วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

คุณแม่ขอให้สัญญาว่าจะไม่มีแฟนไปตลอดชีวิต แต่เราไม่ได้รับปาก...ทำให้ท่านเสียใจก่อนสิ้นใจ..บาปไหม?

 ดังตฤณ :  คุณรู้ได้อย่างไรว่าท่านเสียใจมาก คือโอเคท่านอาจจะบอกว่าท่านเสียใจมาก แต่ตอนตายท่านอาจจะไม่ได้ผูกใจอยู่กับตรงนี้ก็ได้ อาจจะไม่ได้ทุรนทุรายอยู่กับตรงนี้ก็ได้นะครับ

แต่ผมเข้าใจดีว่า เรื่องพรรค์นี้ของแบบนี้มันทำให้เราอยู่ไม่เป็นสุขไปตลอดชีวิต ไม่ว่าเราจะเลือกที่จะมีแฟนหรือว่าอยู่ไปคนเดียว ในที่สุดเราจะหวนกลับไปนึกว่า เราทำบาปทำกรรมกับแม่ไปแล้ว คือแทนที่จะรับปากไปส่งๆ เรากลับไม่รับปากเพราะกลัวจะทำไม่ได้ตามสัญญา เลยเป็นเหตุให้แม่เสียใจ ตายไปแบบข้องกังวลเป็นห่วงอะไรแบบนี้นะครับ

(ข้อ ๑ วิธีทำใจ)

ทีนี้วิธีทำใจ สิ่งที่ต้องระลึกอันดับ ๑ เป็นคีย์เลยในปัญหาทำนองนี้คือ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ไม่มีใครทำกรรมแทนกันได้ อาจจะให้คำแนะนำได้ อาจจะชี้ทางสว่างได้ แต่ไม่มีใครเลือกทำกรรมเลือกตัดสินใจที่จะเล็งเจตนาไว้อย่างไรแทนกันได้ ไม่มีนะครับ

ต่อให้สะกดจิตสั่งให้เขาเลือกคิดเลือกทำอะไร การเลือกคิดเลือกทำนั้นก็เป็นเจตนาของผู้สะกดจิต ไม่ใช่เจตนาของเขา ตัวเจตนาที่มันเป็นกรรมเฉพาะตนจริงๆ มันคือการเลือกที่จะคิดด้วยตัวเองว่าจะเอายังไง เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา ไปตรงหรือว่าถอยหลัง

ทีนี้อย่างของคุณแม่คุณคือชีวิตมันรวมลงที่ตรงอาการเล็งแค่ตรงนี้ เล็งได้แค่ตรงนี้ว่าเป็นห่วงเรา แล้วก็ไม่อยากให้ใครมาแย่งสมบัติ แล้วก็ไม่อยากให้เราต้องเสี่ยงที่จะเป็นทุกข์กับการล้มเหลวในชีวิตคู่ จะด้วยพื้นฐานประสบการณ์ หรือว่าจะด้วยเหตุบันดาลใจอย่างไรก็ตาม สรุปแล้วก่อนตายท่านมีอยู่แค่นี้ ใจพะวงอยู่แค่นี้ ข้องอยู่แค่นี้ นี่คือสิ่งที่เราเอาท่อนซุงที่ไหนไปงัดออกจากใจท่านไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่ท่านเลือกที่จะฝังให้ใจมันปักหลักอยู่ตรงนั้น เราทำกรรมแทนท่านไม่ได้ เราเลือกเจตนาแทนท่านไม่ได้ว่าจะเอาจิตแบบอื่น อันนี้คือข้อ ๑ ที่ต้องระลึกเป็นคีย์สำคัญ

(ข้อ ๒ ให้สำรวจดูใจตัวเอง )

ข้อ ๒ ให้สำรวจดูใจตัวเองว่าที่ทำให้ท่านเป็นทุกข์นั้น แล้วต้องมาเสียใจทีหลัง เราทำไปด้วยเจตนาอะไร เจตนาของเราชัดเจนว่า เรากลัวจะทำไม่ได้ตามที่รับปาก ซึ่งอันนี้เป็นความคิดที่ถูกต้องนะครับ คือถ้าเรารับปากส่งเดช เสร็จแล้วไม่ทำตามที่พูด มันก็จะรู้สึกผิดไปอีกแบบหนึ่งอยู่ดี มันจะรู้สึกว่าแม่กำลังเฝ้ามองดูอยู่หรือเปล่าว่าเราไม่ทำตามคำพูด เห็นมั้ยแบบนี้มันไม่มีทางออกแบบที่เราจะสบายใจได้ มันทั้งขึ้นทั้งล่อง ถึงเราไปรับปากกับแม่ เราก็จะไม่สบายใจอยู่ดี

ที่เราไม่สบายใจตอนนี้คือ เราทำบาปทำกรรม ทำให้แม่ไม่สบายใจหรือเปล่า แต่ถ้าในอีกทางหนึ่ง ถ้าเราไปรับปากท่าน เราก็จะเกิดความรู้สึกว่า เราทำบาปไปหรือเปล่าถ้ามีคู่ แม่จะอยู่ในอีกโลกหนึ่งแบบไม่สงบสุขหรือเปล่า แม่อยากจะมาทวงสัญญาเราหรือเปล่า นี่ดูตรงที่ว่าเรามีการตัดสินใจเลือกที่ถูกต้อง มีเจตนาหรือมีกรรมที่มันเหมาะมันควรอยู่แล้วมันคลีนอยู่แล้ว คือไม่รับปากเพราะไม่แน่ใจว่าเราจะเอายังไงกับชีวิต ตรงนี้ถึงจะทำให้คุณแม่ไม่สบายใจแต่เราก็รู้อยู่กับตัวเองว่า เราไม่ได้จากกับคุณแม่ด้วยการโกหก เราอยู่กับวาระสุดท้ายของคุณแม่ด้วยการพูดความจริง

อันนี้ต้องพิจารณาย้อนกลับไปข้อแรก บางคนอาจจะบอกว่า เอ๊ะ!นี่หมายความว่าเราไม่ต้องคำนึงถึงจิตใจคนตายเลยหรือ รับปากส่งเดชไปก็ได้ แค่พูดๆไปว่าเราจะไม่มีแฟนแล้วมันก็จบ จริงๆมันไม่จบนะครับ ถ้าคุณเชื่อว่าโลกของวิญญาณมีจริง แล้วในโจทย์ข้อนี้คุณแม่เป็นห่วงลูกแน่นอน จะต้องเฝ้ามองมาแน่นอน ไม่ว่าคุณแม่จะอยู่ตรงไหน มันก็ต้องเห็นว่าลูกทำตามคำพูดหรือเปล่า

ถ้าคุณจะไม่เชื่อว่าไม่มีโลกหน้า อันนั้นก็โอเคก็จบไป พูดส่งเดชอะไรไปก็ได้ แล้วตัวเราเองฝ่ายเราเอง ถ้ามันรับปากไปมั่วๆ เสร็จแล้วต้องมาไม่สบายใจอีกทั้งชีวิตว่าไม่ได้ทำตามคำพูด ก็แสดงว่าที่รับปากไปแล้วจะจบ มันไม่จบ มันไม่จบสักทางทั้งฝั่งเขาและฝั่งเรา

ทีนี้จบตรงที่เราไม่รับปาก เพราะเราทำไม่ได้ มันเกินวิสัยของเรา ส่วนที่คุณแม่จะสิ้นไปพร้อมกับความกังวลนี้หรือเปล่า เราก็ไม่รู้นะ ท่านอาจจะไม่ได้ผูกยึดกับตรงนี้ก็ได้ แล้วตอนนี้ท่านอาจจะอยู่ในฐานะที่มองย้อนกลับมาแล้วเปลี่ยนใจก็ได้ว่า ที่ไปขอสัญญาทวงสัญญาอะไรกับลูกแบบนั้น มันไม่ดี มันไปบีบคั้นเกินไป มันทำให้คนที่ยังอยู่ในโลกเป็นทุกข์ไปเปล่าๆกับความห่วงของท่าน

จริงๆแล้วถ้าย้ายมุมมองไปอีกมุมมองหนึ่ง เห็นโลกอีกโลกหนึ่งย้อนกลับมาจริงๆ สมบัติพัสถาน หรือว่าการเป็นโสด หรือการเป็นคู่ในโลกนี้ ไม่มีความหมายเลยนะครับ มันมีความหมายแค่ที่ว่า จะทำให้คนๆหนึ่ง อยู่บนเส้นทางบุญหรือเส้นทางบาป การมีสมบัติบางทีนั้นอาจจะอุ่นใจดูเหมือนกับดี แต่จริงๆสมบัติอาจจะเป็นเหตุให้ทำบาปทำเวรอะไรกับใครก็ได้ ถ้ามีสมบัติแบบไม่ถูกต้อง แต่ถ้ามีสมบัติแล้วก็ได้คู่ครองที่ดี อาจจะมาใช้สมบัติในทางที่เป็นประโยชน์ ชวนกันไปทำบุญ ชวนกันไปแจกจ่าย อยู่ในอีกโลกหนึ่งมันเห็นนะว่าใช้สมบัติในทางที่ทำให้โลกนี้ดีขึ้น ผู้ทำก็มีบุญมีความสว่าง อยู่ในอีกโลกหนึ่งมันเห็นเลยว่าแบบนี้ดี

แต่ตอนที่ยังอยู่ในโลกปัจจุบัน ยังมีเนื้อหนังห่อหุ้มอยู่แบบนี้ มันไม่เห็น มันเห็นแต่ว่าทำไปทำไมโง่เปล่า เห็นแต่ว่าทำบุญไม่ได้อะไรคืนมาเลย ไม่มีกำไร มีแต่เสียต้นทุนไป มันเห็นได้แค่แก้วตาแบบนี้ แต่ตอนย้ายไปอยู่อีกโลกหนึ่ง มันเห็นอีกแบบหนึ่งเลย มันคนละเรื่องกันเลยนะครับ เงินทองสมบัติพัสถานอะไรต่างๆจะใช้ไปแค่ไหนมันเป็นวัตถุ ในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆทางจิตทางวิญญาณ คือ ความสว่าง หรือความมืด

เพราะฉะนั้นสรุปก็คือ เราไปห่วงแทนคนอื่นไม่ได้ว่าเขาจะเลือกมีเส้นทางกรรมของตัวเองอย่างไร เราไปช่วยเลือกแทนเขาไม่ได้นะครับ ไปช่วยเลือกแทนท่านไม่ได้ แต่เราเลือกให้ตัวเองได้ แล้วเราเลือกถูกแล้วที่ไม่ไปรับปากนะครับ เงื่อนมันอยู่ที่ตรงนี้ รับปากหรือไม่รับปาก ส่วนใจจะเป็นอย่างไร อันนั้นสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมนะครับ

---------------------------------------

๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๓
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน อภัยแต่ไม่คบ จบเวรไหม?

คำถาม : คุณแม่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ท่านขอให้สัญญาว่าให้อยู่คนเดียว ไม่ให้มีแฟนไปตลอดชีวิต เพราะกลัวคนอื่นมาทำเสียใจ และกลัวเอาสมบัติท่านไป แต่ไม่ได้รับปาก เพราะไม่รู้อนาคต ทำให้ท่านเสียใจก่อนท่านสิ้นมาก อยากทราบว่า บาปมากไหม เป็นกังวลมากๆที่ไม่ได้รับปากท่าน ทางที่ถูกต้องควรทำอย่างไร?

ระยะเวลาคลิป      ๑๐.๒๓   นาที
รับชมทางยูทูบ    https://www.youtube.com/watch?v=CC4xWSbc9WM&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=3

ผู้ถอดคำ  แพร์รีส แพร์รีส


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น