คำถาม : การที่มีคนมาชอบเรา หรือรู้ว่าคนที่เราชอบ ชอบเราตอบ และมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ต่อไปได้ อยู่ๆเราก็รู้สึกกลัวปนรังเกียจขึ้นมา ไม่อยากคุย ไม่อยากเจอขึ้นมาเฉยๆ จนทำให้เราหนี หรือพูดไม่ดีกับเค้าไป มักจะเป็นแบบนี้กับทุกคนเลย อยากทราบว่าเป็นเพราะอะไร? เพราะวิบากเก่าหรือเปล่า? ควรทำอย่างไรดี?
คำตอบ : ผู้หญิงก็เป็นแบบนี้กันอยู่เรื่อยๆอยู่แล้วนะ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติซะทีเดียว
คือบางที ปมในใจของคนเรามันมีอยู่เยอะ ไม่ใช่เฉพาะผู้หญิงด้วย
ผู้ชายก็เป็นนะ และไม่ใช่น้อยๆด้วย
หลายคนที่ผมรู้จัก ก็เริ่มมีอาการทำนองนี้มาตั้งแต่ยังวัยรุ่นนะครับ ไม่จำเป็นต้องไปผ่านประสบการณ์ไม่ดี หรือว่ามีความคิดเลวร้ายอะไรซ่อนอยู่
แล้วบางทีไม่ใช่เรื่องของวิบากเก่าอะไรด้วย มันเป็นเรื่องของปมในใจ ที่มนุษย์เรา มันมีความซับซ้อน เราอยากได้อะไรที่มันดีๆ แต่เราก็กลัวที่จะเจอความไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากกว่าเราไปเกิดความรู้สึกที่ฝังใจอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องของชีวิตคู่ หรือเรื่องของการอยู่ร่วมกับใครสักคน พูดง่ายๆว่า กลัวเค้าจะเข้ากับเราไม่ได้ กลัวเราจะเข้ากับเค้าไม่สำเร็จ
ถ้าหากว่ามีปมอะไรอยู่ในใจก็แล้วแต่ ซึ่งเราไม่สามารถอธิบายตัวเองได้
มันจะแผลงฤทธิ์ตอนที่เกิดความรู้สึกว่า มีสิทธิ์ละ มีทางที่จะเป็นแฟนกันจริงๆแล้ว มีทางที่จะอยู่กันได้จริงๆแล้ว
ถ้าลองสังเกตดู ตอนที่เราเกิดความรู้สึกกลัว จะเป็นตอนที่เรามักจะคิดไปเอง หรือว่าอยู่เฉยๆ แล้วมันเกิดความรู้สึกไม่อยากที่จะมีขึ้นมา
ความรู้สึกแบบนี้ ถ้าหากมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกครั้งนะครับ ก็พอบอกได้ว่า ข้างในใจเราจริงๆ มีปมที่ค่อนข้างจะแน่นหนา อาจจะผูกกันหลายซับหลายซ้อน อาจจะมีม่านอะไรบางอย่างที่กั้นเราไว้ หรือว่ากำแพงหนาๆที่กั้นเราไว้ระหว่างเรากับชีวิตคู่
ถ้าหากว่าเราไม่ได้มีความทุกข์กับการอยู่คนเดียวเป็นโสดมากนะ
อยากให้ลองคิดอย่างนี้ก็แล้วกันว่า อย่างที่หลายคน อาจจะเคยเห็นผมเขียนว่า ‘ตอนที่เราไม่มีคู่ เรารู้แน่ๆว่าทุกข์เพราะความเหงา
แต่เราไม่สิทธิ์รู้เลยนะครับว่า พอมีคู่แล้ว จะทุกข์เพราะอะไรบ้าง’
การที่เราไม่แน่ใจ การที่เรายังไม่รู้สึกว่าใช่ การที่เรายังมีความรู้สึกหวั่นไหว การที่เรายังมีความกลัว อันนั้นมันยังไม่ใช่ความผิด ไม่ใช่สิ่งที่เป็นบาปเป็นอกุศล
แต่ถ้าหากว่าเรายังฝืนดันทุรังต่อไป แล้วไปทำให้ใครเค้าเกิดความเจ็บปวด ยกตัวอย่างเช่น ตกลงปลงใจว่า โอเค เป็นแฟนกันละ
จากนั้นไม่นาน เราบอกเค้าดื้อๆว่า ไม่อยากมีแฟนแล้ว อยากกลับไปเป็นโสด อยากเป็นอิสระ มักจะใช้คำนี้กันมากเลย อยากกลับไปเป็นอิสระอีกครั้ง ถามว่าแฟนทำผิดอะไร บอกว่าเธอไม่ได้ผิดอะไรเลย แล้วฉันก็ไม่อยากจะใช้คำว่าเธอดีเกินไปด้วย แต่ฉันอยากจะเป็นอิสระ นั่นแหละ ถึงจะเรียกว่าเป็นการ ‘สร้างเวร’ ขึ้นมาแล้ว
อาจจะไม่ได้จงใจสร้างบาป ไม่ได้จงใจว่าอยากจะทำร้ายให้เค้าเจ็บช้ำน้ำใจ แต่อย่างน้อยที่สุด ก็มีการ ‘สร้างความผูกพันกัน’ ขึ้นมา จองตัวกัน เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เป็นแฟน เดินไปไหนมาไหนด้วยกัน ต้องทำอะไรให้กัน จูงมือกันได้ มันผูกพันไปแล้ว แล้วเราไป ‘ตัดความผูกพัน’ ตรงนั้น ‘ความผูกพัน’ นั้นจะกลายเป็น ‘เวร’ ขึ้นมาทันทีนะครับ
ก็ขอแนะนำว่า ถ้าหากยังกลัวที่จะมีใครอยู่ รู้สึกว่ายังไม่เจอคนที่ใช่จริงๆ ที่จะทำให้เรายอมสละสิทธิ์ความโสดไปนะ ก็เอาเป็นว่า มามีความสุขกับชีวิตในแง่อื่นๆที่ไม่ต้องมีใครอยู่เคียงข้างก็แล้วกัน
ถ้าพูดถึงวิบาก จริงๆมันก็มีอยู่นะ ถ้ามองในแง่ของกรรมวิบาก บางคนรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถ… โดยเฉพาะผู้หญิง ไม่สามารถลงให้กับผู้ชายได้ แล้วถ้าหากว่า ไม่เจอผู้ชายที่เหนือกว่าจริงๆ ทำให้ตัวเองยอมเป็นผู้หญิงได้จริงๆ ก็รู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะไปเป็นกรรมสิทธิ์ของใครนะครับ
หรืออย่างถ้าหากว่าเคยอธิษฐานไว้ อันนี้มีอยู่จริงๆ ในกรณีที่สมมติว่าเคยปฏิบัติธรรมมา จนกระทั่งเรียกว่าหวังแต่นิพพานอย่างเดียวในชีวิตก่อน ไม่อยากที่จะครองคู่จริงๆ ก็อธิษฐานด้วยกำลังของบุญที่สั่งสมมาแล้วทั้งชาติในการปฏิบัติธรรมภาวนารักษาศีลได้บริสุทธิ์ว่า ‘ไม่ว่าชาติไหนภพไหนจะต้องเกิดอีก เนื่องจากยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ก็ขออย่าให้มีคู่ ขอให้ได้แคล้วคลาด เพื่อที่จะได้อยู่คนเดียว ปฏิบัติธรรมไปได้ด้วยความเบากาย สบายใจ’ อันนี้ก็มี แล้วมันก็เป็นแรงห้ามอยู่ โดยที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่รู้ที่มาที่ไป เกิดใหม่ก็ลืมหมดว่า เคยอธิษฐานอะไรไว้ รู้แต่ว่าพอจะมีแฟนทีไร ก็มีเหตุติดขัด หรือไม่บางทีไม่มีเหตุติดขัด ใจเรามันก็เมินชาซะเฉยๆ เกิดความเย็นชากับเพศตรงข้ามซะเฉยๆ อยากจะอยู่สงบๆคนเดียวมากกว่า อะไรแบบนี้ แต่ค่อนข้างจะน้อย
ส่วนใหญ่จะอยากมี แล้วก็มีปมในใจที่ซับซ้อนบางอย่าง ที่อธิบายไม่ได้
หาสาเหตุไม่เจอ ไปปรึกษากับจิตแพทย์ก็แล้ว ไปคุยกับคนโน้นคนนี้ก็แล้ว ก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ รู้แต่ว่า พอจะคบหาใคร มันเกิดความกลัวขึ้นมาทุกที ซึ่งก็ต้องดูเป็นกรณีไปนะว่า จะมีปัญหาซับซ้อนในแง่ไหน
บางคนกลัวเรื่องของการอยู่ร่วมกัน ก็ต้องหัดอยู่ร่วมกับคนอื่น
ถ้าหากว่ากลัวที่จะถูกครอบงำ หรือถูกครอบครอง ถูกกดขี่ทางเพศ ก็ต้องพยายามที่จะไปคบหากะใคร ที่เค้าไม่ทำให้เรารู้สึกว่าผู้ชายเลวร้ายเสมอไปนะครับ มันต้องเจอใครสักคน ถ้าไม่เจอ ก็อยู่คนเดียวเถอะ
ผู้หญิง จริงๆแล้วต้องระวังเนื้อระวังตัวกันมาก เพราะว่าถ้าเลือกใครผิดแล้ว ก็เหมือนจะโดนรังแกก็ได้ โดนทิ้งก็ได้ โดนทำให้อับอายขายหน้าอะไรต่อมิอะไรต่างๆ ความกลัวของผู้หญิงจึงมากกว่าผู้ชายเป็นธรรมดา แต่ผู้ชายก็กลัวกันเหมือนกัน
การจับคู่ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ เป็นสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดในบรรดาการจับคู่ของสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตทั้งปวงในจักรวาลเลย เพราะว่าแต่ละคนมีความซับซ้อน แต่ละคนมีปมฝังใจ แต่ละคนมีความรู้สึกเกี่ยวกับชีวิตของตนเองไม่เหมือนกัน
บางคนมีความรู้สึกชิวๆ เหมือนกับชีวิตถูกปูทางมาไว้อย่างดีแล้ว ก็มักจะไม่ค่อยกลัวอะไร รู้สึกว่าดำเนินชีวิตไปแต่ละเดือนแต่ละปี เดี๋ยวก็มีขั้นบันไดต่อๆไป ที่มันส่งให้ขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆได้เอง พวกนั้นก็จะไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่
แต่สำหรับคนที่เคยเจ็บปวดมาก หรือว่าสลับกับการมีความสุขมามาก พวกนี้จะกลัวเป็นพิเศษ
อันนี้จริงๆนะคือ ถ้ามีความทุกข์มามากซะทีเดียวเลย ก็จะกลัวน้อยกว่าคนที่เจอทั้งทุกข์มากและก็สุขมากควบคู่กันไปสลับกันไป เพราะว่ามันกลัวความผิดหวัง กลัวความผิดหวังอย่างรุนแรง และก็เป็นกำแพงที่หนา และก็หนักมากๆ กว่าที่จะผ่านไปได้
รับฟังไฟล์เสียงที่ : youtu.be/vvAjitXo6m8
รับฟังไฟล์เสียงที่ : youtu.be/vvAjitXo6m8
﹎。﹎。﹎。﹎。﹎。﹎。﹎。﹎。﹎。﹎。﹎。﹎。﹎。﹎。﹎。﹎。
กลับไปหน้าคำถามวันที่ออกอากาศ http://bit.ly/10V3QMA
สารบัญเรียงตามครั้งที่ออกอากาศ http://bit.ly/15FWLjj
สารบัญหมวด http://bit.ly/14wgP50
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น