วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

คนที่ทำบาป เจ้าชู้มาก มีเมียน้อยที 4-5คน ทำไมชีวิตเขายังมีความสุข และเติบโตในหน้าที่การงานตลอด?


ดังตฤณ :  คำถามนี้เป็นคำถามที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดในแวดวงคนที่ยังกังขาในความรู้เห็นของพระพุทธเจ้าเกี่ยวกับเรื่องของกรรม เกี่ยวกับเรื่องของวิบาก

คือถ้าตราบใดเรายังมองเห็นว่า ชีวิตนี้มีชีวิตเดียว มันไม่มีทางกำจัดข้อสงสัยนี้ไปได้หรอก เพราะว่าบางที่เนี่ยนะครับ คนบางคนทำชั่วมาเกือบทั้งชีวิต แต่เขาก็ยังไม่เห็นจะลงนรกบนดินสักทีอะไรแบบนี้ มันก็เลยทำให้คน ๙๐ เปอร์เซ็นต์ก็แล้วกัน เกิดความกังขาว่า เอ้ยตกลงมันจริงหรือไม่จริง

ทีนี้คือถ้าเรามองอย่างเข้าใจนะครับว่า พุทธศาสนาไม่ได้พูดถึงแค่เฉพาะชาตินี้ชาติเดียว พระพุทธเจ้าถึงตรัสเน้นในทุกครั้งที่พระองค์พูดถึงเรื่องของกรรมและวิบาก ท่านตรัสว่า ผู้ที่มีมโนทุจริต วจีทุจริต แล้วก็กายทุจริต หลังกายนี้แตก สิ่งที่พึงหวังได้ ก็คือเขาจะไปอบายภูมิอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ไปเป็นสหายแห่งสัตว์นรก ก็ไปเป็นสหายแห่งสัตว์เดรัจฉาน ถ้าไม่เป็นสหายแห่งสัตว์เดรัจฉาน ก็ไปเป็นเปรต แล้วการทำเนี่ยต้องทำมาก ทำจนชำนาญ ทำจนไม่เกิดความละอาย พูดง่ายๆว่า ทำจนหน้าด้าน ใจด้าน ใจหนา ไม่ใช่ว่าทำแป้บๆแล้วก็จะได้ไปอบายภูมิกัน

แล้วอีกประการนึงนะครับ บางทีเนี่ยคนที่เราตัดสินว่า เขาชั่วแสนชั่วเนี่ยนะ บางทีเราเห็นจากที่มันทำร้ายจิตใจเรา มันทำให้เราจุก มันทำให้เราเจ็บ แต่ไอ้ที่เขาทำอะไรดีๆ บางทีเราจะกรองออกไป ไม่รับรู้ ไม่มีความอยากจะเชื่อว่าเขาเป็นคนดีได้ หรือว่าคิดดีได้ ทำอะไรดีไว้บ้าง

เพราะฉะนั้นมันเลยมีแต่ไอ้ความรู้สึกเก็บไว้ในใจเราว่า เนี่ยไอ้นี่มันชั่วอย่างเดียว ชั่วสาหัส ชั่วสาหัสสากรรจ์ไม่สามารถที่จะเอามาเป็นเรฟเฟอร์เร้นซ์ (Reference) ได้เลย ข้ออ้างได้ว่าเนี่ย ทำกรรมชั่วแล้วจะได้ชั่ว เราจะติดอยู่กับความฝังใจแบบนี้

แล้วคือธรรมชาติเนี่ยเขาโหดนะ คือไม่ใช่เขาจะมีการอยากสนับสนุนให้เรามาเชื่อเรื่องบาปเรื่องกรรม ผลแห่งกรรมอะไรแบบนี้นะครับ ตรงกันข้ามเขาปิดกั้นทุกทาง เกิดให้เขาก็ให้ลืมหมดแล้ว จากการล้างซะเกลี้ยงเกลาเลยไอ้ความทรงจำอะไรทั้งหลายชาติก่อนเนี่ย ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เก้าเดือนมา นอนสะลึมสะลือ ฝันโน่นฝันนี่ แล้วก็คือ..คุณเคยมั้ยฝันเลอะเทอะ แล้วตื่นเช้าขึ้นมา ลืมว่าตัวเองเป็นใคร หรือว่าเมื่อวานไปทำอะไรมา ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน นั้นน่ะอันนั้นแค่คืนเดียวนะ แต่เด็กในท้องเนี่ย ๙ เดือน มันลบความจำได้ยิ่งกว่านั้น

เพราะฉะนั้น คนเกิดมาเนี่ย ตามธรรมชาติก็เลยไม่รู้ว่า มันมีชาติก่อนชาตินี้ แล้วจะทำให้เชื่อเนี่ย มันไม่ใช่ง่ายๆ มันมาพูดยังไงเนี่ยก็ .. ยิ่งคนสมัยนี้นะ ยิ่งไปเห็นเทคนิคทางซีจีของฮอลลีวูดมากๆเนี่ย ก็นึกว่าเป็นนิทานหลอกเด็ก เรื่องนรกสวรรค์เรื่องอะไรเนี่ย

ทีนี้คืออย่างพระพุทธเจ้าท่านก็เคยตรัสนะครับว่า อย่างเรื่องของนรกสวรรค์ มันเป็นเรื่องที่จะต้องเถียงกันตลอดไป ไม่ว่าในอดีต ปัจจุบันของพระองค์ แล้วก็ในอนาคต ก็จะเถียงกันไม่รู้จบ

ทีนี้ท่านก็บอกว่า ของแบบนี้เป็นปัจจัตตัง คือของรู้เฉพาะตน ธรรมชาติเขาแกล้งไว้ไม่ให้คนส่วนใหญ่รู้ ขืนรู้ความจริงกันหมด ก็ทำแต่ความดีกันน่ะสิ อันนี้คือชาวพุทธเนี่ย เป็นพวกที่มีโอกาสที่จะได้ยินได้ฟังความจริง เกี่ยวกับเรื่องของผลแห่งกรรมนะครับ แล้วก็มีวิธีพิสูจน์ให้ด้วย แต่ต้องรู้เฉพาะตนนะ คือรู้แล้วห้ามปากโป้งด้วย มันไม่สามารถที่จะเอามาแสดงนะว่า เนี่ยกรรมมันมีอยู่จริงๆ ผลแห่งกรรมก็คือนี่แหละกายนี้ใจนี้เนี่ยแหละ กายนี้ใจนี้ชะตาแบบนี้ของเรา มาเกิดกับพ่อแม่คู่นี้เนี่ยนะครับ นี่แหละผลแห่งกรรมกำลังปรากฏอยู่ทุกวินาที แต่เราไม่เชื่อ เพราะจิตมนุษย์ทั่วไปมันไม่รู้ไง แล้วพอไม่รู้ มันก็ไม่ผิดหรอกที่เราจะกังขานะครับ

แต่ทีนี้ถ้าหากว่า เราจะเอาประโยชน์จากความเป็นพุทธ อย่าแค่ติดอยู่กับความกังขาอย่างเดียว พยายามหาวิธีพิสูจน์นะครับ ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นขั้นๆอย่างชัดเจนนะครับ ให้เจริญสติไป เจริญสติแล้วถึงจุดหนึ่ง ที่จิตจะมีความสามารถที่จะมองเห็นกายเป็นแค่ของเน่าเปื่อยผุพัง ต้องเน่าเปื่อยผุพังเป็นธรรมดา ในที่สุดก็จะเห็นว่า กายนี้ก่อนที่จะเกิดมาต้องมีเหตุ และตรงที่เราเห็นเหตุของการเกิดกาย มีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันทั้งโลกนะครับ มีฐานะมีสติปัญญาแตกต่างกัน ไม่มีใครเหมือนกัน ไม่มีใครเท่ากันเนี่ย ก็เพราะว่าทำกรรมมาไม่เท่ากัน ทำกรรมมาพิสดารต่างๆกัน ตรงนั้นคุณจะไม่กังขาเลยนะครับ ที่ทำชั่วแล้วยังได้ดีอยู่ มันเพราะช่วงที่บุญเก่าเขายังให้ผลไม่หมดนะครับ แล้วมันก็พอทำชั่วไปจนกระทั่งถึงจุดที่หมดอายุเนี่ยนะ แล้วไม่มีบุญใหม่มาเพิ่มต่อ เขาก็ต้องไปเสวยผลแบบของเขา โดยที่เขาเองเขาก็ไม่รู้นะว่า ของเดิมของเก่าของเขาๆไปทำอะไรมา ถ้าเขารู้ เขาก็คงไม่ทำชั่ว

ทีนี้เราเองก็เหมือนกัน คือถ้าเรา .. อย่างพระพุทธเจ้าเคยตรัสบอกว่า ถ้าใครมองเห็นว่า ผลแห่งการให้ทาน ให้ข้าว ให้น้ำคนอื่น มันจะเกิดอะไรขึ้น ก็คงจะไม่กินข้าวกินน้ำเองก่อน คงจะเอาข้าวเอาน้ำไปบริจาคทาน ไปตั้งโรงทานซะก่อน ที่จะมากินข้าวเอง นี่ท่านตรัสไว้ถึงขนาดนี้นะครับ

คือพูดง่ายๆว่า ถ้าเรารู้ผลแห่งกรรมเนี่ยมีจริง แล้วก็จะให้ผลอย่างไร เราจะไม่ประมาท ไม่ทำบาปแม้แต่น้อย แต่เพราะไม่รู้ มันก็เลยเดินไปตามเกมสังสารวัฏนะครับ ทำไปแบบไม่รู้นี่แหละ คืออยากได้อะไร ตัณหาสั่งให้ยึดอะไร จะต้องเอาอะไรให้ได้ ก็เอาแบบนั้นโดยไม่กลัวว่า ผลที่ตามมาจากการก่อบาปก่อกรรมในการได้มาแบบผิดๆนั้น จะเกิดอะไรขึ้นในเวลาต่อไป

คือบอกว่าพลังความดี พลังแห่งจักรวาลอะไรเนี่ย มันไม่ทำให้คุณมองเห็นภาพหรอกว่า ต้นเหตุพลังของจริง ที่เป็นพลังกรรมก็คือเจตนา ถ้าเราเฝ้าสังเกตอยู่นะว่า เราตั้งใจดีแล้วมันมีพลัง มันทำให้จิตของเรา มีความตั้งมั่นมีความสุข มีความรู้สึกว่า เรากำลังเข้าสู่ชีวิต ในมิติที่มันอบอุ่นใจ มันปลอดภัย เนี่ยตัวนี้ที่เราเริ่มเห็นแล้วว่า คำว่า พลัง มันก่อตัวขึ้นมาจากเจตนา การเล็งจะให้ความดีกับโลก การหมายจะให้โลกนี้ดีขึ้น แล้วก็ชีวิตเราเนี่ยมีความสุขอยู่กับกรรมดีของเรา ตัวนี้มันจะเริ่มเห็นถึงพลังของกรรมเป็นอย่างไร

แต่ทีนี้การให้ผลของกรรม มันเป็นอะไรอีกแบบนึงนะ มันมีการเข้าคิวให้ผลกรรม มันมีการที่สว่างมาก สว่างน้อย ให้กับใครเป็นขยายผล แล้วใจของเราเนี่ยให้ไปมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า โอ้โหมันลึกลับซับซ้อนมากๆนะครับ การตัดสินการให้ผลของกรรมเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับ .. บอกว่ามีทำบาปเจ้าชู้อะไรพวกนี้เนี่ย แต่เรามองไม่เห็นไงว่า เขาทำอย่างอื่นที่มันดีๆอะไรไว้บ้าง

----------------------------------------

ผู้ถอดคำ                     แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์                  ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม                         คนที่ทำบาป เจ้าชู้มาก มีเมียน้อยที 4-5คน ทำไมชีวิตเขายังมีความสุข 
                              และเติบโตในหน้าที่การงานตลอด?
ระยะเวลาคลิป           ๙.๔๓ นาที
รับชมทางยูทูบ             https://www.youtube.com/watch?v=bWNTxYVCrgw&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=4

** IG **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น