วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เห็นว่าความคิดไม่ใช่เราแล้ว แต่ยังก้าวข้ามต่อไปไม่ได้ จะปฏิบัติอย่างไรดีคะ ควรนั่งสมาธิเยอะๆ หรือดูลมหายใจแบบดูความคิดนับวินาทีที่ลมหายใจเข้าออก หรือดูพองยุบของซี่โครงดี จึงจะทำลายความยึดติดของกายเราคะ?


ดังตฤณ :  เรื่องเห็นความคิดไม่ใช่ตัวเราได้วูบหนึ่ง หรือสองสามวูบไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่จะให้เห็นเรื่อยๆเป็นปกติ อันนี้แหละที่ยาก

ยากเพราะอะไร เพราะว่าการจะเห็นได้แบบนั้น ต้องมีจิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิ ในแบบที่พร้อมจะรู้ความเกิดดับภายใน ไม่ใช่สมาธิในแบบที่เรามานั่งอยู่นิ่งๆสงบ แล้วบอกว่าสงบได้นานเป็นชั่วโมงๆ ไม่ใช่นิ่งแบบนั้นนะครับ

ต้องมีความสงบนิ่งในแบบที่พร้อมรู้ มีความตื่นรู้ ซึ่งมันต้องหัด มันต้องฝึก มันต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป อย่าสำคัญว่า เราเห็นความคิดเกิดดับได้ ไม่ใช่ตัวเราได้ แล้วตรงนั้นมันจะได้บรรลุธรรมนะครับ

กำลังของสมาธิ กำลังของจิต มันต้องตั้งมั่นขนาดที่รู้สึกได้เป็นปกติว่า ที่เกิดดับ เกิดดับอยู่ในหัวเนี่ย มันเป็นแค่ภาวะชั่วคราวต่อเนื่องเป็นวันๆ คือไม่ใช่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทุกวินาที ทุกกระดิก แต่ว่าเห็นได้เป็นปกติ เห็นได้เรื่อยๆ ไม่ใช่เห็นแบบวูบๆวาบๆนะครับ

และการจะเห็นได้เรื่อยๆ มันต้องทำไปเรื่อยๆ แล้วไม่ใช่มาเร่งร้อน ไม่ใช่มาถามแบบนี้นะว่า ทำยังไงต่อ นึกว่ามีอุบายลัด ที่จะช่วยให้เห็นได้เป็นปกติแล้วบรรลุธรรมเลย ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ

มันต้องค่อยเป็นค่อยไป จนกระทั่งจิตเห็นได้เป็นปกติแล้วไม่เกิดการเร่งร้อน ไม่เกิดการมาเอาผลอะไรล่วงหน้าอีกนะครับ

ที่บอกว่าควรนั่งสมาธิเยอะๆมั้ย ก็ควรนะ แต่ไม่ใช่นั่งด้วยเร่ง เร่งตัวเองว่า จะได้ไปเห็นความคิดเกิดดับไม่ใช่ตัวตนจะได้บรรลุธรรม ถ้าเร่งแบบนั้น มันมีตัวตนอยากเอามรรคเอาผลขึ้นมาแทนที่การเห็นตามจริงแล้ว

การเห็นตามจริง หรือว่าการมีสติที่บริสุทธิ์ คือการมีใจจดจ่ออยู่แค่ตรงนี้ วินาทีนี้ ไม่ใช่เร่งร้อนจะเอามรรคผลในวันพรุ่งนี้ สัปดาห์หน้า เดือนหน้า หรือปีหน้า ไม่ใช่นะครับ

การที่เราจะดูอะไรไป มันถูกหมดแหละ แต่ด้วยใจแบบไหน อันนี้ก็ต้องให้ความสำคัญด้วยนะครับ คือดูไปว่า ลมหายใจไม่เที่ยง เห็นกระดูก เห็นตับไตไส้พุงอะไรเนี่ยถูกหมด แต่ถ้าใจผิดตัวเดียวเนี่ย มันก็ไปไม่ถึงไหนนะ

ถ้าดูไปด้วยอาการเร่งร้อนว่า เออเดี๋ยวอยากได้มรรคผล อยากได้มรรคผลเนี่ย ความอยากตรงนั้นคือตัณหา ที่จะก่อให้เกิดอุปาทานว่า มีเราจะเป็นผู้ได้รับมรรคผล ซึ่งไม่ใช่นะครับ

การถึงมรรคถึงผล ไม่ใช่การได้อะไรมา แต่เป็นการทิ้งอะไรไป มันเป็นความสามารถในการทิ้ง  ไม่ใช่เป็นความสามารถในการเอานะครับ

พระโสดาบันมีความสามารถในการทิ้งขั้นแรกคือ ทิ้งความรู้สึกว่า ไอ้เนี่ยเป็นตัวเป็นตน ไอ้เนี่ยในกายใจนี้มันจะได้มรรคผล เนี่ยท่านทิ้งไปได้หมดนะครับ

จิตมีความเห็นกายเห็นใจ โดยความเป็นของไม่ใช่ตัวตน ด้วยความหนักแน่นพอ ที่จะเป็นสมาธิระดับฌาน ถึงได้มรรคได้ผลเป็นพระโสดาบันขึ้นมา

แต่ถ้าบอก เนี่ยเห็นความคิดเกิดดับทีนึง แล้วอยากได้เป็นอริยบุคคล อยากได้มรรคผลขึ้นมาทีนึงพร้อมๆกัน ควบคู่ไปด้วยเนี่ย ไม่มีทางไปถึงไหนเลยนะครับ เพราะตัวตัณหาและตัวอุปาทาน จะคอยเกาะกุมไปเป็นเงาตามตัวทุกฝีเก้า

ต่อเมื่อเราสงบลงใจเย็น ไม่ต้องเอาก็ได้มรรคผล อันนี้พระพุทธเจ้าเป็นคนตรัสนะ ท่านบอกว่าเวลาก่อนปฏิบัติใช้ตัณหามาเป็นตัวเหนี่ยวนำได้ เพื่อดับตัณหาในขั้นต่อไป ตัณหาอยากได้เป็นพระอริยบุคคล อยากได้เป็นพระอรหันต์ สิ้นทุกข์สิ้นกิเลส

แต่พอมาปฏิบัติแล้วต้องระวัง ไม่ใช่ปล่อยให้ตัณหานั้นมันกำเริบต่อไปเรื่อยๆ เพราะถ้าตัณหากำเริบต่อไปเรื่อยๆ มันไม่มีการปฏิบัติจริงๆนะครับ มันไม่มีสติที่บริสุทธิ์เกิดขึ้นจริงๆ มันมีแต่ความอยากได้ อยากดี อยากมี อยากเป็น

ทีนี้วิธีที่จะระวังตัณหา ไม่ใช่เรามากด หรือข่มไม่ให้ตัณหามันเกิดขึ้น แต่ให้รู้ทันตามจริงว่า มันมีความอยากเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ ถ้ามันมีความอยากขึ้นมา ถ้ามันมีความอยากได้ ให้ยอมรับตามจริงว่า เออความอยากได้มันผุดขึ้น แล้วเราดูซิ เรามีความสามารถในการเห็นมั้ยว่า ตัวความอยากได้ อยากดี อยากมี อยากเป็นเนี่ย หน้าตามันเป็นอย่างไร มันมืดๆยังไง มันเป็นก้อนๆ ยังไง มันทำให้จิตเสียศูนย์ยังไง มันทำให้จิตเสียสภาพจากความตรงเป็นบิดเบี้ยวยังไง มันทำให้จิตหลุดจากสมาธิ หลุดจากโฟกัสในกายใจมากลายเป็นการเล็ง หรือคาดหวัง รอคอย หน้าตาเป็นยังไง เรารู้ให้ได้ชัดเจนตามจริง อันนี้ก็จะเป็นหนทางให้เกิดสติที่บริสุทธิ์ได้เช่นกันนะครับ

-------------------------------------------

ผู้ถอดคำ                     ครอบครัวกิติวิริยกุล
วันที่ไลฟ์                  ๒๕ เมษายน ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม                         เห็นว่าความคิดไม่ใช่เราแล้ว แต่ยังก้าวข้ามต่อไปไม่ได้ 
                              จะปฏิบัติอย่างไรดีคะ ควรนั่งสมาธิเยอะๆ หรือดูลมหายใจ
                              แบบดูความคิดนับวินาทีที่ลมหายใจเข้าออก หรือดูพองยุบ
                              ของซี่โครงดีจึงจะทำลายความยึดติดของกายเราคะ? 
ระยะเวลาคลิป           ๕.๕๗ นาที
รับชมทางยูทูบ              https://www.youtube.com/watch?v=bj-dhTq5SPk&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=6

** IG **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น