วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

๓.๑๕ คู่รักที่มีศรัทธาในศาสนาต่างกัน

ถาม : คู่สามีภรรยาที่ฝ่ายหนึ่งเคร่งมาทางพุทธ แต่อีกฝ่ายไม่นับถือและไม่มีความเชื่ออะไรเลย เมื่ออยู่ด้วยกันก็เหมือนจะเริ่มไปกันคนละขั้ว แบบนี้จะทำอย่างไรให้ครองคู่กันได้ตลอดรอดฝั่ง หรืออย่างน้อยก็ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้คะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ?

รับฟังทางยูทูบ :  https://youtu.be/gfMdw9vXEuE

ดังตฤณ:
เวลาที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงคู่ครองที่มีความสามารถจะอยู่ร่วมกันได้ ไม่ว่าจะอยู่ร่วมกันไปตลอดรอดฝั่ง อยู่กันไปจนถึงขั้นถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร แล้วก็สามารถจะไปพบได้เจอกันในชาติหน้าอีก พระพุทธเจ้าท่านจะตรัสถึงองค์ประกอบสี่ประการ คือ จะต้องมีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน

หมายความว่าอะไร? หมายความว่าข้อแรกนะ ตัวศรัทธาหรือตัวทิศทางในการใช้ชีวิตจะต้องไปทางเดียวกันก่อน ไม่ใช่มาปรับกันทีหลัง มันเป็นความสำคัญ มันเป็นกำลังที่มีความสำคัญสูงสุดที่จะผูกยึดภาวะคู่ รักษาภาวะคู่ให้อยู่รอดตลอดรอดฝั่งทั้งชาตินี้และได้ไปเจอกันอีกชาติหน้า ศรัทธาสำคัญที่สุด พระพุทธเจ้ายกให้เป็นอันดับหนึ่งเลย การที่เราอาจจะไม่ได้ยินได้ฟังพระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงความสำคัญของศรัทธาไว้ก่อน จะด้วยเหตุผลที่มีความพิศวาสกัน หรือว่าจะต้องถูกบังคับให้มาอยู่ด้วยกัน ตรงนี้อยากให้มองเป็นข้อพิสูจน์ทางธรรมชาติ คือที่ไม่ใช่ไปยืนยันตามพระพุทธเจ้าพูดนะ แต่บอกว่าเป็นข้อยืนยันตามธรรมชาติว่า หญิงชายจะครองคู่กัน สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญสูงสุดคือศรัทธา

ถ้าหากว่าศรัทธาไม่ตรงกันแล้ว จูนกันไม่ได้แล้ว มันก็เหมือนกับไม่สามารถเอาจิตมาจูนเข้าด้วยกัน จิตสองดวงนี่นะมันมีความซับซ้อน มันมีช่องว่างเสมอ การที่จิตสองดวงจะจูนเข้ากันได้ติดก่อนอื่นเลยจะต้องมีศรัทธาที่เสมอกัน หมายความว่าทิศทางของใจมันพุ่งไปทางเดียวกัน อย่างคนที่ศรัทธาพระพุทธเจ้าด้วยกันก็จะพุ่งไปหาสวรรค์นิพพานด้วยกัน คนศรัทธาในการฉ้อฉลคดโกง ก็จะพุ่งไปในทางที่เสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางเหมือนๆกัน เป็นคนดีไม่ชอบ ชอบที่จะไปหลอกลวงคนอื่นเขาอะไรแบบนี้ อันนี้เป็นตัวอย่างเลย

ถ้าศรัทธาไม่เสมอกัน แล้วก็จะต้องมานั่งปรับศรัทธาให้เท่ากัน พยายามจะโน้มน้าวแต่ละฝ่ายอีกฝ่ายให้มาเอาตามศรัทธาของตัว มันยิ่งกว่าพยายามไปดัดไม้ที่แก่แล้วหรือว่าไปพยายามดัดเหล็กตรงให้มันกลับงอ หรือดัดเหล็กงอให้เข้าที่เข้าทางกลายเป็นตรง มันเป็นไปได้ยากแต่เป็นไปได้ ไหนๆคือเราต้องมาอยู่กับศรัทธาที่ต่างกันแล้ว ทางที่เป็นไปได้ก็คือข้อแรกเลย อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงศรัทธาคนอื่น แต่พยายามที่จะโอนอ่อนผ่อนตาม ประนีประนอมแล้วก็นึกถึงหัวอกเขาหัวอกเรา ถ้าหากว่าเราอยากจะให้เขาเอาอย่างใจเรา เราต้องนึกก่อนเลยว่าเราขอแค่ครึ่งเดียวของใจเรา ในทางกลับกันถ้าเราโดนบังคับหรือกระทั่งโดนข่มขู่ว่าจะต้องเอาตามเขา เอาอย่างใจเขา เราก็คิดว่าเราจะยอมสักครึ่งหนึ่งก็แล้วกัน ยกตัวอย่างง่ายที่สุดนะ ถ้าเขาชวนเราไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเขา เราอาจจะประนีประนอมว่าโอเคไปแต่ตัวแต่ใจไม่ได้ไป ใจเรายังอยู่กับโต๊ะหมู่บูชาที่บ้าน นั่นคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเรา นั่นคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา ตัวเราไปอยู่ในที่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาแต่ใจเรายังนึกถึงบทสวดอิติปิโสอยู่อะไรแบบนี้

ใจเรานี่มันไม่สามารถที่จะมีใครมาบังคับได้หรอก เขาบังคับเราได้แต่ตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่ใจนี่ไม่มีใครในสามโลกมาบังคับได้ อาจจะสะกดจิตเราได้แป๊บนึง มาดลใจเราได้แป๊บนึงหรือมาบังคับข่มขู่ใจเราได้แป๊บนึง แต่ไม่มีใครในสามโลกที่จะมาติดตามคอยบังคับบัญชาเราได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง มีแต่ตัวเราเท่านั้นแหละที่สามารถที่จะสั่งใจตัวเอง ให้มันเป็นไปในทิศทางไหน ให้ศรัทธาอะไร พูดง่ายๆก็คือว่า อันนี้ตอบคำถามสุดท้ายนะที่บอกว่า อย่างน้อยขอให้อยู่กันได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ก็คือประนีประนอม พบกันครึ่งทางนะครับ มันคงไม่มีคำแนะนำไหนที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว คือพูดเป็นกว้างๆ พูดเป็นขอบเขตที่มีความเป็นไปได้ตามจริง เราฝ่ายเดียวนี่มันไม่ได้หรอกมันต้องอาศัยความร่วมมือจากเขาด้วย วิธีที่จะได้รับความร่วมมือจากเขาก็คือเราจะต้องมีเมตตาให้มาก เรามีแนวโน้มที่จะโอนอ่อนผ่อนตามพบกันครึ่งทาง แล้วก็แผ่เมตตา มีแก่จิตแก่ใจที่จะผ่านความรู้สึกที่ปรารถนาดี จริงใจให้กับเขา อย่างน้อยที่สุดเขาก็จะรู้สึกว่าเราไม่มีความแข็งขืน ความอึดอัดที่จะอยู่ร่วมกันมันก็น้อยลง แล้วความรู้สึกอยากประนีประนอมตอบมันก็จะเกิดขึ้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น