วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ทำไงดี วิธีเตรียมใจรับมือกับการเปลี่ยนงาน

ดังตฤณ : สวัสดีครับทุกท่าน พบกับรายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน คืนวันเสาร์สามทุ่มตามเดิมนะครับ

 

สำหรับคืนนี้ จะเป็นหัวข้อที่หลายๆ คนอาจอยากฟัง เพราะว่าหลายๆ คนขอให้พูดนะ แล้วก็คนที่ขอนี่คือเป็นองค์กรใหญ่ด้วยนะครับ แล้วก็ถ้าเอาตามที่รู้ ไม่ใช่เฉพาะองค์กรใหญ่ แต่องค์กรย่อย องค์กรเล็กทั้งหลาย ก็กำลังจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหานี้กัน เลยอยากให้คนของตัวเองได้ฟัง  หรือได้คิดอะไรที่จะเป็นการรับสภาพ หรือว่าเตรียมใจที่จะต้องเผชิญกับความเป็นจริงในปีหน้านะครับ

 

เรามาพูดเรื่องของการเตรียมใจ ก็คือการเตรียมตัวนั่นแหละ ที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งไม่มีใครรู้หรอกว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จะดีขึ้นหรือแย่ลง แต่ทุกคนจะกลัวการเปลี่ยนแปลง แล้วความกลัวนี้แหละ ที่เราจะมาพูดถึงกันในคืนนี้

 

แม้คุณไม่ทำผิด โลกก็พร้อมที่จะผิดไปจากเดิม เพราะโลกไม่ได้มั่นคง

 

วิธีรับมือกับโลกที่ไม่มั่นคงก็คือ การทำตัวของเราให้มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

ความมั่นคงที่แท้จริง ไม่ใช่ความมั่นคงของตำแหน่งของหน้าที่การงาน แต่เป็นความมั่นคงทางความรู้ ความเข้าใจที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน

 

การรู้ลึก รู้จริงเฉพาะทาง จะทำให้ใครบางคนต้องการตัวเรา หรือกระทั่งทำให้หลายคนรู้สึกว่าขาดเราไม่ได้

 

เหล่าคนที่ขาดคุณไม่ได้นี่ นี่เป็นธรรมชาติเลยนะครับ เหล่าคนที่ขาดคุณไม่ได้ จะช่วยให้คุณกล้านับหนึ่งใหม่ แล้วก็เรียนอะไรใหม่ๆ ให้รู้ลึก รู้จริงได้อีก ไม่มีวันสิ้นสุดไปตามองค์กร หรือว่าสภาพงานที่กำลังจะผ่านไปหรอก

 

คุณได้สมบัติมา คือคุณไม่ได้ได้เงินมาอย่างเดียวจากการทำงาน ไม่ใช่แค่เงินเดือนนะ วันเวลาที่ผ่านไป ทำให้คุณได้ประสบการณ์ ได้ความรู้ แล้วก็สมบัติติดตัวชนิดที่คนต้องการ แล้วก็จะขาดคุณไม่ได้ หรืออย่างน้อยก็นึกถึงคุณ

 

คนที่ทำงานมาแล้ว ไม่ได้สูญเปล่าไปกับการสิ้นสุดหน้าที่การงาน ในตำแหน่งหนึ่งๆ หรอกนะ แล้วก็ความมั่นคงที่แท้จริง ถ้าเราจะเตรียมใจนี่นะ เรานึกถึงความมั่นคงในตัวเอง ในชีวิตของเราที่มีอยู่เป็นต้นทุน

 

ความมั่นคงที่แท้จริง ไม่ใช่ความมั่นคงทางการเงิน แต่เป็นความมั่นคงทางจิตใจ

 

ขอให้ลองนึกถึงใครบางคนที่เขา ถึงแม้จะมีเงินมาก แต่จิตใจกลับโคลงเคลงมาก หวั่นไหวกับอนาคตกับตัวเองมาก ขนาดเป็นเจ้าของตึกสูงเสียดฟ้าเป็นร้อยๆ ชั้น วันใกล้ตาย มองตึกของตัวเองยังไม่รู้สึกอุ่นใจ

 

คือ ตึกระฟ้า ไม่ได้ช่วยให้มั่นใจหรอกว่าจะตายดี หรือเป็นหลักใจให้ยึดเหนี่ยวก่อนจะตายนะ

 

นึกดูนะ สมมติคุณเป็นเจ้าของตึกที่สูงมากๆ แล้วคุณกำลังจะตาย เวลาคุณนึกถึงตึก มันช่วยให้คุณอุ่นใจได้ไหมว่า เดี๋ยวกำลังจะตายดี เดี๋ยวกำลังจะปลอดภัย เดี๋ยวกำลังจะได้ที่อยู่ใหม่ที่ดีไปกว่านั้น

 

มันไม่ใช่นะ!

 

ต่างจากคนบางคน ที่ถึงแม้ว่าจะมีเงินน้อย แต่จิตใจกลับมั่นคงมาก เราลองมาสำรวจดูว่าเพราะอะไร

 

เพราะคนพวกนี้ จะเชื่อมั่นในความปลอดภัยของตัวเอง ออกมาจากข้างใน ความรู้สึกออกมาจากข้างในในส่วนลึก อย่างคนที่เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำ

 

ถึงแม้จะแค่เจียดเงินบริจาค ช่วยสร้างกุฏิพระแค่ชั้นเดียว หรือส่งเสื้อผ้าไปช่วยคนประสบภัยแค่ไม่กี่หน แต่พอนึกขึ้นมาถึงสิ่งที่ตัวเองเคยให้เปล่าไป  ก็รู้สึกอุ่นใจ รู้สึกอิ่มใจ รู้สึกปีติสุข เหมือนมีที่เกาะ เหมือนมีที่พึ่ง เป็นที่พึ่งที่เกิดขึ้น ทั้งขณะที่ยังรู้สึกว่ามีชีวิตไปอีกนาน แล้วก็ขณะที่ตระหนักว่า มันเหลือชีวิตอีกแค่วันเดียว วันสุดท้าย

 

ตัวอย่างนี้นี่นะ แสดงให้เห็นว่า ความอิ่มใจก็เป็นที่มาของความรู้สึกมั่นคงเช่นกัน ไม่ใช่แค่ความรู้ความเข้าใจหรือประสบการณ์อย่างเดียว ความรู้สึกอุ่นใจ รู้สึกมั่นคงในชีวิต บางทีนึกทบทวนดูนะว่า ชีวิตมีภาพจำอะไรที่เกิดขึ้นจากมือคุณ ชนิดที่นึกถึงแล้วยิ้มออกได้เสมอ

ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งก่อสร้างถวายวัดนะ แต่อาจเป็นความอิ่มหนำสำราญของพรรคพวก หรือว่าครอบครัว คนในครอบครัว หรือเป็นพวกหมาแมวตามข้างถนน เจอปุ๊บ แล้วคุณอยากให้อาหารมันขึ้นมาปั๊บ

 

ความอิ่มใจ ความรู้สึกสุขใจพวกนี้ ทำให้คุณรู้สึกดี ทำให้คุณรู้สึกว่าคุณอยู่ในฐานะของ ผู้ให้

 

คนที่อยู่ในฐานะของผู้ให้บ่อยๆ ถ้าบ่อยพอ จะรู้สึกว่า ตัวเองไม่ขาด ตัวเองมีความมั่นคงบางอย่างที่พร้อมจะให้ แล้วชะตา เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงนะ ยิ่งให้บ่อยเท่าไหร่ ยิ่งมีอะไรไหลมาเทมา เพื่อที่จะให้คุณนี่ ได้มีโอกาสให้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 

คนที่ให้อะไรใครบ่อยๆ นี่นะ คือไม่ใช่ให้แบบตะพึดตะพือ ชนิดที่หมดตัวนะ แต่ให้เรื่อยๆ จนกระทั่งตัวเองมีความรู้สึกว่า เป็นผู้ให้ แล้วพร้อมจะให้ มักจะมีชะตากรรมแบบหนึ่ง พอจะลำบาก จะตกต่ำลง จะมีคนมาช่วยดึงขึ้นสูง หรือฉุดจากท่าล้มให้ลุกขึ้นยืนได้อย่างสง่าผ่าเผย หรือมีอะไรต่ออะไร ที่พอจะแจกกับใครต่อใคร รอบตัวได้

 

นั่นเพราะอะไร เพราะว่าการแจกอะไร หรือการให้เปล่านี่นะ การให้ทาน ถ้าเกิดขึ้นเป็นประจำนี่นะ จะมีตัวผู้รับ มีตัวตนของผู้รับ ซึ่งเขามีชะตาที่จะมีโอกาสได้รับของจากคุณ ชะตาของพวกเขานี่ ที่พร้อมจะรับของจากผู้ช่วยเหลือบางคน อย่างเช่นคุณนี่นะ ก็จะมาเป็นกำลัง ก็จะมาหนุนหลัง ให้คุณได้มีมากพอที่จะให้

 

คือไม่ใช่กำลังบุญจากชาติก่อนอย่างเดียวนะ การที่คุณมีพอที่จะให้นี่ แต่เกิดจากการทำตัวเป็นผู้ให้ในปัจจุบันด้วย แล้ว ทุกคนที่อยู่บนเส้นทางของการเป็นผู้ให้ ให้เปล่า ให้แบบไม่มีเงื่อนไข จะรู้ จะทราบถึงความจริงนี้ได้ด้วยตัวเอง

 

แล้วนอกจากนั้น ความมั่นคงที่แท้จริงนะครับ ไม่ใช่การเอาแต่หลอกตัวเองขึ้นมาว่า เดี๋ยวอะไรๆ ก็จะดีขึ้น แต่เป็นการสำรวจตัวเองตามจริงว่า มีดีอะไรอยู่บ้าง

 

ตอนรู้ตัวว่ากำลังจะต้องเปลี่ยนงานกระทันหันนี่นะ เกือบทุกคนจะรู้สึกเหมือนๆ กันหมดคือ รู้สึกคิดไม่ออก จุก เสียด แน่น แล้วก็นึกถึงคำว่า “ตกงาน”

 

อย่าให้คำว่า “ตกงาน” มาบีบหัวใจคุณให้เล็กลง แต่จงนึกถึงคำว่า “เปลี่ยนงาน” เพื่อให้หัวใจของคุณคึกคักขึ้น คิดถึงอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยลองมาก่อนได้มากขึ้นนะ

 

โลกเราตอนนี้ อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เหมือนจะไม่ให้เราอยู่กับความเคยชินเดิมๆ กัน แยกตัวพวกเราให้กระจัดกระจายออกจากกัน แต่ก็คือไม่ใจร้ายจนเกินไปนะ ก็ให้เทคโนโลยี อย่างอินเตอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย อะไรต่างๆ มาให้เราได้ใช้ในการเข้าถึงกัน

 

คือยุคเรานี่เป็นยุคเดียวนะ ที่ใครจะเข้าถึงใครก็ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แล้วก็เปลี่ยนคนไม่รู้จัก ให้กลายเป็นลูกค้าประจำสักเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าสิ่งที่คุณสามารถจะทำเป็นที่ต้องการของคนมากพอ

 

อันนี้ก็ ความตั้งมั่นที่ผมพูดถึงนะ ความตั้งมั่น ความมั่นคงจริงๆ จะไม่ใช่ตำแหน่งหน้าที่การงาน ไม่ใช่เงิน แล้วก็ไม่ใช่การหลอกตัวเองว่าอะไรๆ จะดีขึ้น ไม่ใช่การรอคำอวยพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าเดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น

 

ให้ตั้งความเชื่อไว้ว่า เมื่อใดก็ตามนะครับ ที่ชีวิตบีบให้คุณต้องเปลี่ยนแปลงหน้าที่การงาน เมื่อนั้น คือถึงเวลาที่ชีวิตของคุณจะดีขึ้นแล้ว

 

คุณกำลังจะก้าวข้ามผ่านบันไดขั้นที่ผ่านๆ มา ไปสู่ขั้นที่สูงขึ้น หรืออาจจะเป็นขั้นที่สูงสุดก็ได้ ไม่มีใครรู้นะ จนกว่าจะได้ลองเปลี่ยนผ่าน ไปถึงขั้นนั้นนะ แล้วก็ก้าวข้ามความกลัว หรือความรู้สึกไม่อยากจะไปทำสิ่งที่ไม่ชอบ

 

การเปลี่ยนแปลง ไม่มีใครชอบนะ เพราะว่าไม่เคยชิน แต่คนบางคน ลักษณะหน้าที่การงาน ต้องอัพเดทอยู่เรื่อยๆ ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้ว คนพวกนี้จะไม่กลัว คนที่กลัวคือคนที่อยู่กับหน้าที่แบบเดิมๆ จนกระทั่งเกิดภาวะที่เรียกว่า ออโต้ไพล็อต แทบจะหลับตาทำได้ พวกนี้จะกลัวกันมาก

 

แต่ถ้าหากว่า เราทำใจว่า อยู่ในยุคที่อะไรๆ ต้องอัพเดทอยู่ตลอดเวลา แล้วเราสนุกกับมัน คือแทนที่จะกลัวมัน ไปสนุกกับมัน สนุกกับการเปลี่ยนแปลง สนุกกับการอัพเดทชีวิตไปเรื่อยๆ ในที่สุด คุณจะพ้นจากภาวะเครียด เครียดเปล่าๆ เครียดฟรีๆ ทั้งๆที่ตัวเองสามารถจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้กว่าเมื่อก่อน แต่ไม่รู้ตัวนะครับ

 

ก็สำหรับเรื่องของการเตรียมใจฝากไว้เพียงเท่านี้

__________

ปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ทำไงดี วิธีเตรียมใจรับมือกับการเปลี่ยนงาน

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2563

ถอดคำ : เอ้

 

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=iteHx-9vVz0&t=126s

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น