ถาม -- ที่จริงแล้วเหมือนมีคำถามมากมายในหัว
จนเริ่มต้นไม่ถูกว่าจะเริ่มอย่างไรดี
แต่ด้วยจากการที่อ่านหนังสือของพี่ก็ได้คำตอบกลับมาแล้วบ้าง
แต่ไม่สามารถปฏิบัติได้อย่างที่ใจคิดอยากให้เป็น
เหมือนรู้ว่าถูกอยู่ทางไหนแต่ยังไม่เดินไป แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองยังไม่เข้มแข็งพอ ปล่อยให้ตัวเองเดินไปผิดทาง
ขอคำชี้แนะอยากให้ตัวเองฝึกจิตใจเข้มแข็งแน่วแน่
อยากสร้างแรงบันดาลใจมุ่งมั่นแน่วแน่ ไม่เดินตามกิเลสที่ใจ พอจะแนะนำแนวคิดใด
ให้ได้สำนึกได้มากกว่านี้ได้ไหม?
ดังตฤณ :
ในเรื่องของการสร้างความเข้มแข็งของจิตใจนะ
ขอให้คิดว่าเราไม่สามารถสั่งให้ใจมีความเข้มแข็งขึ้นมาเองลอยๆ
เหมือนกับที่เราไม่สามารถสร้างกล้ามเนื้อให้ตัวเอง ด้วยการคิดว่าจงใหญ่ขึ้น
จงแข็งขึ้น จงเป็นมัดๆขึ้น มันเป็นไปไม่ได้ เราต้องหาเครื่องฝึก
เราต้องหาเครื่องต้านกล้ามเนื้อ มาบริหารกล้ามเนื้อให้มันค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นมา
อันนี้เป็นหลักการทางธรรมชาติ ไม่ใช่หลักการที่ใครคิดขึ้นมา แล้วไม่ใช่สิ่งที่ใครคิดให้เป็นหรือไม่อยากให้เป็น
ถ้าหากว่าเราอยากแข็งแรงทางร่างกายแล้วต้องออกกำลังกาย ก็เหมือนกันฉันใดฉันนั้น อยากจะมีจิตใจที่เข้มแข้งคุณต้องฝึก และไม่ใช่ฝึกด้วยการใช้บทเรียนง่ายๆ หรือว่าใช้แบบฝึกหัดเพียงนั่งมองฟ้ามองดาว แต่คุณจะต้องเผชิญกับโลกความจริง ทีละนิดทีละหน่อย เอาง่ายๆ ก่อน เพื่อให้เกิดความชุ่มชื่นใจไปในตัวด้วย ท่านถึงแนะนำให้เริ่มจากการสร้างบุญสร้างกุศลเล็กๆน้อยๆ ที่เป็นไปได้ที่ทำได้จริง
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากตั้งใจว่า ๑ เดือนต่อจากนี้เราจะตื่นเช้าขึ้นมาแล้วสวดมนต์อิติปิโสให้ได้ ๗ จบ ทุกเช้าไม่มีเว้น เคยตื่นนอนหกโมง ก็ตื่นเช้าขึ้นซัก ๒๐ นาที แล้วก็สวดให้ได้ ๗ จบตามที่ต้องการ แต่ละจบก็สังเกตใจตัวเองดูไปด้วยว่ามันมีความชุ่มชื่นแค่ไหน รอบแรก รับรองมันไม่ชุ่มชื่นหรอก มันแห้งแล้วมันมีแต่อาการโอดโอย มันมีแต่อาการสงสารตัวเองว่าต้องตื่นเช้าขึ้นเพื่อที่จะมาทำอะไรก็ไม่รู้ แต่พอรอบสองรอบสามสังเกตตัวเองดู จิตใจมันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จากเดิมที่ขุ่นมัว มีแต่ความสงสารตัวเองที่ต้องมาทำอะไรลำบาก กลายเป็นความรู้สึกชุ่มชื่นขึ้น มีความสงบเย็นมากขึ้น มีความสบายใจมากขึ้น มีความแน่วนิ่งเป็นสมาธิมากขึ้น หรือรอบต่อๆมา มันมีอาการเหมือนกลับมาฟุ้งซ่านใหม่ เราก็เห็น เห็นเป็นรอบๆว่าจิตของเราแตกต่างกันอย่างไร ในแต่ละรอบ
ในที่สุดแล้วถ้าหากว่าทำได้ครบเดือน เราจะมีความรู้สึกเข้มแข็งขึ้นมา ในความเข้มแข็งนี้มีความชุ่มชื่นอยู่ด้วย ไม่ใช่ฝืนใจอย่างเดียว มันมีความชุ่มชื่นอยู่ด้วย บอกแล้วว่าเราต้องทำอะไรที่มันเป็นเครื่องต้านจิตต้านใจสักนิดนึง มันเป็นแรงกดดันสักนิดนึง มันต้องมีความลำบากสักนิดนึง และความลำบากชนิดนี้ มันเป็นความลำบากที่มีความชุ่มชื่นเคลือบอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นมันจะไม่ลำบากมาก ถ้าเราตั้งใจทำจริงๆ
จากนั้นจะเห็นเลยว่าไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรที่มาพิสูจน์ใจ
มาพิสูจน์ความแน่วแน่ของจิตนะครับ คุณจะรู้สึกว่ามันทำง่ายขึ้น
มันเอาชนะกิเลสได้ง่ายขึ้น มันทำให้คุณสามารถถึงจุดหมายได้สะดวกขึ้น
ถ้าเริ่มต้นด้วยบุญนะ ถ้าเริ่มต้นด้วยความสว่างนะ ความสว่างอันเกิดบุญนั่นแหละ มันจะเป็นความอบอุ่นใจ มันจะเป็นความเข็มแข็ง มันจะผลักดันให้เราเกิดความมุมานะที่จะทำอะไรตามความตั้งใจตัวเองได้ต่อ ไป ลองดู ถ้าหากว่าทดลองดูจริง ส่วนใหญ่จะกลับมาบอกทุกคนเลยว่ามันได้ผล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น