วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ระหว่างเดินจงกรมเกิดรู้สึกเท้าเบาเหมือนเดินไปโดยอัตโนมัติ และไปรู้สึกเหมือนเสียงตุ๊บๆในตัวเองแทน คืออะไรคะ ผิดหรือถูก?


ดังตฤณ :  อันนี้เรียกว่าสติเป็นอัตโนมัตินะครับ แล้วก็เริ่มเกิดปีติกายเบาจิตเบา “ตุ๊บๆ” นี่คุณอาจจะพูดถึงเสียงหัวใจก็ได้ เพราะคนส่วนใหญ่ เวลาที่จิตมันเริ่มเงียบลงมักจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง

หรือ “ตุ๊บๆ” นี่ไม่รู้หมายถึง เท้ากระทบหรือเปล่านะ ไม่แน่ใจ แต่เอาเป็นว่า ถ้ามันมีความเบาเกิดขึ้น แล้วมีความตื่นเต้น มันก็มักจะได้ยินเสียงหัวใจตุ๊บๆแบบนี้แหละ

แต่ถ้าหากว่า มีความเบาแล้วใจเงียบ ใจมีแต่ความนุ่มนวล มีแต่ความสว่าง มีแต่ความใส อย่างนี้ให้ดูว่าใจของเรา ณ ขณะนั้นกำลังเป็นสมาธิอยู่ระดับนึง เป็นสมาธิในแบบที่ปรุงแต่งจิตให้เกิดความเบา เบาทั้งกาย เบาทั้งใจ คือเริ่มจากเบาที่ใจก่อน แล้วมาปรุงแต่งให้ร่างกายพลอยเบาตามไปด้วย ให้ดูไปว่าความเบานั้น อยู่ได้นานแค่ไหน อยู่ได้นานกี่รอบกว่าที่มันจะเริ่มไม่เบา นั่นจะเป็นการเห็นความไม่เที่ยงของความเบาแบบหยาบๆแล้วนะครับ

ทีนี้ถ้าหากว่า เราเห็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเกิดสัญชาตญาณรู้ขึ้นมาเองว่า อ้อความเบาเนี่ยมันมีหลายระดับ เบาแบบที่ไม่รู้สึกถึงเท้า ทุกอย่างเดินไปอัตโนมัติ ราวกับว่ามีหุ่นยนต์เดินให้ดู แล้วเราเป็นจิตวิญญาณที่เข้ามาอาศัยในโพรงว่างของร่างกายนี้ โดยไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้มีความเป็นรูปร่าง ไม่ได้มีความหุ่นยนต์ตัวนี้ตามไปด้วย เป็นแค่ผู้รู้ ผู้ดู ผู้เข้ามาอยู่อาศัยเฉยๆชั่วคราว เนี่ยถ้าเห็นได้อย่างนี้เรียกว่า เออเนี่ยเราเข้ามาถึงจิตผู้รู้แล้ว

แล้วก็ดูว่าจิตผู้รู้นั้นเนี่ย มันจะรู้อะไรต่อ พอจิตผู้รู้เกิดขึ้น มีแต่ความว่างจากความรู้สึกในตัวตนนะครับ เวลามันรู้มันเห็นอะไรขึ้นมา มันจะรู้ว่าสิ่งนั้นมาปรากฏให้ดูแป๊บนึงแล้วก็หายไป ถึงแม้ว่าสิ่งที่บอกว่าแป๊บนึงนั้นจะอยู่เป็นชั่วโมงๆ สามชั่วโมง สี่ชั่วโมง ก็ถือว่ารู้ความเป็นสภาวะชั่วคราวเหมือนๆกันได้ เพราะอะไร เพราะจิตมันจะไม่ยอมโง่เหมือนเมื่อก่อน

แต่ก่อนตอนที่มีโมหะห่อหุ้มหนาแน่นเนี่ย มันจะมีความรู้สึกว่า เนี่ยของเราแน่ๆ ของเราชัดๆ ทั้งๆที่ได้มาแค่แป๊บเดียว มาอยู่กับเราแป๊บเดียว อย่างเช่นความทุกข์เนี่ยเราไม่มีทางพ้นออกจากความทุกข์นี่ได้ ทั้งๆที่มันมีความอึดอัดอยู่แค่นาทีสองนาที

หรือมีความสุขล้นเหลือ ก็อยากจะยื้อไว้ให้ความสุขนี้มันอยู่กับเราตลอดชีวิต อันนี้เป็นความโง่ความหลงของจิต

แต่ถ้าหากว่า จิตเริ่มมีปัญญา เริ่มฉลาดเนี่ย เริ่มนับจากมีความเบา นับเริ่มจากการตัวผู้รู้เริ่มชัดเจนขึ้นมานะครับ เห็นว่าต่อให้เดินจงกรมแล้วมีสุขล้นหลาม สุขไปเลยนะครับ ปล่อยให้มันสุขไปเลยสามชั่วโมง สี่ชั่วโมง แล้วดูตอนที่มันเคลื่อนจากความสุขแบบเดิมๆ จะเคลื่อนในแบบที่ปีติมากขึ้น หรือว่าปีติน้อยลงก็ตามเนี่ย ให้เห็นตอนนั้นน่ะว่า สติของเราสามารถเท่าทันได้มั้ย ตอนที่มันเคลื่อนจากความเป็นภาวะเดิมให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง

ถ้าหากว่าเราสามารถเห็นขาขึ้นขาลงของภาวะที่กำลังปรากฏอยู่ได้ นั่นเรียกว่า จิตผู้รู้มีกำลังเต็มที่แล้ว

ก็ดูพูดง่ายๆว่า เห็นโดยความเป็น .. พอมันเริ่มเดินเป็นอัตโนมัตินะครับ แล้วก็เท้าหายไป หรือมีความเย็น ความใส ความนุ่มนวลอะไรก็แล้วแต่ปรากฏขึ้นมา ให้มองว่าจิตผู้รู้ของเราเนี่ย รู้ไปแบบเป็นธรรมชาติตามปกติ หรือว่ารู้แบบมีอาการเร่ง มีอาการอยากครอบครอง มีอาการที่อยากได้มรรคผลอะไรต่างๆนะครับ รู้ไป นี่ตัวนี้แหละมันก็กลายเป็น .. ในที่สุดแล้วเนี่ย มันจะพัฒนาขึ้นเป็นผู้รู้ที่เข้มแข็ง แล้วก็เห็นอะไรๆที่ผ่านมาแล้วผ่านไปโดยความเป็นของชั่วคราว ไม่ใช่ตัวตนทั้งหมดนะครับ

---------------------------------------

ผู้ถอดคำ                      แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์                  ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม                         ระหว่างเดินจงกรมเกิดรู้สึกเท้าเบาเหมือนเดินไปโดยอัตโนมัติ 
                              และไปรู้สึกเหมือนเสียงตุ๊บๆในตัวเองแทน คืออะไรคะ ผิดหรือถูก?
ระยะเวลาคลิป           ๕.๒๓ นาที
รับชมทางยูทูบ              https://www.youtube.com/watch?v=Q6eKuj42wWU&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น