วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

๒.๑๒ แมลง มด ตายจากการดูแลทำความสะอาดบ้าน บาปแค่ไหน?

ถาม :  ปกติจะปลูกต้นไม้ ปลูกผลไม้ที่บ้าน จะมีปัญหาเรื่องแมลงรบกวน มันจำเป็นต้องฉีดยาฆ่าแมลงเพราะคนอื่นเขาฉีดกันหมด ถ้าไม่ฉีดอยู่บ้านเดียว แมลงก็จะมารุมที่บ้านประจำ ใจคิดว่าเราฉีดไล่แมลง ไม่รู้ว่าหลอกตัวเองหรือเปล่า เราไม่ต้องการฉีดฆ่าแมลง ไม่ทราบว่าควรจะทำใจหรือตั้งจิตอย่างไรคะที่ไม่ให้เป็นบาปค่ะ?


รับฟังทางยูทูป
: https://youtu.be/YCuM3VsNyZw


ดังตฤณ: 
แค่การที่เราไม่ได้คิดฆ่ามัน
ก็เท่ากับเราไม่ได้ก่อกรรมครบวงจรเป็นปาณาติบาตแล้ว
อันนี้ฟังดีๆนะ ฟังให้เข้าใจนะ
มันขึ้นอยู่กับการรับรู้ตั้งต้นของเราขึ้นมาว่า
ในสิ่งที่เราฉีดลงไปมันจะฆ่าหรือว่าไล่กันแน่
ตัวรับรู้เป็นตัวแรกที่จะตัดสินว่ากรรมของเราจะเป็นไปในทางไหน

แต่ถ้าหากว่าเราคิด เราตั้งอยู่ในใจว่า "ขอให้ไปๆเถอะ:
การฉีดยาครั้งนั้นของเรา
ก็จะเหมือนกับ
เข้าข่าย กตัตตากรรม
หมายความว่าเราไม่ได้ตั้งใจให้มันตาย
แต่มันรู้อยู่ครึ่งๆ ว่าอย่างไรมันก็คงไม่รอด
หรือว่าเราอาจจะเผื่อใจไว้ว่า
ถ้าหากเราหาวิธีที่จะป้องกันหรือว่าขับไล่ได้จริงๆ
เราจะใช้วิธีนั้น เราจะไม่ใช้วิธีทำให้มันตาย

ตัวกำลังใจที่คิดจะจัดการกับแมลงจริงๆ
มันจะเป็นตัวกำหนดทิศทาง
ว่าเราจะเป็นผู้ทำบาปโดยมากหรือว่าไม่ได้ทำบาป

การที่ใจจะเป็นบาปจริงๆ ก็คือมีความยินดี
มีความคิดตั้งไว้เลยว่าจะให้มันเป็นอย่างนั้น
แต่ถ้าหากว่าเราไม่ได้คิดให้มันเป็นอย่างนั้น
แต่ต้องฝืนทำอย่างนั้นเรียกว่า
กตัตตากรรม
เป็นกรรมที่เมื่อไม่ได้ทำด้วยความตั้งใจไว้อย่างนั้นแล้ว
ก็จะมีความเบา เพราะว่ากำลังใจอ่อน
ถึงเวลาเผล็ดผลจะไม่ออกมาเต็มเม็ดเต็มหน่วย
สมมุติว่าออกแรงไป ๑๐ ในแบบที่เป็นกตัตตากรรม
เวลาผลเหวี่ยงกลับมามันจะกลับมาสัก ๕ หรือว่า ๔
ไม่เท่ากับแรงที่เราทำลงไป

แต่ถ้าหากว่าเราตั้งใจอะไรเต็มเหนี่ยวเลย
มีความยินดีเต็มที่เลย
ทำเข้าไป ๑๐ มันก็ได้กลับมา ๑๐ หรือมากกว่า ๑๐
อันนี้เป็นหลักการทางธรรมชาติของกรรมวิบาก
ที่พุทธศาสนาเราเปิดเผยไว้
ไม่ใช่มีใครไปตั้งกฎอย่างนี้ไว้ตามอำเภอใจ
แต่เป็นสิ่งที่มันเกิดขึ้นตามธรรมชาติของจิต
ตามธรรมชาติของกรรม

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..


คำถามต่อเนื่อง คือก็พยายามหาข้อมูลว่าจะมีวิธีไหนที่ดีกว่านั้น ปัญหาคือพวกแมลงทั้งหลายก็ดื้อยามากและมาอยู่เรื่อย เลยไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร สรุปว่าถ้าเราตั้งจิตไว้ว่าเราตั้งใจไล่ให้เขาไป เมื่อก่อนตอนยังไม่ฉีดก็ภาวนาให้เขาไป แต่เขาไม่ไป เพราะธรรมชาติเขาต้องมากินต้นส้มต้นไม้ของเรา ก็เลยกลัวบาปอยู่ค่ะ

เอาเป็นว่ากรณีนี้มันแค่ครึ่งๆ
มันไม่ได้เป็นการตั้งใจฆ่า มันเป็นการตั้งใจไล่
แต่บังเอิญว่าในการรับรู้ของเรา
เรารู้ว่าถึงแม้จะตั้งใจไล่มันก็มีสิทธิ์ที่จะไม่รอด


แม้กระทั่งพระเวลาท่านกวาดลานวัด
ท่านก็กังวลใจกันตอนแรกๆ

โดยเฉพาะพวกพระนวกะ จะคอยถามครูบาอาจารย์
เพราะเห็นชัดๆ เลยกวาดใบไม้ไป มดมันจะต้องตาย
สัตว์เล็กๆ เห็นกับตาเลยว่ากวาดไปมันก็โดนไปด้วย
แล้วก็บางทีมันอาจจะไม่รอด
ครูบาอาจารย์วัดป่าท่านสั่งสอนลูกศิษย์ว่าอย่าไปกังวล
อย่าไปมองว่าตรงนั้นเป็นการฆ่า
เพราะเราไม่ได้ตั้งใจจะฆ่า
เราตั้งใจจะกวาดลานวัด
นี่คือคำตอบของท่าน

แม้แต่ในพระวินัย พระพุทธเจ้าท่านก็บัญญัติไว้นะ
ห้ามไม่ให้มีหยากไย่ใยแมงมุม
นั่นหมายความว่าอะไร
หมายความว่าเราจะต้องทำให้หยากไย่ใยแมงมุม
ซึ่งแมงมุมถักทอขึ้นมามันหายไป
คงเข้าใจความหมายนะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น