วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

๒.๑๓ กินเนื้อเป็นบาป กินมังสวิรัติเป็นบุญไหม?

ถาม : การรับประทานเนื้อวัวบาปมากไหมคะ? ในเมื่อพระพุทธองค์ไม่ได้ทรงห้าม เราควรปฏิบัติอย่างไรจะดีที่สุด


รับฟังทางยูทูป
: https://youtu.be/jsfKxMx82Hw



ดังตฤณ:  ง่ายๆเลยนะครับ สำหรับผู้ที่ยังใช้ชีวิตทางโลกอยู่นะครับ

พระพุทธองค์ท่านห้ามไว้ในวินัยนะ
มีแค่ห้ามพระไม่ให้ฉันเนื้อเสือ เนื้อมนุษย์ อะไรแบบนี้
รู้สึกจะมีเนื้องูด้วย เนื้อมีกี่อย่างก็ไม่ทราบ
แต่ไม่ได้ทรงห้ามฉันเนื้อวัวหรือว่าเนื้อหมู อะไรแบบนี้นะครับ
ก็แสดงให้เห็นว่าคงไม่ได้บาปมากนะ อันนี้สบายใจได้

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

ทีนี้เราพิจารณาว่า อย่างไรเรียกว่าบาป ?

ทางพุทธศาสนานะครับ
ถ้าตั้งต้นด้วยการรับรู้ว่า
สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีชีวิต
แล้วประสงค์ให้สิ่งมีชีวิตนั้นตกตาย
จะด้วยความแค้นอาฆาตเป็นส่วนตัว
หรือว่าจะด้วยความหวังว่าจะได้กิน
เป็นบาปข้อปาณาติบาตทั้งสิ้น

แต่ถ้าหากว่าสัตว์เป็นศพอยู่แล้ว
อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ห้ามว่า
จงอย่าฉันเนื้อสัตว์
ก็เพราะเพื่อให้ชาวบ้านได้ถวาย
ได้ใส่บาตรตามที่เขาถนัดกัน ตามที่เขาสะดวกกัน

พูดง่ายๆว่าสมณะเป็นผู้เลี้ยงง่าย ไม่เรื่องมากนะครับ
ชาวบ้านถวายอะไรมาก็ฉันตามที่เขาถวายกัน

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

การที่เราไม่ได้มีส่วนรู้เห็น
เราไม่ได้มีส่วนจงใจว่าสัตว์นี้จงตายมาให้เรากิน

เราก็จะไม่แปดเปื้อนมลทินอันเกิดจากการฆ่า
เพราะมันไม่ต้องใช้กำลังใจในการฆ่า


ก่อนเราเกิดมานะ
มีคนที่เขาฆ่าสัตว์ตายกันอยู่แล้ว
แล้วขณะที่เรามีชีวิต ก็มีการฆ่ากัน

ขณะที่เราจะต้องตายจากโลกนี้ไป
ก็จะยังมีวงจรของการฆ่าฟันกันไม่มีที่สิ้นสุด

เราเป็นเพียงผู้บริโภคสุดท้าย
คือศพสัตว์ มันเกิดขึ้นก่อนแล้ว

เราไม่ต้องใช้กำลังใจในการฆ่า
เราไม่รู้ว่าสัตว์ตัวไหนมันตายเพื่อที่จะมาอยู่ในจานของเรา
 

แต่ถ้าหากว่ามีความรู้สึกอยากจะกินมังสวิรัติขึ้นมา
ด้วยเจตนาว่าเราจะช่วยลดปริมาณการตายของสัตว์
อันนี้ถือเป็นบุญนะ
แค่ความตั้งใจตรงนี้ ก็จะรู้สึกได้ถึงความมีเมตตา
ความรู้สึกไม่อยากเบียดเบียนชีวิตสัตว์
มีความสงสารสัตว์ อย่างนี้ก็ได้บุญเหมือนกัน

แต่ว่าการที่เรากินเนื้อไม่ว่าจะชนิดไหนที่มันเป็นศพอยู่แล้ว
เราไม่ได้ใช้กำลังใจในการฆ่า
ก็ไม่บาปทั้งนั้นแหละครับ ไม่ว่าจะเนื้อวัวหรือเนื้อหมู


.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

การที่เรามาถกเถียงกัน อย่างผมพูดอย่างนี้
ถ้าคนที่กำลังกินมังสวิรัติอยู่ ก็จะบอกว่าไม่เห็นด้วยนะ
จะบอกว่ามันจะมาเลี่ยงได้อย่างไร
จะมาบ่ายเบี่ยง ในเมื่อกินอยู่ ก็ไปเพิ่มดีมานด์

ไปเพิ่มความต้องการเนื้อสัตว์ อย่างไรเขาก็ต้องมีการฆ่าสัตว์
เพื่อมาให้พอดีกับดีมานด์ของมนุษย์
หรือว่าความต้องการของมนุษย์


แต่จริงๆ แล้วไม่ว่าจะคิดอย่างไรนะ
เราลงมาที่ความจริงข้อเดียว

เรามีการรับรู้ไหมว่าสัตว์ตัวไหนมันจะตายเพื่อเรา
เอาที่จิตของเรา เล็งมาที่จิต เล็งมาที่กำลังใจของเรา
เรามีความปรารถนาไหม
ว่าจะเอาเนื้อหมูตัวนี้ เนื้อไก่ตัวนี้
หรือว่าเนื้อวัวตัวนั้นนะ

เห็นแล้วถูกใจเหลือเกิน อยากกิน
ถ้าหากว่าไม่มีการตั้งต้นรับรู้แบบนี้
ก็เรียกว่าไม่มีตัวเริ่มต้นในการก่อกรรมข้อปาณาติบาตแล้ว

และถ้าหากว่าเรายิ่งคิดนะว่าเราเคยมีกำลังใจ
ที่จะอยากให้สัตว์ตัวไหนตายเพื่อมาให้เรากินไหม

ถ้าหากว่าเราไม่ได้ใช้กำลังใจ
ไม่ได้ใช้ความพยายามในการให้สัตว์ตาย
อันนั้นก็เรียกว่าที่จิตของเราไม่มีเรื่องของเจตนาฆ่าฟันแน่นอน


.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

แต่มันจะมีร้านอาหารหลายๆ ร้านในปัจจุบันนะ
ที่เปิดให้ชี้ตัวเลยว่า
กุ้งเป็น ปูเป็น ตัวไหนที่อยากจะเอาใส่จาน

เรารู้ เราเห็นอยู่
ตั้งต้นเกิดการมอง เกิดการจ้องแล้วว่า
นี่ ตอนนี้มันยังมีชีวิตอยู่

แล้วถ้าหากว่าชี้ไป บอกว่านี่พอใจตัวนี้
อ้วนๆ พีๆ แล้วเดี๋ยวมันจะไปอยู่ในจาน

นี่แหละครับบงการฆ่า นี่แหละครับสั่งฆ่า
นี่แหละครับมีการใช้กำลังใจที่จะประหารสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นๆ
ตัวนี้แหละที่บาปเกิดแล้ว ตัวนี้แหละที่มลทินเกิดแล้ว
ตัวนี้แหละที่ทำให้ใจเปื้อนปาณาติบาต กรรมข้อปาณาติบาตเรียบร้อย

มันจะมีความสนุก มันจะมีความครื้นเครงมาปิดบังความมืดก็จริง
มันจะมีความสนุกครื้นเครงมาบดบังความทุกข์ทางใจ ความไม่สบายใจก็จริง
แต่คนที่กินเข้าไปย่อมรู้อยู่ว่าตัวเองทำให้สัตว์ตัวหนึ่งตกตายไปนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น