วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

๓.๑๗ วิธีแก้กรรม เจอแต่คนไม่จริงใจ

ถาม :  เกิดมาในครอบครัวที่ชอบทำบุญ แต่ว่าสวดมนต์ภาวนาจริงจังมาประมาณ ๑ ปี เพราะรู้ตัวว่าน่าจะมีกรรมเก่ามา ถึงได้พบเจอแต่คนไม่จริงใจ แล้วชีวิตค่อนข้างจะมีอุปสรรค ทั้งๆที่ในชาติปัจจุบันไม่เคยไปทำเรื่องร้ายแรงต่อผู้อื่น อยากทราบว่ากรรมใหม่ในปัจจุบันจะช่วยผ่อนปรนให้ชีวิตดีขึ้นได้จริงไหม? ตอนนี้รู้สึกท้อแท้


รับฟังทางยูทูป
: https://youtu.be/0SSMbZ3nT5E


ดังตฤณ: 
คำตอบก็คือว่าคนเราแต่ละคนนะครับ ไม่แน่ใจว่าพูดเรื่องคู่รึเปล่านะครับ หรือว่าพูดเรื่องคนเข้ามาคบค้าพูดเรื่องงานหรือเพื่อนร่วมธุรกิจอะไรต่างๆ แต่จะพูดรวมๆไปอย่างก็แล้วกันว่า..

ตัวเราแต่ละคนนะครับ มีความเป็นแม่เหล็ก
ดึงดูดคนแต่ละคนหนึ่งๆเข้ามา
ในช่วงเวลาที่เสวยบาป
ก็จะดึงเอาคนเลว คนโลเลเข้ามา
ในช่วงเวลาที่จะได้เสวยบุญ
ก็จะดึงเอาคนดีมีความมั่นคงเข้ามา


ถ้าสมมุติว่าพูดถึงเรื่องแฟนนะครับ คนดีคนมั่นคงคนนั้นนี่ก็จะต้องเคยร่วมบุญกับเราในแบบคิดดี พูดดี แล้วอยู่ร่วมใต้ชายคาเดียวกันอย่างดีตลอดชีวิตมาแล้วด้วย คือถ้าเคยพิสูจน์ได้ว่าเคยร่วมเรียงเคียงหมอนกันมาตลอดทั้งชีวิตได้ชาติหนึ่ง มันก็จะมีแนวโน้มว่าชาติต่อๆมาจะทำแบบนั้นได้อีก

ฉะนั้น อย่าไปคิดว่าเราดีชาตินี้แค่ชาติเดียวหรือว่าภาวนามา ๑ ปีนี่จะเป็นปัจจัยพร้อมให้เจอคนดีมีใจซื่อได้เลยทันทีนะครับ มันไม่ใช่ว่าเราทำดีแล้วจะได้เจอคนดีๆนะ มันไม่ใช่แบบนั้นทันที เพราะว่าตัวชีวิตทั้งชีวิตเส้นทางชีวิตถูกวางแผนไว้ ค่อนข้างที่จะ คือไม่ได้วางแผนไว้ตายตัว แต่วางแผนไว้ค่อนข้างชัดเจน ว่าช่วงต้นชีวิตจะเป็นอย่างไร ดีหรือร้าย ช่วงกลางชีวิตจะรุ่งเรืองหรือว่าตกยาก ช่วงปลายชีวิตท้ายชีวิตจะตายดีหรือตายร้าย อันนี้กรรมเก่าที่เราสร้างมาทั้งชีวิตก่อน เขาวางแผนมาค่อนข้างชัดเจนแล้ว บางส่วนของแผนเราจะไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย เพราะว่ามันทำมาหนักแน่นมากตลอดทั้งชีวิตมันมีความต่อเนื่อง ไม่ลดราวาศอกเลยแต่อีกหลายๆส่วนสามารถเปลี่ยนแปลงได้สามารถปรับปรุงได้ เพราะว่าทำมาด้วยความไม่แน่นอนแล้วก็เหมือนกับมีกำลังอ่อนหรือว่ามีกำลังปานกลางถ้าหากว่าเราทำบุญใหม่หนักแน่นจริงๆมันเอาชนะได้นะครับ

นี่ก็จะพูดโดยรวมเป็นคำตอบนะครับว่าที่คุณถามว่า การที่เรามาสวดมนต์ภาวนาจริงจังแล้วก็ตั้งใจที่จะทำดี คิดดี ทำดี พูดดี สามารถจะช่วยทำให้ชีวิตดีขึ้นได้จริงหรือเปล่า?เอาอย่างนี้ก็แล้วกันถ้าจะทำให้คุณสบายใจขึ้นจริงๆ ...

ถ้าหากว่าตั้งใจที่จะถือศีล
แล้วสามารถจะถือศีลได้สะอาดหมดจดนะครับ
พระพุทธเจ้าเป็นประกันเลย
เอาพระองค์เองเป็นประกันเลยว่า
จะมีใจที่สบาย ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ


ทั้งนี้เพราะอะไร
? เพราะมีความไม่สะดุ้ง มีความรู้สึกดีกับตัวเองอยู่ ถ้าเรามองที่ใจ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่มองที่ใจเป็นหลัก ไม่ว่าจะมีอะไรอยู่ภายนอกแค่ไหนก็ตาม ส่องเข้ามาที่ใจว่ามันสอดคล้องกับสิ่งที่มีหรือเปล่า? บางคนรูปสวย รวยทรัพย์ เหมือนว่ามีอะไรต่ออะไร เหมือนกับพรั่งพร้อมทุกอย่างในสายตาของคนอื่น แต่ส่องเข้ามาที่ใจแล้วกระสับกระส่ายกระวนกระวายอยู่ตลอดเวลา ไม่พออยู่ตลอดเวลา แล้วก็มีความรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากไปเบียดเบียนคนอื่นเขาไว้มาก นอนหลับลงไปแต่ละคืนฝันร้ายทุกที อันนี้เรียกว่า สุขนอก แต่ว่าร้อนอยู่ข้างใน

ตรงข้ามกับคนบางคนนะครับ ถึงแม้ว่าจะยากจนข้นแค้น ต้องใช้หนี้ใช้สิ้น ต้องกระเบียดกระเสียร ดูเหมือนกับหน้าดําคร่ำเครียด แต่พอถึงเวลานอนหลับสบาย แล้วตื่นเช้าขึ้นมาก็มีความรู้สึกดีๆกับชีวิต มีความรู้สึกดีๆกับตัวเอง ว่าเราตื่นมาอยู่ในชีวิตที่มีความสว่าง ตื่นมาอย่างที่เรียกว่ามี สิ่งศักดิ์สิทธิ์นำทาง มีแสงสว่างนำทาง ไม่ใช่มีกิเลสของตัวเอง โมหะของตัวเอง ไม่ใช่มีความโลภของตัวเองเป็นตัวดึงดูดให้ลุกขึ้นมาทำเรื่องชั่วร้าย

คนเราแต่ละคนมีมโนสำนึก มีมโนธรรม มีมนุษยธรรม ติดตัวมาแต่อ้อนแต่ออกทั้งนี้เพราะอะไร? เพราะว่าจะเป็นมนุษย์ได้ ต้องมีมนุษยธรรม คือธรรมะแห่งความเป็นมนุษย์ ถ้าหากว่าไม่มีมนุษยธรรมอยู่มาเกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้ ทีนี้มนุษยธรรมนี่นะครับ มันอยู่ติดตัวตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งตาย

ถ้าหากว่าช่วงไหน
เราทำตามเสียงเรียกร้องของมนุษยธรรม
ช่วงนั้นเราจะรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง
แล้วก็มีความสุข


แต่ถ้าเมื่อไหร่ช่วงไหน
ที่เราทำในสิ่งที่คัดค้านกันกับมนุษยธรรม
ช่วงนั้นเราจะรู้สึกเหมือนกับว่า
บางทีมันมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่นะ
แต่เป็นตัวหนึ่งที่มันอยู่ข้างนอก
แต่ส่วนข้างในที่ลึกลงไปก้นบึ้งของหัวใจนี่
เรามองไม่เห็นด้วยกับไอ้ตัวที่มันหนักแน่นอยู่ข้างนอกนั้น

ถ้าเราพิจารณาอย่างนี้ว่า
ที่ทำดี ไปสวดมนต์ ไปรักษาศีล ๕
ไปอะไรก็แล้วแต่
ไม่ใช่เพื่อที่จะเจอคนดีข้างนอก
แต่เพื่อที่จะเจอคนดีข้างใน
ที่มันใช่ตัวเราจริงๆ ที่เป็นมนุษยธรรม
ที่เป็นธรรมะ เพื่อความเป็นมนุษย์จริงๆ
ตัวนี้นะมันจะทำให้เรามีความสุข
แล้วก็ทำให้เรารู้สึกว่าข้างนอกเราจะเจอใคร
ไม่สำคัญเท่ากับว่าเราเจอตัวเองข้างในแล้วหรือยัง
ตัวที่มันจะนำทางสว่าง
ตัวที่มันจะนำทางไปสู่ความสุขที่เป็นของจริง
ที่เป็นของยืนยาว

มนุษย์อยู่กันไม่กี่สิบปีหรอก เริ่มต้นขึ้นมาไม่มีอะไรเลยแล้วก็ค่อยๆเรียนรู้ขึ้นมาจากเด็ก จนหนุ่ม จนสาว แล้วก็ค่อยๆแก่ลงในที่สุดมันก็ต้องตายไปภายในเวลาไม่กี่สิบปี แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ความดีที่สั่งสมไว้ในเวลาไม่กี่สิบปีสามารถทำให้เราไปเสวยทิพยสมบัติได้นานไม่รู้เท่าไหร่ นานกว่าไม่รู้เท่าไหร่

ขอให้ตั้งมุมมองไว้อย่างนี้ก็แล้วกันนะครับ
ถ้าพูดถึงความเป็นพุทธจริงๆ
เราไม่หวังผลระยะสั้น
เราหวังผลระยะยาว
ทั้งในแง่ของจิตใจที่สบายไปตลอดชีวิต
ทั้งในแง่ของความสุข ความเจริญ
ที่เป็นความแน่ใจ เป็นหลักประกันอนาคต
หลังจากที่ตายไปจากโลกนี้แล้วนะครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น