกว่า
หรือไม่ก็ บางคนยอมรับว่าตัวเองเลว แต่ว่ารู้สึกว่า นั่นไงเลวเสมอกัน
เลวพอๆกัน เลวไปคนละแบบ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องรู้สึกผิด
คนหรือมนุษย์นี่นะ จะมีความรู้สึกผิดอยู่ในใจกันทั้งนั้นแหละ
เวลาที่ทำอะไรผิดพลาดไป หรือว่าทำอะไรที่เลวร้ายนะครับ แต่เพื่อที่จะกลบเกลื่อนหรือว่าเพื่อที่จะมีชีวิตต่อได้
ก็ต้องหาทางที่จะจัดการกับความรู้สึกผิดตรงนั้น
ซึ่งวิธีของนักชักดาบก็คือ ไปใส่ร้ายทำให้คนอื่นในสังคมเขามองว่า เจ้าหนี้ของตัวเองเป็นคนเลว
เป็นคนไม่ดี ใครทำอะไรผิดด้วยไม่ถือว่าเป็นบาป อะไรทำนองนั้น
ผมเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้เยอะมาก ไปเสิร์ชหาชื่อ ดังตฤณ
เรื่อง “หนี้ การใช้หนี้” อะไรต่างๆนี่ มีให้ผมเห็นมาทั้งชีวิตแหละ
ประเภทที่มาเล่าให้ฟังว่า นอกจากจะไม่ใช้หนี้ยังมาด่าตัวเอง ยังมาทำลายชื่อเสียง
มาทำให้ตัวเองกลายเป็นคนเลวในสายตาของสังคม
แล้วก็งงว่า นี่อะไรกัน มีแบบนี้ด้วยเหรอในโลกนี้ มีคนเลวขนาดนี้เลยเหรอ
จริงๆแล้ว เป็นแพทเทิร์นเลยนะครับ ถ้าเราเป็นฝ่ายที่เคยลำบากแบบนั้น
แล้วก็หาทางกำจัดความรู้สึกผิดออกจากใจแบบนั้น เราจะเข้าใจคนพวกนี้ได้ดีเลยนะครับ
ผมไม่เคยนะแต่ว่า แต่ว่าผมเข้าใจนะครับ!
_____________
ผู้ถอดคำ : ปราณิสา – ปรียาดา ชาญภัทรวาณิช
วันที่ไลฟ์ ๒ พ.ย. ๒๕๖๒
ชื่อเรื่อง ทำไมถึงไม่ได้เงินคืนเวลาให้คนยืมเงิน
แถมบางทีนินทาเราเสียหายด้วย?
ระยะเวลาคลิป ๗.๓๖ นาที
รับชมทางยูทูป https://www.youtube.com/watch?v=3dl0WARyh8Y
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น