วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2563

การที่รู้ตัวว่า ตอนนี้กำลังโกรธ บางทีอาจจะจากร่างกายที่เปลี่ยน เช่น ขมวดคิ้ว หรือเริ่มรู้ว่าจิตไม่ปกติ เริ่มหงุดหงิด แบบนี้คือการรู้ตัวเฉย ๆ หรือเป็นปัญญารู้การเกิด-ดับ คะ?

 ดังตฤณ :  อย่างเราคุยกันแบบนี้ เราคุยกันด้วยคำพูด ตอนที่คุณฟัง มันก็จะเป็นความเข้าใจ มันเกิดจากการตีความคำพูด ซึ่งเราจะสื่อตรงกันจริง ๆ หรือเปล่า มันไม่มีเครื่องวัดที่ชัดเจน

 

อย่างบางคน เข้าใจหลักการทุกอย่างนะ บอกว่า “เนี่ยต้องดูเฉย ๆ ต้องเป็นผู้สังเกต ไม่ใช่ผู้เล่น แล้วก็ต้องดูมันจนกว่ามันจะหายไป หรือว่าเปลี่ยนสภาวะไป”  เข้าใจแม่นยำทุกอย่าง ขึ้นใจนะครับ แต่พอเอาเข้าจริง เกิดภาวะโกรธ เกิดภาวะหงุดหงิดขึ้นมาปุ๊บ ลืมหมด เพราะว่าภาวะโกรธ ภาวะหงุดหงิดมันเป็นสภาพอกุศลใช่มั้ย แล้วก็มาปรุงแต่งให้จิตเกิดอกุศลธรรม มันก็เลยลืมว่า สิ่งที่เป็นกุศล สิ่งที่เป็นสติ สิ่งที่มันเป็นตรงกันข้ามกับความโกรธ หน้าตามันเป็นยังไง หรือจะต้องทำยังไงนะครับ

 

วิธีการเจริญสติมา ๑ ๒ ๓ .. หายเกลี้ยงเลย เราก็เลยดูผิด ๆ ถูก ๆ อย่างบอกว่าขมวดคิ้ว เราถือว่าเป็นการเห็นความโกรธได้มั้ย เห็นความไม่เที่ยงได้หรือยัง อย่างบอกว่าขมวดคิ้วเนี่ย มันเป็นแค่ข้อสังเกตว่าเรากำลังโกรธ หรือบอกว่าจิตใจไม่ปกติ ผิดปกติขึ้นมาเริ่มหงุดหงิด เนี่ยอันนี้เป็นแค่ข้อสังเกตว่า เรากำลังโกรธอยู่ เสร็จแล้วสิ่งที่ตามหลังมา มันกลายเป็นความสงสัย หรือที่เรียกว่าเป็น วิจิกิจฉา เป็น นิวรณธรรม ข้อหนึ่งที่ถ่วงให้สติมันไม่เจริญขึ้น แทนที่มันจะดูต่อมันมาสงสัยแทน มันมาคิดเข้าสู่กระบวนการกลั่นกรอง ไตร่ตรอง แล้วก็ตรึกนึกนะครับ

 

ทีนี้วิธีที่ถูกต้องที่จะเอาชัวร์ได้ เอาไปทำได้แบบแม่น ๆ เลย ก็ลองเปรียบเทียบดูว่า ตอนที่เรารู้ตัวว่าขมวดคิ้ว หรือว่าจิตใจไม่ปกติขึ้นมา มีอาการร้อนขึ้นมาเนี่ย จำไว้ให้ขึ้นใจว่า เรากำลังอยู่ในสภาพหายใจเข้า หรือว่าสภาพหายใจออก ถ้ามันเตือนตัวเองขึ้นมาแบบนี้ได้นะ เนี่ยตอนนี้เรามีหลักแบบที่พระพุทธเจ้าให้ใช้แล้ว เอาอานาปานสติมาเป็นเครื่องกำกับในการเจริญสติ คือ ดูกาย เวทนา จิต ธรรมทั้งปวงผ่านศูนย์กลาง คือ อานาปานสติ ไม่ใช่ไปจ้องลมหายใจนะ แต่สังเกตดูว่า ความโกรธมันเกิดขึ้นที่ลมหายใจไหน

 

พอคุณสามารถเห็นได้ว่า ความโกรธมันเกิดขึ้นที่ลมหายใจไหน จะเป็นอาการขมวดคิ้ว หรือว่าจะเป็นอาการร้อน ๆ เป็นอาการที่มีความรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาผิดปกติก็ตาม คุณมีจุดสังเกตว่ามันเริ่มต้นที่ตรงนี้ จากนั้นสบาย ๆ ปล่อยมัน พอหายใจครั้งต่อมา สังเกตอีกทีว่า เออแล้วลมหายใจนี้ล่ะมันต่างไปหรือยัง

 

ถ้าหากว่าคุณตอบถูก ลมหายใจนี้กับอีกลมหายใจนึงต่างกันอย่างไรภาวะความโกรธ ตรงนั้นคุณได้ชื่อว่า ได้แนวทางที่จะเห็นความโกรธ หรือว่าโทสะโดยความเป็นของไม่เที่ยงเข้ามาอยู่ในจิตเพียงชั่วคราวได้แล้ว

 

แต่ถ้าคุณไม่สามารถที่จะตอบตัวเองได้ถูกอย่างชัดเจน ไม่มีเครื่องวัด คุณจะสงสัยร่ำไป จนกว่าจิตจะพัฒนาขึ้น ซึ่งไม่รู้กี่ปีนะ คือถ้าจิตมันพัฒนาขึ้นถึงจุดที่มันว่าง มันโล่งอยู่ตลอด แล้วค่อยมีความโกรธ ความเกลียดแวบผ่านเข้ามาในความโล่งนั้น คุณถึงจะเกิดสติรู้เท่าทันว่า มันเกิดขึ้นตอนนี้ แล้วมันหายไปตอนนั้น

 

แต่ระหว่างนี้ ถ้าหากว่ายังไปไม่ถึงตรงนั้น ยังไปไม่ถึงจุดที่จิตมันโล่งว่างตลอดเวลานะครับ ยังมีกิเลสแบบเรา ๆ ท่าน ๆ ที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมือง ก็อาศัยลมหายใจเป็นเครื่องสังเกตอย่างนี้แหละ โกรธขึ้นมาที่ลมหายใจไหน แล้วโกรธน้อยลงที่ลมหายใจไหน หรือว่าความโกรธหายไปอย่างสิ้นเชิงที่ลมหายใจใดนะครับ

 

อันนี้แหละ มันจะมีทิศทางที่ถูกต้องแน่ คือพอคุณสังเกตอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ นะครับ ในที่สุดแม้ไม่อาศัยลมหายใจ บางทีมันก็รู้ขึ้นมาเองเป็นอัตโนมัตินะครับ แต่ถ้าหากว่า ไม่ทิศทางสังเกตที่ถูกต้อง คุณจะวนเวียนอยู่ในโลกความสงสัยไม่เลิก!

--------------------------------------------

๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๓
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน หยุดเบื่อด้วยอุเบกขา

คำถาม
: การที่รู้ตัวว่า ตอนนี้กำลังโกรธ บางทีอาจจะจากร่างกายที่เปลี่ยน
เช่น ขมวดคิ้ว หรือเริ่มรู้ว่าจิตไม่ปกติ เริ่มหงุดหงิด แบบนี้คือการรู้ตัวเฉย ๆ
หรือเป็นปัญญารู้การเกิด-ดับ คะ
?

ระยะเวลาคลิป
           ๕.๓๔ นาที
รับชมทางยูทูบ          https://www.youtube.com/watch?v=Dr4Y7u_XdHc&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=3

ผู้ถอดคำ 
แพร์รีส แพร์รีส

** IG **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น