ดังตฤณ : ผมเองก็เมื่อครั้งเข้ามาสนใจพุทธศาสนาใหม่ๆ
เคยสวดวันละ ๓ ชั่วโมงปกติเลยนะ คือไปฟังที่เขาบรรยายสรรพคุณมาว่า สวดแล้วจะได้นั่นได้นี่
แล้วก็เชื่อ ตอนนั้นก็ไม่มีใครบอกว่าเป็นความเชื่อที่ผิด
แล้วเสียเวลาสวดไปนานขนาดนั้น คือไม่ได้ดูใจตัวเองว่าสวดไปนานๆแล้วใจเป็นกุศล หรือว่าอกุศล
บางวันสวดแล้วสวดได้นานๆ
แล้วเกิดความสุข เกิดความอิ่มใจ แล้วก็กระหยิ่มว่า ตัวเองเนี่ยเจ๋ง
อย่างนั้นก็โอเคเป็นกุศลในแบบที่จะก่อให้เกิดอัตตาในทางดี
แต่บางวันสวดๆไปมันกลายเป็นนึกว่า
โอ้เรานี่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่มีใครสวดได้แบบเรา ไม่มีใครสวดได้นานเท่าเรา
ไม่มีใครมีตบะบารมีในการสวดได้อย่างเราอีกแล้ว นี่อันนี้อกุศลแล้วนะครับ
อัตตามันมาปรุงแต่งให้จิตเกิดความสำคัญผิด หลงสำคัญตัวไป
หรือบางวันหนักกว่านั้น
ไม่ได้เต็มใจสวด แต่ก็ยังฝืนสวดๆเข้าไปนั่นแหละ นึกว่าถ้าไม่ได้สวดแล้วมันจะอดตาย
มีความอดอยากทางบุญบารมี กลายเป็นว่าตอนสวดคิดไม่ดี คิดโน่นคิดนี่ฟุ้งซ่าน
แล้วก็บังคับตัวเองให้ฝืนอยู่กับนั่นน่ะเป็นชั่วโมงๆนะการสวดมนต์เนี่ย
ตอนหลังมาศึกษาแล้วเข้าใจมากขึ้นก็เห็นว่า
การสวดหลายๆบท มันไม่ได้แปลว่าดีนะ ถ้าจะวัดว่าอะไรดี อะไรไม่ดี
วัดที่จิต เวลาที่จิตของเราเป็นกุศล มีความเบิกบาน
มีความสามารถที่จะเห็นความไม่เที่ยงในขอบเขตของกายใจได้ อันนั้นแหละเราเป็นพุทธ
เป็นพุทธที่อยู่บนเส้นทางของพุทธ เป็นพุทธที่พร้อมจะถึงที่สุดความดีได้แบบพุทธ
ถึงที่สุดทุกข์ได้แบบพระพุทธเจ้า อันนี้ต่างหากที่เราต้องทำความเข้าใจ แล้วให้มาอยู่ในใจของเราจริงๆ
ความกังวลเรื่องการสวดมนต์มันจะได้หายไป
ทุกวันนี้ผมก็ไม่เสียดายเลยนะ
เหลือแต่บทอิติปิโสอย่างเดียวเหมือนกัน
แล้วก็เห็นคุณค่าของการสวดอิติปิโสออกมาจากจิตที่มันเป็นสมาธิกับการสวดถวายแก้วเสียงเป็นพุทธบูชา
เห็นว่าพอสวดด้วยใจไม่เอาอะไร ไม่ขอพร ขอแต่ได้สรรเสริญ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
แล้วจิตมันมีความตั้งมั่นอยู่ในความสว่าง ราวกับว่าจิตของตัวเองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสียเอง
คือไม่ใช่ตัวเองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะ แต่จิตที่สรรเสริญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากๆ ก็รับเอาพลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้ามาประจุเข้ามาประดิษฐาน
ราวกับว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้มากลายเป็นจิตของเราเสียเอง
เป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
คือพอจิตเป็นสมาธิเนี่ย
เวลาที่เราอยู่กับอะไรก็ตาม สิ่งนั้นเนี่ยจะรู้สึกราวกับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับจิต
เมื่อได้สมาธิจากการสวดมนต์
เอาแค่บทเดียวนี่แหละ เราจะรู้เลยว่า เราจะทำให้จิตของเราศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทำไม
ทำให้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อจะได้เจริญรอยตามพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ที่ท่านสามารถเห็นกายใจนี้ด้วยความเป็นสมาธิ
เห็นว่ามันไม่เที่ยง ตั้งแต่ลมหายใจเนี่ยชัดเลย เดี๋ยวก็เข้าเดี๋ยวก็ออก
เดี๋ยวก็ยาวเดี๋ยวก็สั้น ไปจนกระทั่งความรู้สึกเป็นสุข เบิกบาน
หรือว่าความรู้สึกอึดอัด เหล่านั้นมันก็กำลังแสดงความไม่เที่ยงอยู่
--------------------------------------------------
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์ ๑
สิงหาคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม เคยสวดมนต์เยอะ
แล้วลดมาเหลือบทบูชาพระปกติ
เน้นทำสมาธิมากขึ้น แต่กังวลว่า เราเคยสวดแล้วไม่สวดเหมือนเคย
จะเป็นผลเสียผลดีอย่างไรไหมครับ?
ระยะเวลาคลิป ๕.๐๐ นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=q2eCwsjq2cA&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=4&t=0s
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น