วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เคยสวดมนต์เยอะ แล้วลดมาเหลือบทบูชาพระปกติ เน้นทำสมาธิมากขึ้น แต่กังวลว่า เราเคย สวดแล้วไม่สวดเหมือนเคย จะเป็นผลเสียผลดีอย่างไรไหมครับ?


ดังตฤณ :  ผมเองก็เมื่อครั้งเข้ามาสนใจพุทธศาสนาใหม่ๆ เคยสวดวันละ ๓ ชั่วโมงปกติเลยนะ คือไปฟังที่เขาบรรยายสรรพคุณมาว่า สวดแล้วจะได้นั่นได้นี่ แล้วก็เชื่อ ตอนนั้นก็ไม่มีใครบอกว่าเป็นความเชื่อที่ผิด แล้วเสียเวลาสวดไปนานขนาดนั้น คือไม่ได้ดูใจตัวเองว่าสวดไปนานๆแล้วใจเป็นกุศล หรือว่าอกุศล

บางวันสวดแล้วสวดได้นานๆ แล้วเกิดความสุข เกิดความอิ่มใจ แล้วก็กระหยิ่มว่า ตัวเองเนี่ยเจ๋ง อย่างนั้นก็โอเคเป็นกุศลในแบบที่จะก่อให้เกิดอัตตาในทางดี

แต่บางวันสวดๆไปมันกลายเป็นนึกว่า โอ้เรานี่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่มีใครสวดได้แบบเรา ไม่มีใครสวดได้นานเท่าเรา ไม่มีใครมีตบะบารมีในการสวดได้อย่างเราอีกแล้ว นี่อันนี้อกุศลแล้วนะครับ อัตตามันมาปรุงแต่งให้จิตเกิดความสำคัญผิด หลงสำคัญตัวไป

หรือบางวันหนักกว่านั้น ไม่ได้เต็มใจสวด แต่ก็ยังฝืนสวดๆเข้าไปนั่นแหละ นึกว่าถ้าไม่ได้สวดแล้วมันจะอดตาย มีความอดอยากทางบุญบารมี กลายเป็นว่าตอนสวดคิดไม่ดี คิดโน่นคิดนี่ฟุ้งซ่าน แล้วก็บังคับตัวเองให้ฝืนอยู่กับนั่นน่ะเป็นชั่วโมงๆนะการสวดมนต์เนี่ย 

ตอนหลังมาศึกษาแล้วเข้าใจมากขึ้นก็เห็นว่า การสวดหลายๆบท มันไม่ได้แปลว่าดีนะ ถ้าจะวัดว่าอะไรดี อะไรไม่ดี วัดที่จิต เวลาที่จิตของเราเป็นกุศล มีความเบิกบาน มีความสามารถที่จะเห็นความไม่เที่ยงในขอบเขตของกายใจได้ อันนั้นแหละเราเป็นพุทธ เป็นพุทธที่อยู่บนเส้นทางของพุทธ เป็นพุทธที่พร้อมจะถึงที่สุดความดีได้แบบพุทธ ถึงที่สุดทุกข์ได้แบบพระพุทธเจ้า อันนี้ต่างหากที่เราต้องทำความเข้าใจ แล้วให้มาอยู่ในใจของเราจริงๆ ความกังวลเรื่องการสวดมนต์มันจะได้หายไป

ทุกวันนี้ผมก็ไม่เสียดายเลยนะ เหลือแต่บทอิติปิโสอย่างเดียวเหมือนกัน แล้วก็เห็นคุณค่าของการสวดอิติปิโสออกมาจากจิตที่มันเป็นสมาธิกับการสวดถวายแก้วเสียงเป็นพุทธบูชา เห็นว่าพอสวดด้วยใจไม่เอาอะไร ไม่ขอพร ขอแต่ได้สรรเสริญ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วจิตมันมีความตั้งมั่นอยู่ในความสว่าง ราวกับว่าจิตของตัวเองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสียเอง คือไม่ใช่ตัวเองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะ แต่จิตที่สรรเสริญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากๆ ก็รับเอาพลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้ามาประจุเข้ามาประดิษฐาน ราวกับว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้มากลายเป็นจิตของเราเสียเอง เป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง

คือพอจิตเป็นสมาธิเนี่ย เวลาที่เราอยู่กับอะไรก็ตาม สิ่งนั้นเนี่ยจะรู้สึกราวกับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับจิต

เมื่อได้สมาธิจากการสวดมนต์ เอาแค่บทเดียวนี่แหละ เราจะรู้เลยว่า เราจะทำให้จิตของเราศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทำไม ทำให้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อจะได้เจริญรอยตามพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ที่ท่านสามารถเห็นกายใจนี้ด้วยความเป็นสมาธิ เห็นว่ามันไม่เที่ยง ตั้งแต่ลมหายใจเนี่ยชัดเลย เดี๋ยวก็เข้าเดี๋ยวก็ออก เดี๋ยวก็ยาวเดี๋ยวก็สั้น ไปจนกระทั่งความรู้สึกเป็นสุข เบิกบาน หรือว่าความรู้สึกอึดอัด เหล่านั้นมันก็กำลังแสดงความไม่เที่ยงอยู่

แล้วถ้าเรารู้ได้ชัดๆว่า ทั้งหลายทั้งปวงนั้นมันไม่ใช่ตัวตน มันเป็นอนัตตา นี่แหละตัวนี้แหละคุณค่าของการเริ่มปลูกสมาธิขึ้นมาจากการสวดมนต์นะครับ มันไม่ใช่การสวดได้หลายๆบท ไม่ใช่การสวดได้นานๆอย่างที่เข้าใจกัน เข้าใจแบบสืบๆกันมานะครับ

--------------------------------------------------

ผู้ถอดคำ                      แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์                  ๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม                         เคยสวดมนต์เยอะ แล้วลดมาเหลือบทบูชาพระปกติ 
                              เน้นทำสมาธิมากขึ้น แต่กังวลว่า เราเคยสวดแล้วไม่สวดเหมือนเคย 
                              จะเป็นผลเสียผลดีอย่างไรไหมครับ?
ระยะเวลาคลิป           ๕.๐๐ นาที
รับชมทางยูทูบ                https://www.youtube.com/watch?v=q2eCwsjq2cA&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=4&t=0s

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น