ถาม : รู้สึกดีกับคนคนหนึ่ง แต่พอเช็คดวงแล้ว
เราเกิดในปีชงกัน อยากทราบว่าจะเกี่ยวกันไหมคะ ว่าเราจะต้องเข้ากันไม่ได้
หรือเป็นมิตรกันไม่ได้ในวันข้างหน้า แล้วมีวิธีแก้ไหม?
รับฟังทางยูทูบ https://youtu.be/rI3XC9E8Ziw
ดังตฤณ :
พูดกันแบบเอาให้เข้าใจง่ายก่อน อย่าเพิ่งไปพูดเรื่องโหราศาสตร์ อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่องปีชง เรามาคุยกันในแบบที่มันเข้าใจได้ง่ายๆตามธรรมชาติธรรมดาที่สามารถรับรู้กันได้ด้วยสามัญสำนึกนะครับ คือแต่ละคนนี่นะ มีลักษณะบางอย่างที่เป็นตัวตั้งอยู่ก่อนล่วงหน้าว่า ถ้าหากเอามาอยู่ด้วยกันแล้ว มีสิทธิ์ที่จะทะเลาะกันได้ ยกตัวอย่างเช่น คนคนหนึ่งศรัทธาว่า อย่างบอกว่าพระเจ้ามีจริง อย่างนี้นะครับ อีกคนหนึ่งไม่ศรัทธาเลย แถมต่อต้านแอนตี้ด้วย คือมีความรู้สึกฝังใจมาตลอดเวลาว่า เราเกิดมาด้วยความบังเอิญ ไม่เคยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนเป็นผู้สร้าง อย่างนี้นะครับ ถ้าหากเอาคนสองคนนี้มาอยู่ด้วยกัน มันพยากรณ์ได้ล่วงหน้าว่า วันใดวันหนึ่งคงต้องเกิดความรู้สึกขัดแย้งกัน หรือว่ามีคำพูดที่กระทบกระทั่งกัน หรือมีความรู้สึกที่ไปคนละทางกัน คนหนึ่งจะเดินทางไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ตัวเองคิดว่าควรจะไป อีกคนหนึ่งบอกว่าไม่ควรจะไป
รับฟังทางยูทูบ https://youtu.be/rI3XC9E8Ziw
ดังตฤณ :
พูดกันแบบเอาให้เข้าใจง่ายก่อน อย่าเพิ่งไปพูดเรื่องโหราศาสตร์ อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่องปีชง เรามาคุยกันในแบบที่มันเข้าใจได้ง่ายๆตามธรรมชาติธรรมดาที่สามารถรับรู้กันได้ด้วยสามัญสำนึกนะครับ คือแต่ละคนนี่นะ มีลักษณะบางอย่างที่เป็นตัวตั้งอยู่ก่อนล่วงหน้าว่า ถ้าหากเอามาอยู่ด้วยกันแล้ว มีสิทธิ์ที่จะทะเลาะกันได้ ยกตัวอย่างเช่น คนคนหนึ่งศรัทธาว่า อย่างบอกว่าพระเจ้ามีจริง อย่างนี้นะครับ อีกคนหนึ่งไม่ศรัทธาเลย แถมต่อต้านแอนตี้ด้วย คือมีความรู้สึกฝังใจมาตลอดเวลาว่า เราเกิดมาด้วยความบังเอิญ ไม่เคยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนเป็นผู้สร้าง อย่างนี้นะครับ ถ้าหากเอาคนสองคนนี้มาอยู่ด้วยกัน มันพยากรณ์ได้ล่วงหน้าว่า วันใดวันหนึ่งคงต้องเกิดความรู้สึกขัดแย้งกัน หรือว่ามีคำพูดที่กระทบกระทั่งกัน หรือมีความรู้สึกที่ไปคนละทางกัน คนหนึ่งจะเดินทางไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ตัวเองคิดว่าควรจะไป อีกคนหนึ่งบอกว่าไม่ควรจะไป
แล้วก็ตอนแรกๆนี่
ตอนที่ยังมีความหวานแหวว เอาความหวานแหววเข้าใส่กันก็คงไม่กระไรนัก
แค่คิดๆอยู่ในใจ แต่พอนานๆไปมันเริ่มสนิทกันมากขึ้น มันเริ่มคุ้นกันมากขึ้น
มันเริ่มที่จะไม่ต้องเกรงใจกันมากขึ้น มันก็แสดงความในใจกันออกมา
แล้วตรงนั้นแหละที่ ความไม่เห็นด้วย ความขัดแย้ง มันจะก่อตัวเป็นคำพูด เป็นแววตา
เป็นสีหน้า หรือว่าเป็นการกระทำที่แสดงออกอย่างชัดเจน ฝ่ายหนึ่งก็จะฉุดไปล่ะ
จะเอาไปให้ได้ อีกฝ่ายหนึ่งก็จะรั้งไว้ให้ได้ จะเอาให้อยู่บ้านให้ได้
หรือว่าไปเที่ยวกันที่อื่น เพื่อที่จะได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า อย่างนี้
ก็เห็นได้ชัดนะครับ อันนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดว่า ถ้าหากว่าศรัทธาต่างกัน
มันมีคุณสมบัติบางอย่างในตัวของคนที่สามารถพยากรณ์ได้ล่วงหน้าเลยว่า
เอามาอยู่ด้วยกันแล้ว ขัดกันแน่นอน
ยังมีแง่อื่น ประเด็นอื่นอีก อย่างเช่นนิสัยใจคอ คนหนึ่งชอบที่จะท่องเที่ยว อีกคนหนึ่งชอบอยู่บ้าน หรือว่าคนหนึ่งมีความอยากจะอยู่สันโดษ ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับญาติ อีกคนหนึ่งนี่เอาญาติมากๆเลยนะครับ จะต้องให้เวลากับญาติ ทุ่มเทเวลาให้กับญาติเต็มที่ อย่างนี้มันก็เป็นสิ่งที่เราสามารถมาคุยกันได้ง่ายๆว่า นี่เรียกว่าชงกัน เรียกว่าเข้ากันไม่ได้ มีลักษณะอะไรบางอย่างที่ขัดแย้งกัน พร้อมที่จะแตกกิ่งก้านสาขา เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถจะเป็นพวกเดียวกันได้
คนสองคนนี่นะ ถ้าหากว่าจะมาอยู่ร่วมบ้านกันทั้งๆที่มีคุณสมบัติบางอย่างคอยจ้องอยู่แล้วที่จะเป็นระเบิดเวลา ไม่ให้ได้เป็นพวกเดียวกันนี่นะ พอมาอยู่ด้วยกันมันระเบิดปุ้งขึ้นมาแน่นอน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เอาล่ะ อันนี้พูดเรื่องสามัญสำนึก พูดเรื่องที่ว่าเราสามารถเข้าใจกันได้ง่ายๆโดยไม่ต้องอ้างอิงดวงดาว โดยไม่ต้องอ้างอิงศาสตร์ของตำราไหน
คราวนี้มาพูดถึงเรื่องของโหราศาสตร์ ถ้าหากว่าโหราศาสตร์ตำรานั้นๆเป็นเรื่องจริง เป็นเรื่องที่สามารถพิสูจน์ได้ เป็นเรื่องที่แม่นยำตามหลักสถิติ หรือตามหลักของวิชาที่มีความสามารถจะอธิบายได้ด้วยหลักความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับดวงดาวนะ ถ้าหากว่ามีปีชงอยู่จริง คำถามคือ ควรจะอยู่ด้วยกันไหม ? ถ้าหากอยากจะอยู่ด้วยกันจริงๆจะแก้อย่างไร?
ขอให้จำไว้เป็นหลักอย่างนี้นะครับ คนที่เป็นปีชงกันนี่นะ หนึ่ง อาจจะมีคุณสมบัติบางอย่างที่ขัดแย้งกันอย่างที่ผมยกมาในข้อแรกนะครับ อันนี้เป็นเรื่องที่สามัญสำนึกเราบอกได้ว่ามันจะต้องเกิดความระหองระแหง หรือว่าขัดแย้งกันแน่นอน ถ้าหากว่ามีลักษณะที่ขัดกันอยู่ทางนิสัยหรือว่าทางวิถีชีวิต ประการที่สองที่เป็นไปได้ก็คือ เมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้ว อาจเกิดเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งรบกวนชีวิตคู่ ยกตัวอย่างเช่น บางคนนะครับ นิสัยเข้ากันได้ทุกอย่างเลย แต่ปรากฏว่าปีนี่คำนวณออกมาแล้วเป็นปีชงกัน ไม่ถูกกัน แล้วก็ไม่เชื่อ ไม่อยากจะสนใจ ปรากฏว่า อยู่มาด้วยกันสองสามปีแรกไม่เป็นไร พอปีที่สามเท่านั้นแหละ เกิดเรื่องเกิดราว เกิดเหตุการณ์ เกิดอะไรโน่นนี่นั่น เยอะไปหมด หรือไม่ก็ไม่ต้องสามปี สามเดือนเลย อุตส่าห์คบกันมาเจ็ดปี ไม่มีเรื่องนะ แต่พอแต่งงานกันปุ๊บ สามเดือนเกิดเรื่องในแบบที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ในแบบที่มันเป็นเหตุปัจจัยจากภายนอกเข้ามานะ
ยังมีแง่อื่น ประเด็นอื่นอีก อย่างเช่นนิสัยใจคอ คนหนึ่งชอบที่จะท่องเที่ยว อีกคนหนึ่งชอบอยู่บ้าน หรือว่าคนหนึ่งมีความอยากจะอยู่สันโดษ ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับญาติ อีกคนหนึ่งนี่เอาญาติมากๆเลยนะครับ จะต้องให้เวลากับญาติ ทุ่มเทเวลาให้กับญาติเต็มที่ อย่างนี้มันก็เป็นสิ่งที่เราสามารถมาคุยกันได้ง่ายๆว่า นี่เรียกว่าชงกัน เรียกว่าเข้ากันไม่ได้ มีลักษณะอะไรบางอย่างที่ขัดแย้งกัน พร้อมที่จะแตกกิ่งก้านสาขา เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถจะเป็นพวกเดียวกันได้
คนสองคนนี่นะ ถ้าหากว่าจะมาอยู่ร่วมบ้านกันทั้งๆที่มีคุณสมบัติบางอย่างคอยจ้องอยู่แล้วที่จะเป็นระเบิดเวลา ไม่ให้ได้เป็นพวกเดียวกันนี่นะ พอมาอยู่ด้วยกันมันระเบิดปุ้งขึ้นมาแน่นอน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เอาล่ะ อันนี้พูดเรื่องสามัญสำนึก พูดเรื่องที่ว่าเราสามารถเข้าใจกันได้ง่ายๆโดยไม่ต้องอ้างอิงดวงดาว โดยไม่ต้องอ้างอิงศาสตร์ของตำราไหน
คราวนี้มาพูดถึงเรื่องของโหราศาสตร์ ถ้าหากว่าโหราศาสตร์ตำรานั้นๆเป็นเรื่องจริง เป็นเรื่องที่สามารถพิสูจน์ได้ เป็นเรื่องที่แม่นยำตามหลักสถิติ หรือตามหลักของวิชาที่มีความสามารถจะอธิบายได้ด้วยหลักความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับดวงดาวนะ ถ้าหากว่ามีปีชงอยู่จริง คำถามคือ ควรจะอยู่ด้วยกันไหม ? ถ้าหากอยากจะอยู่ด้วยกันจริงๆจะแก้อย่างไร?
ขอให้จำไว้เป็นหลักอย่างนี้นะครับ คนที่เป็นปีชงกันนี่นะ หนึ่ง อาจจะมีคุณสมบัติบางอย่างที่ขัดแย้งกันอย่างที่ผมยกมาในข้อแรกนะครับ อันนี้เป็นเรื่องที่สามัญสำนึกเราบอกได้ว่ามันจะต้องเกิดความระหองระแหง หรือว่าขัดแย้งกันแน่นอน ถ้าหากว่ามีลักษณะที่ขัดกันอยู่ทางนิสัยหรือว่าทางวิถีชีวิต ประการที่สองที่เป็นไปได้ก็คือ เมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้ว อาจเกิดเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งรบกวนชีวิตคู่ ยกตัวอย่างเช่น บางคนนะครับ นิสัยเข้ากันได้ทุกอย่างเลย แต่ปรากฏว่าปีนี่คำนวณออกมาแล้วเป็นปีชงกัน ไม่ถูกกัน แล้วก็ไม่เชื่อ ไม่อยากจะสนใจ ปรากฏว่า อยู่มาด้วยกันสองสามปีแรกไม่เป็นไร พอปีที่สามเท่านั้นแหละ เกิดเรื่องเกิดราว เกิดเหตุการณ์ เกิดอะไรโน่นนี่นั่น เยอะไปหมด หรือไม่ก็ไม่ต้องสามปี สามเดือนเลย อุตส่าห์คบกันมาเจ็ดปี ไม่มีเรื่องนะ แต่พอแต่งงานกันปุ๊บ สามเดือนเกิดเรื่องในแบบที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ในแบบที่มันเป็นเหตุปัจจัยจากภายนอกเข้ามานะ
นี้ก็ตามหลัก
ถ้าอธิบายเป็นเรื่องของวิบากกรรมตามพุทธศาสนาอธิบายก็จะบอกว่า
สองคนนั้นอาจจะเคยที่จะทำกรรม ทำบาปร่วมกันมา ไปยุแยงตะแคงรั่ว มีเยอะนะ
ประเภทที่พอเป็นผัวเมียกันแล้วนี่ สนุกกับการไปยุแยงตะแคงรั่ว คู่ของตัวเองไม่มีความสุข
ก็จะไปทำให้คู่ของคนอื่นไม่มีความสุขบ้าง แล้วบาปกรรมที่ทำร่วมกัน
ไม่ว่าจะเป็นการไปทำให้ชาวบ้านเขาทะเลาะกัน หรือว่าไปโกงทรัพย์ชาวบ้านเขามา
หรือว่าไปอะไรก็แล้วแต่ที่มันเป็นบาปนี่ ถ้าทำร่วมกันแล้ว ทำตลอด
ทำทั้งเวลาทั้งหมดที่อยู่ด้วยกันนี่ร่วมกันทำบาปอย่างนี้ตลอด
ผลมันก็มีความแน่นอนคือว่า พอจะต้องมาอยู่ด้วยกันอีกนี่นะมันจะมีเครื่องรบกวน
มันจะมีสิ่งที่ทำให้เกิดความร้าวฉาน มันจะไม่เป็นนิสัย
ก็เป็นเหตุการณ์อะไรอย่างหนึ่งที่มารบกวนจิตใจให้รู้สึกว่าอยู่ด้วยกันแล้วรุ่มร้อน
อยู่ด้วยกันแล้วมันจะต้องมีเรื่องโน่นนิด นี่หน่อย เกิดขึ้นเป็นประจำ แบบนี้นะ
ถ้าหากว่าเรามองเป็นหลักของวิบากกรรมนะครับ แปลว่า
เราจะเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกร้าวฉานกันไม่ได้ ถ้าหากว่าเป็นปีชง
แต่ถ้าหากว่าในชาติปัจจุบัน ในชีวิตนี้ เราไม่มีความรู้เรื่องกรรมวิบาก เราไม่มีความรู้เรื่องโหราศาสตร์อะไรทั้งสิ้น แต่เรามีความรู้อยู่อย่างหนึ่ง คือเรามีความรู้ว่า การจะอยู่ร่วมกันได้ต้องมีความออมชอมกัน ต้องมีความสามารถที่จะอภัยให้กันได้ ต้องมีความสามารถที่จะทำความเข้าใจแบบผู้ใหญ่ ต้องมีความสามารถที่จะอดทน แบบคนที่มีความเข้มแข็ง แล้วก็ตั้งใจร่วมกันว่า เราจะอยู่ร่วมกันให้ได้อย่างมีความสุขด้วย ไม่ใช่ทนอยู่ร่วมกันด้วยความทุกข์กันไป ทั้งสองคนต้องมีลักษณะเด่นอยู่ประการหนึ่งที่ตรงกัน นั่นคือความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคด้วยความเมตตา ด้วยความพร้อมที่จะให้อภัย ด้วยความพร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างหนี ต่างคนต่างต่อสู้ ต่างคนต่างหันหน้าไปคนละทิศ
แต่ถ้าหากว่าในชาติปัจจุบัน ในชีวิตนี้ เราไม่มีความรู้เรื่องกรรมวิบาก เราไม่มีความรู้เรื่องโหราศาสตร์อะไรทั้งสิ้น แต่เรามีความรู้อยู่อย่างหนึ่ง คือเรามีความรู้ว่า การจะอยู่ร่วมกันได้ต้องมีความออมชอมกัน ต้องมีความสามารถที่จะอภัยให้กันได้ ต้องมีความสามารถที่จะทำความเข้าใจแบบผู้ใหญ่ ต้องมีความสามารถที่จะอดทน แบบคนที่มีความเข้มแข็ง แล้วก็ตั้งใจร่วมกันว่า เราจะอยู่ร่วมกันให้ได้อย่างมีความสุขด้วย ไม่ใช่ทนอยู่ร่วมกันด้วยความทุกข์กันไป ทั้งสองคนต้องมีลักษณะเด่นอยู่ประการหนึ่งที่ตรงกัน นั่นคือความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคด้วยความเมตตา ด้วยความพร้อมที่จะให้อภัย ด้วยความพร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างหนี ต่างคนต่างต่อสู้ ต่างคนต่างหันหน้าไปคนละทิศ
ถ้าหากว่าตกลงกันไว้แต่แรกแล้วมีความรัก
มีความเอาใจใส่ มีความห่วงใยกันและกันมากเพียงพอ
อันนี้ก็จะเท่ากับเรามีแรงต่อต้านความร้าวฉาน คือความร้าวฉาน ถ้าสมมติว่า
อย่างบอกแล้วนะ ถ้าเราเชื่อเรื่องปีชงจริงๆ ยังไงๆมันมีเหตุให้น่าจะเกิดความร้าวฉานกันแน่
มันเป็นพลังบีบคั้นที่รอจังหวะ หรือว่าเป็นระเบิดเวลาที่พร้อมจะตูมตามขึ้นมาอยู่
แต่ทีนี้ถ้าหากว่าเรามีพลังอีกแบบหนึ่ง พลังความรัก พลังความเข้าใจ
พลังความเป็นผู้ใหญ่ พลังขันติ ที่เตรียมพร้อมไว้จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่จะเข้ามา
ตรงนี้นี่ ถ้าตกลงกันแล้วมีความรู้สึกมุ่งไปด้วยกัน มุ่งหน้าไปด้วยกัน ถึงเวลา
พอถึงเวลาที่ระเบิดเวลามันตูมขึ้นมานะ ใจมันอาจจะมีความรู้สึกเหมือนถูกแรงผลักนะ
พยายามทำให้แยกจากกัน แต่ด้วยการที่อธิษฐานร่วมกันไว้แล้ว คือตกลงด้วยกัน
ไว้ด้วยกันไว้แล้ว ก็จะทำให้เกิดแรงประสาน หรือว่าแรงดึงดูดกลับเข้าหากันใหม่
คือยังจำได้ว่าตกลงอะไรกันไว้
แล้วจำได้ถึงความรู้สึกว่าทำไมเราถึงต้องการที่จะอยู่ด้วยกัน
ทำไมเราถึงต้องการความผูกพันร่วมกัน เพราะว่า
เราคิดถึงสิ่งที่มันดีๆสิ่งที่มันเป็นกุศล
หรือกระทั่งบางคู่เชื่อร่วมกันว่า ต้องการจะพบ ต้องการจะสร้างกุศล ต้องการจะสร้างบุญร่วมกันตลอดไป ไม่ใช่เฉพาะชาตินี้ แต่ยังชาติหน้าด้วยก็จะอาศัยความมีใจเล็งไว้ตรงกัน ตรงนั้นแหละ ที่จะเอาชนะอุปสรรค ฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายได้ ด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ด้วยความรู้สึกที่ไม่ลืม ขึ้นอยู่กับข้อตกลงว่า มีความแข็งแรงขนาดไหน ขึ้นอยู่กับความรักที่ทำร่วมกันมาว่า มันมีความเป็นสุข มีความอ่อนหวานแค่ไหน มีความเป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากจะเอาชนะ กระทั่งการจะไปมีคนอื่น การจะพยายามหลบลี้หนีหน้า ไม่ต้องมาเจอกัน เพื่อที่จะได้หลบไอ้ความทุกข์ที่เกิดจากการอยู่ร่วมกัน
หรือกระทั่งบางคู่เชื่อร่วมกันว่า ต้องการจะพบ ต้องการจะสร้างกุศล ต้องการจะสร้างบุญร่วมกันตลอดไป ไม่ใช่เฉพาะชาตินี้ แต่ยังชาติหน้าด้วยก็จะอาศัยความมีใจเล็งไว้ตรงกัน ตรงนั้นแหละ ที่จะเอาชนะอุปสรรค ฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายได้ ด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ด้วยความรู้สึกที่ไม่ลืม ขึ้นอยู่กับข้อตกลงว่า มีความแข็งแรงขนาดไหน ขึ้นอยู่กับความรักที่ทำร่วมกันมาว่า มันมีความเป็นสุข มีความอ่อนหวานแค่ไหน มีความเป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากจะเอาชนะ กระทั่งการจะไปมีคนอื่น การจะพยายามหลบลี้หนีหน้า ไม่ต้องมาเจอกัน เพื่อที่จะได้หลบไอ้ความทุกข์ที่เกิดจากการอยู่ร่วมกัน
ถ้าหากว่าเรามีความสุขมากพอ
ถ้าหากเรารู้สึกดีมากพอ นั่นแหละครับ ตรงนั้นแหละที่มันจะจะเอาชนะปีชงได้
หมายถึงว่า การที่มาอยู่ร่วมกัน โดยชงกันได้นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น