วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

๒.๒๑ เกิดมาพบศาสนาพุทธ คือพบโอกาสสำคัญสุดในอนันตชาติ

ถาม :  ในหนังสือของพี่ตุลย์เคยเขียนคำว่า วิญญาณมีรูปร้ายเป็นทุกข์กระสับกระส่ายอย่างยากที่จะเปลี่ยนแปลง และกรรมจะรักษาเส้นทางเดิมไว้ด้วยความเคยชินแล้วอย่างนี้เส้นทางคนคนนั้นจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร? จะรู้อย่างไรว่าวิญญาณเป็นรูปร้ายเท่าไหน ร้ายมาก ร้ายน้อย และจะหายร้ายหรือเปลี่ยนแปลงได้ไหม?



รับฟังทางยูทูป : http://youtu.be/H578_G_veT8

ดังตฤณ:  พระพุทธเจ้าตรัสว่า :
อรุณรุ่งของกุศล อรุณรุ่งของธรรมะ
ก็คือการได้พบกับกัลยาณมิตร


กัลยาณมิตรในพระพุทธศาสนา
ก็มุ่งหมายสำคัญไปที่องค์พระศาสดาเอง
ผู้ประกาศธรรมะที่ถูกต้อง ที่เป็นความสว่าง
ที่เป็นกติกาของธรรมชาติ กฎของกรรมวิบาก

คืออันนี้ต้องเข้าใจให้มันเป็นไปในทางกุศลนะ
ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ได้ประกาศตัวเองไว้อย่างนี้
ก็จะไม่มีใครประกาศให้
เพราะพระองค์รู้ของพระองค์เองอยู่พระองค์เดียว
ว่าท่านตรัสรู้อะไรบ้าง ก็จำเป็นต้องประกาศ

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

เมื่อท่านประกาศว่าการเป็นกัลยาณมิตร
หมายถึงการที่ท่านได้ชี้ทางถูกทางตรงไว้
เราก็สามารถสำคัญมั่นหมายได้ว่า
ถ้าหากเมื่อไรชาติใดที่เราพบพระพุทธศาสนา
นั่นคือโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุด
ในการเดินทางอันเป็นอนันตชาติในสังสารวัฏนี้

เพราะว่าอะไร? เพราะว่าเมื่อคนเรา
ได้แรงบันดาลใจจากธรรมะที่มีความสว่างเจิดจ้า
เมื่อคนเรามีความรู้สึกว่ามันมีสิ่งที่ดีกว่าชีวิตของเรา
มันมีสิ่งที่ใหญ่กว่าชีวิตของเราอยู่
แล้วเราสามารถที่จะยอมทิ้งชีวิตแบบเดิมๆ
เปลี่ยนเส้นทางมาสู่ชีวิตอีกแบบได้
นั่นแหละคือโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลง !

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

ถ้าหากว่าไปพูดถึงเอาเฉพาะที่พี่เคยเขียนไว้
อย่างคนที่สนใจพุทธศาสนาได้
อย่างนั้นไม่มีทางร้ายเกิน
อย่างนั้นไม่มีใครหรอกที่พอกบาปมาจนเกินกว่าจะแก้

คนที่สนใจพุทธศาสนา
หรือว่าสามารถคลิกกับคำสอนใดคำสอนหนึ่งของพุทธศาสนาได้
ไม่ว่าจะได้ยินคำสอนหรือว่าหลักการทางพุทธมาจากใครก็ตาม
หรืออยู่ในช่วงไหนของชีวิตก็ตาม
ขอให้ทราบไว้เลยว่า
คุณมีบุญมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง !
คุณไม่ได้พอกบาปมาหนาเกินกว่าที่จะแก้ไข
!
พูดอย่างนี้ไว้ก่อนนะ

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

ส่วนคนที่จิตวิญญาณยากจะคลิกกับธรรมะในพุทธศาสนา
ทางศาสนาเราเรียกว่าเป็น
"นิยตมิจฉาทิฏฐิ"
คือมีความแน่นอน มีความมั่นคงมากๆ
ที่จะเข้าใจพุทธศาสนาในทางร้ายไว้ก่อน

อย่างพวกที่ทำบาปไว้มากๆ
ประกาศศาสนาของตนไม่พอ มาเหยียบย่ำศาสนาคนอื่น
แล้วก็เอาพระพุทธเจ้ามาบิดเบือน
ทำให้เกิดความเข้าใจพระองค์ท่านผิดๆ
หรือว่าจะมีการใส่ร้าย บางทีมีอย่างนี้เลยนะ
บอกถ้ากราบไหว้พระพุทธเจ้าไปนรกแน่
เอาเรื่องไม่จริงมาขู่ เอาความคิดของตัวเองมาใส่เข้าไป
พวกนี้โอกาสที่จะเจอพุทธศาสนา หรือศาสนาที่มีเหตุมีผล
หรือศาสนาที่กล่าวถึงกรรมวิบาก
โอกาสที่จะเข้ามาได้นี่ไม่มีเลย
บอกอย่างนี้เลยก็แล้วกันว่า "ไม่มีเลย" !

แล้วมันจะสืบเนื่องเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ไปเรื่อยๆ
คือพอปักหลักที่จะเผยแพร่มิจฉาทิฏฐิแห่งตนไปแล้ว
ทำอยู่ทั้งชีวิตมันจะเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ไป
เกิดใหม่ก็จะไปเกิดในตระกูลมิจฉาทิฏฐิ
พอต้องใช้กรรมในนรกเสร็จ ไปเป็นเปรต ไปเป็นอะไร
ขึ้นมาเป็นมนุษย์แล้วก็จะมีผู้นำทางมีครูที่เป็นมิจฉาทิฏฐิอีก
แล้วก็ร่วมครึกครื้นเฮฮากันในเรื่องของการทำบาปทำกรรม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของการเหยียบย่ำความศรัทธา
ที่ถูกต้องที่ตรงทางสวรรค์นิพพาน จะชอบมากจะเป็นของโปรด
จะรู้สึกเป็นขนมเลย มันจะมีความรู้สึกคลิกเลย
มันเชื่อมต่อกับตัวเองได้ว่า อย่างนี้เราชอบ
ถ้าจะไปด่าว่า ถ้าจะไปใส่ร้าย
ถ้าจะไปทำให้คนที่เขาดูดีมีความสะอาดได้แปดเปื้อน
จะชอบมากเลย

แล้วลักษณะของวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นด้วยกรรมประเภทนี้
ด้วยบาปประเภทนี้
ก็จะออกแนวเหมือนกับปีศาจที่เราเห็นในหนัง
มีเขี้ยว มีเขา มีอะไรที่มันน่ากลัวมากๆ
ความกระสับกระส่ายที่ยากจะเปลี่ยนแปลงแบบนี้ที่พี่หมายถึง
ที่น่าจะเคยพูดถึงไว้ในหนังสือนะ


คนพวกนี้ถ้าจะเปลี่ยนมีทางเดียว
คือคนที่เขายึดถือเป็นหลักหรือว่าเป็นครู
เป็นบรมครูของเขาเกิดการเปลี่ยนใจ แล้วก็ค่อยๆหันเห

มันไม่มีทางนะที่จะแก้ได้ในชาติเดียว
มันค่อยๆหันเห ค่อยๆสั่งสมความดี
ค่อยๆทำความเข้าใจอย่างเป็นเหตุเป็นผล
เกี่ยวกับเรื่องของการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น