วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

๒.๔๕ ของเหลือไหว้เจ้าใส่บาตรพระได้มั้ย?

ถาม : ของไหว้ที่หิ้งบรรพบุรุษ เจ้าที่จีน โต๊ะหมู่บูชาพระ หรือของไหว้ที่สุสานช่วงเทศกาลเช็งเม้งนั้น ถ้าเป็นพวกน้ำสมุนไพร หรือน้ำผลไม้บรรจุขวด หรือกระป๋องบางอย่างก็หาไม่ได้ง่ายนักตามท้องตลาด ควรหรือไม่ที่จะนำมาใส่บาตรพระสงฆ์? ส่วนอีกประเด็น ของที่ไม่ใช่ของสด ที่พระท่านสละแล้วจากการฉันนั้น ถ้าเราไม่กินเองสามารถให้ผู้อื่นหรือใส่บาตรพระในวันอื่นสถานที่อื่นได้หรือไม่?

รับฟังทางยูทูบ : https://www.youtube.com/watch?v=9KSOyBujPmE

ดังตฤณ: 
สมัยพุทธกาลนี่นะ เล่าให้ฟังอย่างนี้ก็แล้วกัน เคยมีนางทาสีคนหนึ่ง ทำงานทั้งวันทั้งคืน ต้องดูแลไฟอะไรให้เจ้านาย คืนนั้นก็อยู่ทั้งคืน อยู่โยงทั้งคืน ไม่ได้หลับไม่ได้นอน แล้วก็หิวมากเลย ตอนเช้าได้ปันส่วนจากโรงครัวมา เป็นข้าวกำมือหนึ่ง ตอนแรกก็ตั้งใจจะกินให้หายหิวเสียหน่อย แต่บังเอิญว่าพอรุ่งเช้าขึ้นมา เห็นพระพุทธเจ้าเดินมาแต่ไกล ก็เกิดมีใจนึกอยากจะถวายขึ้นมาเพราะพิจารณาเห็นว่าชีวิตของตัวเองนี่น่าจะด้อยวาสนา น่าจะไม่มีวาสนา คงเคยทำบุญมาน้อย ถึงได้เกิดเป็นนางทาสี ต้องคอยที่จะรับใช้คนร่ำคนรวยเขา ก็เลยคิดว่ามีโอกาสดีแล้ว ได้ยินกิตติศัพท์ของพระพุทธเจ้ามานาน เป็นที่เลื่องลือว่าเป็นเนื้อนาบุญ เป็นแหล่งผลิตบุญโรงใหญ่ นางก็เลยเกิดความนึกอยากจะถวาย นางก็นิมนต์พระพุทธเจ้า แล้วก็ขอใส่บาตรด้วยข้าวแค่กำมือเดียวนั่นแหละ


แต่ว่าตอนแรกนางก็คิดว่า เอ! ข้าวนี่สกปรก แล้วก็เป็นของต่ำต้อย ได้ยินว่าพระพุทธเจ้าเสด็จบวชออกมาจากวงศ์กษัตริย์ เป็นถึงกษัตริย์ ไม่รู้ว่าจะฉันข้าวที่สกปรกของตัวเองหรือเปล่า พระพุทธเจ้าท่านรู้วาระจิต ท่านก็เลยประทับนั่งแถวนั้นแหละ แล้วก็ฉันให้ดูเลย นางก็ปลาบปลื้มมาก ข้าวนั้นก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นข้าวที่มาจากกำลังใจอย่างใหญ่ คืออยากจะถวาย ใจนี่ไม่มีอะไรหรอก คือของกินได้แหละ ก็เห็นว่าของของตนนี่ถึงแม้ว่าจะสกปรก แต่ก็อยากถวาย ด้วยความอยากถวายนั้น ก็เป็นบุญมหาศาลแล้ว

เวลาที่จะถวายอะไรขอให้มองอย่างนี้ก็แล้วกันว่า เราอยากถวายแค่ไหน เราอยากที่จะใส่บาตรแค่ไหนนะครับ เราอยากที่จะทำบุญแค่ไหน ถ้าหากว่าความอยากเต็มเปี่ยมนะ ต่อให้เป็นของผิดพระวินัย คือด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเรา เดี๋ยวพระท่านเอาทิ้งไปเอง แต่ท่านก็จะรับนะครับ ตามวินัยคือท่านรับของมา ท่านต้องพิจารณาของท่านเองว่าของนี้ควรฉันหรือเปล่า ของนี้ฉันได้หรือเปล่านะครับ ท่านจะมีวิจารณญาณของท่านเองนะครับ ในส่วนของเรา เรามีแค่เจตนาที่จะถวายของ ถวายอาหาร ถวายภัตตาหารให้ท่านมีกำลังวังชา แค่นี้นี่เป็นบุญอย่างใหญ่แล้วนะครับ

ทีนี้ เรื่องของถูกหรือไม่ถูก สดหรือไม่สด อันนี้ถ้าหากว่าเรามีความรู้ขึ้นมามากกว่าตาสีตาสา ที่บางทีเขาอาจจะไม่มีโอกาสมาไถ่ถามพระ หรือว่ามาศึกษาพระวินัย อันนั้นก็เป็นเรื่องที่เราได้เปรียบในการทำบุญคือ ทำบุญอย่างถูกต้อง ทั้งในแง่ของการได้มาซึ่งทรัพย์อันถูกต้องบริสุทธิ์ ตัวเราบริสุทธิ์ มีเจตนาบริสุทธิ์ เวลาที่ถวายเราก็จะถวายด้วยความรู้ว่าอันนี้ควรหรือไม่ควร อันนี้ก็เป็นเรื่องของบุญต่อยอดขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง

แต่ขอให้ไม่ต้องไปกังวลอะไรมาก ถ้าของยังไม่เสีย หรือว่าเรารู้อยู่ อันนี้มันยังไม่เน่าไม่บูด ไม่เป็นไรหรอก เพราะของนี่นะ ตราบใดถ้ายังล่วงผ่านลำคอลงไปสู่กระเพาะอาหารแล้วก็สามารถจะเป็นพลังงานให้แก่พระสงฆ์องค์เจ้าได้ ของนั้นเป็นกำลังบุญของเราเสมอนะครับ เป็นสิ่งที่สะอาดสำหรับเราเสมอ เป็นสิ่งที่ยังไม่บูดไม่เน่า ไม่เสียสำหรับเราเสมอนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น