ดังตฤณ : อันนี้เรียกว่าสติเป็นอัตโนมัตินะครับ
แล้วก็เริ่มเกิดปีติกายเบาจิตเบา “ตุ๊บๆ” นี่คุณอาจจะพูดถึงเสียงหัวใจก็ได้
เพราะคนส่วนใหญ่ เวลาที่จิตมันเริ่มเงียบลงมักจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง
หรือ
“ตุ๊บๆ” นี่ไม่รู้หมายถึง เท้ากระทบหรือเปล่านะ ไม่แน่ใจ แต่เอาเป็นว่า ถ้ามันมีความเบาเกิดขึ้น
แล้วมีความตื่นเต้น มันก็มักจะได้ยินเสียงหัวใจตุ๊บๆแบบนี้แหละ
แต่ถ้าหากว่า
มีความเบาแล้วใจเงียบ ใจมีแต่ความนุ่มนวล มีแต่ความสว่าง มีแต่ความใส
อย่างนี้ให้ดูว่าใจของเรา ณ ขณะนั้นกำลังเป็นสมาธิอยู่ระดับนึง
เป็นสมาธิในแบบที่ปรุงแต่งจิตให้เกิดความเบา เบาทั้งกาย เบาทั้งใจ
คือเริ่มจากเบาที่ใจก่อน แล้วมาปรุงแต่งให้ร่างกายพลอยเบาตามไปด้วย ให้ดูไปว่าความเบานั้น
อยู่ได้นานแค่ไหน อยู่ได้นานกี่รอบกว่าที่มันจะเริ่มไม่เบา
นั่นจะเป็นการเห็นความไม่เที่ยงของความเบาแบบหยาบๆแล้วนะครับ
ทีนี้ถ้าหากว่า
เราเห็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเกิดสัญชาตญาณรู้ขึ้นมาเองว่า อ้อความเบาเนี่ยมันมีหลายระดับ
เบาแบบที่ไม่รู้สึกถึงเท้า ทุกอย่างเดินไปอัตโนมัติ ราวกับว่ามีหุ่นยนต์เดินให้ดู
แล้วเราเป็นจิตวิญญาณที่เข้ามาอาศัยในโพรงว่างของร่างกายนี้ โดยไม่ได้ทำอะไร
ไม่ได้มีความเป็นรูปร่าง ไม่ได้มีความหุ่นยนต์ตัวนี้ตามไปด้วย เป็นแค่ผู้รู้ ผู้ดู
ผู้เข้ามาอยู่อาศัยเฉยๆชั่วคราว เนี่ยถ้าเห็นได้อย่างนี้เรียกว่า
เออเนี่ยเราเข้ามาถึงจิตผู้รู้แล้ว
แล้วก็ดูว่าจิตผู้รู้นั้นเนี่ย
มันจะรู้อะไรต่อ พอจิตผู้รู้เกิดขึ้น มีแต่ความว่างจากความรู้สึกในตัวตนนะครับ
เวลามันรู้มันเห็นอะไรขึ้นมา มันจะรู้ว่าสิ่งนั้นมาปรากฏให้ดูแป๊บนึงแล้วก็หายไป
ถึงแม้ว่าสิ่งที่บอกว่าแป๊บนึงนั้นจะอยู่เป็นชั่วโมงๆ สามชั่วโมง สี่ชั่วโมง ก็ถือว่ารู้ความเป็นสภาวะชั่วคราวเหมือนๆกันได้
เพราะอะไร เพราะจิตมันจะไม่ยอมโง่เหมือนเมื่อก่อน
แต่ก่อนตอนที่มีโมหะห่อหุ้มหนาแน่นเนี่ย
มันจะมีความรู้สึกว่า เนี่ยของเราแน่ๆ ของเราชัดๆ ทั้งๆที่ได้มาแค่แป๊บเดียว
มาอยู่กับเราแป๊บเดียว อย่างเช่นความทุกข์เนี่ยเราไม่มีทางพ้นออกจากความทุกข์นี่ได้
ทั้งๆที่มันมีความอึดอัดอยู่แค่นาทีสองนาที
หรือมีความสุขล้นเหลือ
ก็อยากจะยื้อไว้ให้ความสุขนี้มันอยู่กับเราตลอดชีวิต
อันนี้เป็นความโง่ความหลงของจิต
แต่ถ้าหากว่า
จิตเริ่มมีปัญญา เริ่มฉลาดเนี่ย เริ่มนับจากมีความเบา
นับเริ่มจากการตัวผู้รู้เริ่มชัดเจนขึ้นมานะครับ เห็นว่าต่อให้เดินจงกรมแล้วมีสุขล้นหลาม
สุขไปเลยนะครับ ปล่อยให้มันสุขไปเลยสามชั่วโมง สี่ชั่วโมง
แล้วดูตอนที่มันเคลื่อนจากความสุขแบบเดิมๆ จะเคลื่อนในแบบที่ปีติมากขึ้น
หรือว่าปีติน้อยลงก็ตามเนี่ย ให้เห็นตอนนั้นน่ะว่า สติของเราสามารถเท่าทันได้มั้ย
ตอนที่มันเคลื่อนจากความเป็นภาวะเดิมให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง
ถ้าหากว่าเราสามารถเห็นขาขึ้นขาลงของภาวะที่กำลังปรากฏอยู่ได้
นั่นเรียกว่า จิตผู้รู้มีกำลังเต็มที่แล้ว
---------------------------------------
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์ ๙
พฤษภาคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม ระหว่างเดินจงกรมเกิดรู้สึกเท้าเบาเหมือนเดินไปโดยอัตโนมัติ
และไปรู้สึกเหมือนเสียงตุ๊บๆในตัวเองแทน คืออะไรคะ
ผิดหรือถูก?
ระยะเวลาคลิป ๕.๒๓ นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=Q6eKuj42wWU&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น