ถาม : มีพระธาตุเสด็จมามากมายตอนไปทำบุญที่วัด
เรื่องนี้มีจริงหรือ? ควรทำอย่างไรดี?
ดังตฤณ: เรื่องของพระธาตุนะก็มีมาหลายกระแส
แล้วถ้าหากว่าไปพบพระธาตุเสด็จที่ไหน
แล้วก็เกิดความรู้สึกที่เป็นมงคล
หรือว่ามีความเลื่อมใสศรัทธาหนักแน่น
ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มากขึ้นก็ดีเหมือนกัน
แต่บางทีอย่างล่าสุดก็เพิ่งมีข่าวไปเมื่อไม่นานมานี้เอง
ที่ในวัดในกรุงเทพฯมีคนไปขึ้นกันเยอะเลย
บอกว่าพระธาตุเสด็จมาแล้วก็มาจับได้ทีหลัง
ว่าเป็นการปล่อยพระธาตุมาด้วยเครื่องมือไฮเทค เป็นเรื่องหลอกลวงกันไป
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
แล้วถ้าหากว่าไปพบพระธาตุเสด็จที่ไหน
แล้วก็เกิดความรู้สึกที่เป็นมงคล
หรือว่ามีความเลื่อมใสศรัทธาหนักแน่น
ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มากขึ้นก็ดีเหมือนกัน
แต่บางทีอย่างล่าสุดก็เพิ่งมีข่าวไปเมื่อไม่นานมานี้เอง
ที่ในวัดในกรุงเทพฯมีคนไปขึ้นกันเยอะเลย
บอกว่าพระธาตุเสด็จมาแล้วก็มาจับได้ทีหลัง
ว่าเป็นการปล่อยพระธาตุมาด้วยเครื่องมือไฮเทค เป็นเรื่องหลอกลวงกันไป
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
เอาอย่างนี้ก็แล้วกันคือผมเองที่บ้านก็มีพระธาตุนะ
คนให้มาไว้นานมากแล้วตั้งแต่สมัย ๒๐-๓๐ ปีที่แล้ว
ตอนนั้นผมจำความรู้สึกของตัวเองได้ว่าเมื่อได้รับพระธาตุ
ที่อ้างกันว่าเป็น พระธาตุนี่นะ
คือใจตอนนั้นอยากได้มาก
แล้วก็มีความรู้สึกเหมือนกับอยากกราบคนให้มาไว้นานมากแล้วตั้งแต่สมัย ๒๐-๓๐ ปีที่แล้ว
ตอนนั้นผมจำความรู้สึกของตัวเองได้ว่าเมื่อได้รับพระธาตุ
ที่อ้างกันว่าเป็น พระธาตุนี่นะ
คือใจตอนนั้นอยากได้มาก
อยากบูชาพระพุทธเจ้า หรือสิ่งแทนพระพุทธองค์
อะไรก็ได้ที่จะเตือนให้เกิดความรู้สึก
ว่าพระพุทธองค์มีอยู่จริงแล้ว ก็ยังอยู่กับเรา
ยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี
ตอนได้พระธาตุมามันมีความปิติปลาบปลื้ม
แล้วก็เอามาใส่ผอบที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาซื้อได้ในช่วงนั้น
แล้วก็มีความสุขมากทั้งวันบางทีแทบจะไม่ได้ทำอะไร
ถ้าหากว่าเป็นวันว่างนะนั่งอยู่กับโต๊ะหมู่บูชานะครับ
แล้วก็ตาจับจ้องพระพุทธรูปบ้าง
หรือว่าผอบพระธาตุบ้างก็มีความสุขเหลือเกิน
ก็มีความรู้สึกว่าถ้าหากเรามีชีวิตอยู่
แล้วก็มีความมั่นใจมีความอุ่นใจว่า
พระพุทธเจ้าหรือว่าร่องรอยของพระองค์ท่านยังอยู่กับเรา
แล้วก็รู้สึกอบอุ่นใจไม่เคว้งคว้าง
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
แต่ต่อมาพอได้อ่านพระพุทธพจน์
สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้เองเลย
ท่านตรัสว่าต่อให้จับสบงจีวรของท่านอยู่
จับสไบที่ท่านห่มครองอยู่ตลอดเวลา
ท่านก็ไม่บอกว่าได้ชื่อว่าอยู่ใกล้ท่าน
นี่ไม่ได้พูดถึงพระธาตุ
นี่พูดถึงตัวพระองค์ท่านเองเลย !
แล้วก็คนที่มีโอกาสมีวาสนาอยู่ใกล้ท่านหลายคน
ก็ได้แต่เฝ้าชมรูปโฉมท่าน
มีปิติจริง มีกุศลจิตจริง มีกุศลธรรมจริง
แต่ไม่มั่นคงไม่ใช่ที่พึ่งที่ถาวร !
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า
การที่เราได้มีอะไรบางอย่างไว้แทนพระองค์ก็ดี
อย่างเจดีย์ที่สังเวชนียสถาน
ท่านก็ตรัสไว้นะว่าผู้ที่ได้ไปเยี่ยม ได้ไปสักการะนะครับ
ก็จะถึงสวรรค์เป็นผู้ที่มีสิทธิ์ได้ถึงสวรรค์
กรรมนั้นมีสิทธิ์ได้ถึงสวรรค์
เพราะว่าเป็นการไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เป็นการไปปลูกสร้างศรัทธา
ให้มีความปักหลักมั่นคงในจิตใจของเรา
แต่สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งให้กับตัวเราได้อย่างแน่นอนถาวร
คือการปฏิบัติธรรม !
ท่านบอกว่าถ้าอยากจะบูชาท่านให้ปฏิบัติเป็นบูชา
ปฏิบัติหมายความว่าท่านสอนอะไรมา ก็ปฏิบัติตามนั้น
: ทั้งในเรื่องของการให้ทานมีน้ำใจ
: ในเรื่องของการรักษาศีลให้ใจสะอาด
: แล้วก็เจริญสติจนกระทั่งได้เห็นพระองค์ท่าน
ท่านตรัสว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ถ้าหากว่าเราได้เห็นพระธาตุแล้วมีปิติแล้วก็ดี
ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย เป็นเรื่องที่เป็นมหามงคล
เป็นเรื่องที่เราสามารถจะบอกได้ว่าเป็นวันดี แต่อย่ายึด !
เพราะว่าสมัยนี้เราไม่รู้นะ
ว่าองค์ไหนองค์จริง องค์ไหนองค์ปลอม
องค์ไหนเสด็จมาตามธรรมชาติ
องค์ไหนเสด็จมาด้วยเครื่องมือไฮเทค
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
เมื่อกี้ขออภัยด้วยที่อ่าน On Air ออกอากาศไปนะ
คือผมก็ไม่ได้อ่านข้อความทั้งหมด
ก็มีชื่อสถานที่อะไรไปเรียบร้อย
ผมไม่ได้พูดถึงว่าวัดไหนหลอกลวงหรือไม่หลอกลวง
แต่ผมพูดกว้างๆว่า
อย่าไปฝากใจไว้กับอะไรที่เป็นวัตถุภายนอก!
ว่าพระพุทธองค์มีอยู่จริงแล้ว ก็ยังอยู่กับเรา
ยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี
ตอนได้พระธาตุมามันมีความปิติปลาบปลื้ม
แล้วก็เอามาใส่ผอบที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาซื้อได้ในช่วงนั้น
แล้วก็มีความสุขมากทั้งวันบางทีแทบจะไม่ได้ทำอะไร
ถ้าหากว่าเป็นวันว่างนะนั่งอยู่กับโต๊ะหมู่บูชานะครับ
แล้วก็ตาจับจ้องพระพุทธรูปบ้าง
หรือว่าผอบพระธาตุบ้างก็มีความสุขเหลือเกิน
ก็มีความรู้สึกว่าถ้าหากเรามีชีวิตอยู่
แล้วก็มีความมั่นใจมีความอุ่นใจว่า
พระพุทธเจ้าหรือว่าร่องรอยของพระองค์ท่านยังอยู่กับเรา
แล้วก็รู้สึกอบอุ่นใจไม่เคว้งคว้าง
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
แต่ต่อมาพอได้อ่านพระพุทธพจน์
สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้เองเลย
ท่านตรัสว่าต่อให้จับสบงจีวรของท่านอยู่
จับสไบที่ท่านห่มครองอยู่ตลอดเวลา
ท่านก็ไม่บอกว่าได้ชื่อว่าอยู่ใกล้ท่าน
นี่ไม่ได้พูดถึงพระธาตุ
นี่พูดถึงตัวพระองค์ท่านเองเลย !
แล้วก็คนที่มีโอกาสมีวาสนาอยู่ใกล้ท่านหลายคน
ก็ได้แต่เฝ้าชมรูปโฉมท่าน
มีปิติจริง มีกุศลจิตจริง มีกุศลธรรมจริง
แต่ไม่มั่นคงไม่ใช่ที่พึ่งที่ถาวร !
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า
การที่เราได้มีอะไรบางอย่างไว้แทนพระองค์ก็ดี
อย่างเจดีย์ที่สังเวชนียสถาน
ท่านก็ตรัสไว้นะว่าผู้ที่ได้ไปเยี่ยม ได้ไปสักการะนะครับ
ก็จะถึงสวรรค์เป็นผู้ที่มีสิทธิ์ได้ถึงสวรรค์
กรรมนั้นมีสิทธิ์ได้ถึงสวรรค์
เพราะว่าเป็นการไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เป็นการไปปลูกสร้างศรัทธา
ให้มีความปักหลักมั่นคงในจิตใจของเรา
แต่สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งให้กับตัวเราได้อย่างแน่นอนถาวร
คือการปฏิบัติธรรม !
ท่านบอกว่าถ้าอยากจะบูชาท่านให้ปฏิบัติเป็นบูชา
ปฏิบัติหมายความว่าท่านสอนอะไรมา ก็ปฏิบัติตามนั้น
: ทั้งในเรื่องของการให้ทานมีน้ำใจ
: ในเรื่องของการรักษาศีลให้ใจสะอาด
: แล้วก็เจริญสติจนกระทั่งได้เห็นพระองค์ท่าน
ท่านตรัสว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ถ้าหากว่าเราได้เห็นพระธาตุแล้วมีปิติแล้วก็ดี
ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย เป็นเรื่องที่เป็นมหามงคล
เป็นเรื่องที่เราสามารถจะบอกได้ว่าเป็นวันดี แต่อย่ายึด !
เพราะว่าสมัยนี้เราไม่รู้นะ
ว่าองค์ไหนองค์จริง องค์ไหนองค์ปลอม
องค์ไหนเสด็จมาตามธรรมชาติ
องค์ไหนเสด็จมาด้วยเครื่องมือไฮเทค
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
เมื่อกี้ขออภัยด้วยที่อ่าน On Air ออกอากาศไปนะ
คือผมก็ไม่ได้อ่านข้อความทั้งหมด
ก็มีชื่อสถานที่อะไรไปเรียบร้อย
ผมไม่ได้พูดถึงว่าวัดไหนหลอกลวงหรือไม่หลอกลวง
แต่ผมพูดกว้างๆว่า
อย่าไปฝากใจไว้กับอะไรที่เป็นวัตถุภายนอก!
ผมก็รู้ว่าไม่ใช่พระพุทธเจ้านะ เป็นของที่สร้างขึ้นมา
แต่ของที่สร้างขึ้นมา อะไรก็แล้วแต่ที่แทนพระองค์ได้
กระตุ้นใจให้เราระลึกถึงพระพุทธองค์ได้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ถ้าหากว่าเราสามารถที่จะทำใจของเราให้เป็นธรรมะได้
สามารถที่จะปฏิบัติธรรมเป็นเครื่องบูชาได้
อันนั้นแหละหลักประกัน ๑๐๐%
ต่อให้ในภายหลังเราจะรู้ว่าเป็นของหลอกหรือเป็นของปรุงแต่ง
เราก็ยังกราบไหว้ด้วยความเข้าใจอยู่ว่า
นั่นเป็นเครื่องเตือนให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า
แล้วยิ่งถ้าหากว่า.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ถ้าหากว่าเราสามารถที่จะทำใจของเราให้เป็นธรรมะได้
สามารถที่จะปฏิบัติธรรมเป็นเครื่องบูชาได้
อันนั้นแหละหลักประกัน ๑๐๐%
ต่อให้ในภายหลังเราจะรู้ว่าเป็นของหลอกหรือเป็นของปรุงแต่ง
เราก็ยังกราบไหว้ด้วยความเข้าใจอยู่ว่า
นั่นเป็นเครื่องเตือนให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า
นั่นเป็นพระธาตุจริงๆ ก็ยิ่งดีใหญ่เลยนะ !
เรายิ่งได้สัมผัสถึงกระแสที่มีความสว่าง มีความรุ่งเรืองมาก !
ของอะไรก็แล้วแต่ที่แทนพระพุทธองค์
แล้วเรากราบไหว้ด้วยใจนะ
มันจะมีความจริงจากใจเราเข้าไปอยู่ในวัตถุ
เผื่อจะมีกระแสดึงดูดพุทธคุณมาลงที่วัตถุนั้นจริงๆ
นี่ขอย้ำนะ ย้ำอีกครั้งหนึ่ง ย้ำแรงๆเลย
ว่าไม่ได้บอกนะว่านี่ของเก๊หรือของจริง
แต่นี่พูดโดยกว้างเลย
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
คำว่ากระแสพุทธคุณ หมายถึงว่า พุทธานุภาพที่ยังคงอยู่
พุทธานุภาพนี่ถ้าใครเคยสัมผัสจะไม่สงสัย
: หมั่นระลึกถึงพระพุทธเจ้าเรื่อยๆ
: กราบไหว้โต๊ะหมู่บูชาของตัวเองเรื่อยๆ
พระปฏิมาจะสว่างรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าคนธรรมดาสามารถสัมผัสได้ด้วยใจว่า
: มีความสว่าง
: มีความเบิกบาน
: มีความชื่นบานมีความปลอดโปร่ง
ต่อให้ห้องพระนั้นเดิมทีให้ความรู้สึกทึบๆ
ให้ความรู้สึกเหมือนไม่น่าอยู่มาก่อน
แต่เราเข้าไปกราบไหว้ทุกวัน
เข้าไปสวดอิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
ทุกวันย้ำๆทั้งเช้าทั้งเย็น
ในที่สุดห้องนั้นมีความสว่างเบิกบานมีความปลอดโปร่งขึ้นมา
มีความโล่งโถงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
อันนี้เป็นสิ่งที่น่าจะเป็นประสบการณ์ตรงกัน
ของชาวพุทธทุกคน ที่ได้กราบไหว้บูชา ได้สวดมนต์
แล้วก็เกิดความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมา
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
แต่ถ้าคนที่เห็นเลยนะ
เห็นเรื่องของสิ่งที่มันมองไม่ได้ด้วยตา สัมผัสไม่ได้ด้วยตา
จะเห็นชัดเจนเลยนะว่า
ยิ่งเรากราบไหว้ ยิ่งเราบูชาความเป็นพุทธานุภาพ
พุทธคุณก็จะมาลงที่วัตถุนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ต้องไปปลุกเสกที่ไหน
ขอให้เราระลึกถึงพระพุทธเจ้าจริงๆ
แล้วมีใจแน่วแน่เป็นสมาธิในการสวดมนต์
ในการบูชาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณจริงๆ
มันเกิดเป็นความมหัศจรรย์ที่สามารถสัมผัสได้ด้วยใจ
แล้วก็สามารถรู้เห็นได้
ด้วยความมีสัมผัสภายในพิเศษของแต่ละคนนะ
ถ้ายิ่งมีสมาธิมากก็จะยิ่งมีสัมผัสตรงนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ถ้าหากว่าไม่ไปหลงอะไรที่มันเกินขอบเขต
เกินความสามารถของตัวเองมากเกินไป
เอาเฉพาะตรงที่ว่าเราได้ความอบอุ่นใจ
จากการสัมผัสพุทธานุภาพ
ที่ออกมาจากเครื่องกระตุ้นให้ระลึกสัญลักษณ์ของความเป็นพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
สิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดเลยก็คือ
จะเหนี่ยวนำให้เราอยากจะเอาธรรมะของพระพุทธเจ้า
มาประดิษฐานในใจของเราอย่างแท้จริงนะครับ
ตรงนั้นแหละธรรมะจะติดตามเราไปทุกที่ทุกเวลา
ซึ่งมันเป็นประโยชน์สูงสุด
มันเป็นการบูชาธรรม บูชาพระพุทธเจ้า
ซึ่งไม่มีอะไรอื่นเหนือไปกว่านั้นอีกแล้ว !
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
สรุปคือ หาที่ประดิษฐานให้แบบพระธาตุนะครับ
แล้วก็บูชาตามปกติเอาไปไว้ที่โต๊ะหมู่บูชานั่นแหละ
วางไว้เสมอกันกับพระปฏิมาก็ได้
หรือว่าจะลดลงมาชั้นหนึ่งก็ได้
เพราะว่าเป็นเครื่องแทนพระพุทธเจ้าเหมือน ๆ กัน
แล้วเรากราบไหว้ด้วยใจนะ
มันจะมีความจริงจากใจเราเข้าไปอยู่ในวัตถุ
เผื่อจะมีกระแสดึงดูดพุทธคุณมาลงที่วัตถุนั้นจริงๆ
นี่ขอย้ำนะ ย้ำอีกครั้งหนึ่ง ย้ำแรงๆเลย
ว่าไม่ได้บอกนะว่านี่ของเก๊หรือของจริง
แต่นี่พูดโดยกว้างเลย
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
คำว่ากระแสพุทธคุณ หมายถึงว่า พุทธานุภาพที่ยังคงอยู่
พุทธานุภาพนี่ถ้าใครเคยสัมผัสจะไม่สงสัย
: หมั่นระลึกถึงพระพุทธเจ้าเรื่อยๆ
: กราบไหว้โต๊ะหมู่บูชาของตัวเองเรื่อยๆ
พระปฏิมาจะสว่างรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าคนธรรมดาสามารถสัมผัสได้ด้วยใจว่า
: มีความสว่าง
: มีความเบิกบาน
: มีความชื่นบานมีความปลอดโปร่ง
ต่อให้ห้องพระนั้นเดิมทีให้ความรู้สึกทึบๆ
ให้ความรู้สึกเหมือนไม่น่าอยู่มาก่อน
แต่เราเข้าไปกราบไหว้ทุกวัน
เข้าไปสวดอิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
ทุกวันย้ำๆทั้งเช้าทั้งเย็น
ในที่สุดห้องนั้นมีความสว่างเบิกบานมีความปลอดโปร่งขึ้นมา
มีความโล่งโถงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
อันนี้เป็นสิ่งที่น่าจะเป็นประสบการณ์ตรงกัน
ของชาวพุทธทุกคน ที่ได้กราบไหว้บูชา ได้สวดมนต์
แล้วก็เกิดความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมา
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
แต่ถ้าคนที่เห็นเลยนะ
เห็นเรื่องของสิ่งที่มันมองไม่ได้ด้วยตา สัมผัสไม่ได้ด้วยตา
จะเห็นชัดเจนเลยนะว่า
ยิ่งเรากราบไหว้ ยิ่งเราบูชาความเป็นพุทธานุภาพ
พุทธคุณก็จะมาลงที่วัตถุนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ต้องไปปลุกเสกที่ไหน
ขอให้เราระลึกถึงพระพุทธเจ้าจริงๆ
แล้วมีใจแน่วแน่เป็นสมาธิในการสวดมนต์
ในการบูชาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณจริงๆ
มันเกิดเป็นความมหัศจรรย์ที่สามารถสัมผัสได้ด้วยใจ
แล้วก็สามารถรู้เห็นได้
ด้วยความมีสัมผัสภายในพิเศษของแต่ละคนนะ
ถ้ายิ่งมีสมาธิมากก็จะยิ่งมีสัมผัสตรงนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ถ้าหากว่าไม่ไปหลงอะไรที่มันเกินขอบเขต
เกินความสามารถของตัวเองมากเกินไป
เอาเฉพาะตรงที่ว่าเราได้ความอบอุ่นใจ
จากการสัมผัสพุทธานุภาพ
ที่ออกมาจากเครื่องกระตุ้นให้ระลึกสัญลักษณ์ของความเป็นพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
สิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดเลยก็คือ
จะเหนี่ยวนำให้เราอยากจะเอาธรรมะของพระพุทธเจ้า
มาประดิษฐานในใจของเราอย่างแท้จริงนะครับ
ตรงนั้นแหละธรรมะจะติดตามเราไปทุกที่ทุกเวลา
ซึ่งมันเป็นประโยชน์สูงสุด
มันเป็นการบูชาธรรม บูชาพระพุทธเจ้า
ซึ่งไม่มีอะไรอื่นเหนือไปกว่านั้นอีกแล้ว !
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
สรุปคือ หาที่ประดิษฐานให้แบบพระธาตุนะครับ
แล้วก็บูชาตามปกติเอาไปไว้ที่โต๊ะหมู่บูชานั่นแหละ
วางไว้เสมอกันกับพระปฏิมาก็ได้
หรือว่าจะลดลงมาชั้นหนึ่งก็ได้
เพราะว่าเป็นเครื่องแทนพระพุทธเจ้าเหมือน ๆ กัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น