วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2563

นั่งสมาธิแล้วมีอาการเกร็ง สักพักแล้วก็หาย รู้ลมหายใจ รู้ท้องพองยุบ แล้วนิ่ง แล้วคิดฟุ้งซ่าน วนอยู่แบบนี้ปฏิบัติถูกไหม?


ดังตฤณ :  ขอให้จำไว้ อันนี้เป็นคีย์เวิร์ดเลยนะครับ ไม่ว่าคุณจะเห็นภาวะใดๆที่มันปรากฏขึ้นในกายใจมันถูกหมด ถ้าคุณมีสติรู้ๆว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น อะไรนั้นเปลี่ยนไปแล้วหรือยัง หรือยังตั้งอยู่ เนี่ยถูกหมดเลย ไม่มีอะไรผิดแม้แต่นิดเดียว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าสติของคุณมีความสามารถที่จะเห็นสิ่งเหล่านั้นเป็นแค่ภาวะที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ยิ่งเห็นชัดขึ้นเท่าไหร่ ตัวของสติยิ่งเข้มแข็งยิ่งแข็งแกร่ง แล้วก็ถูกต้องตรงทางมากขึ้นเท่านั้น

คำว่า “ถูกต้องตรงทาง” ในที่นี้หมายถึงว่า เห็นตามที่มันปรากฏให้เห็น ไม่ใช่เห็นตามที่ใจอยากจะเห็น ใจคนเนี่ยมันอยากจะนิ่งทันที มันอยากจะเก่งทันที มันอยากได้มรรคผลทันที ซึ่งความอยากแบบนั้นจะมาปิดบังความจริงทั้งหมดตรงหน้า เช่น ขณะนี้กำลังนั่งอยู่ท่าไหนก็ไม่รู้ ลมหายใจกำลังปรากฏเป็นเข้าหรือว่าออกก็ไม่รู้ จิตใจของตัวเองกำลังปั่นป่วนมากหรือน้อย หนักหรือเบาก็ไม่ทราบ ไม่ทราบอะไรสักอย่าง ทราบแต่ว่าตัวเองอยากจะนิ่ง อยากจะเก่ง อยากจะได้มรรคผล

แต่ถ้าคุณสามารถเห็นได้อย่างนี้นะครับ นิ่งได้แป๊บนึงก็รู้ว่าอาการนิ่งได้แป๊บนึงนั้นเป็นเพียงภาวะชั่วคราว ไม่ใช่ตัวคุณไม่ใช่ของคุณ หรือเมื่อมันฟุ้งซ่านวนไปเวียนมา เดี๋ยวก็สงบ เดี๋ยวก็ฟุ้งซ่าน แล้วคุณรับรู้ตามจริงนั่นแหละที่เป็นสติ

คำว่า “สติ” คือรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่รู้อย่างที่ใจมันอยากให้รู้  การที่เราสามารถเห็นได้เรื่อยๆอย่างนี้ ในที่สุดนะครับนั่งอยู่ท่าไหน มันก็จะเห็นอนิจจังอยู่ในท่านั้น

แล้วถ้าหากว่าจิตสงบลงไปในอาการเห็นว่า อะไรๆมันไม่เที่ยงในขอบเขตของกายใจนี้ ในขอบเขตของท่านั่งนี้ นี่ตรงนี้มันจะกลายเป็นสมาธิอีกแบบนึง เป็นสมาธิอันเกิดจากการเห็นว่า กายใจไม่เที่ยง

พอเห็นไปนานเดือนนานปีเข้า มันกลายเป็นมีความรู้สึกว่า เอ้อเรามาอยู่ในหุ่นอะไรหุ่นหนึ่ง มันไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตัวของเราตั้งแต่แรก เราถูกหลอกให้ยึดเหยื่อล่อนี้ว่า เป็นตัวของเรา เป็นกายของเรา เป็นใจของเรา เป็นความรู้สึกของเรา เป็นความเก่งของเรา เป็นความห่วยของเรา ยึดอยู่อย่างนี้มาชั่วกัปชั่วกัลป์

จนกระทั่งมาได้ปัญญาจากพระพุทธเจ้าว่า อันนี้ไม่ใช่ ถ้าอะไรแสดงความไม่เที่ยงได้ อันนั้นมันไม่ใช่ของจริงหรอก มันเป็นของหลอก มันต้องเลอะเลือนไปเป็นธรรมดา

สิ่งที่จะได้ชื่อว่าเป็นของจริงต้องอยู่ของมันอย่างนั้น ไม่เคลื่อนไปไหน ไม่เปลี่ยนไหน ซึ่งมีอยู่อย่างเดียวซึ่งธรรมชาติทั้งหมดเนี่ย มีอยู่อย่างเดียวที่เป็นของจริงคือ “นิพพาน”

เพราะฉะนั้นถ้าคุณนั่งสมาธิหรือเจริญสติ เดินจงกรม ทำอะไรก็แล้วแต่ อยู่ในอิริยาบถไหนก็ตาม แล้วคุณเห็นว่า เดี๋ยวภาวะนึงก็มา เดี๋ยวภาวะนึงก็หายไป นี่ตรงนี้มันใช่หมด มันเป็นสติหมด มันเป็นของจริงทั้งหมด

ขอให้บอกตัวเองนะครับ ผมย้ำอีกครั้งนะ คุณจะเห็นอะไรก็ตามที่อยู่ในกายใจนี้ ถ้าไม่เห็นด้วยความอยากนะ เห็นด้วยใจธรรมดาๆว่ามันผ่านมา แล้วมันผ่านไปไม่เที่ยง นั่นถูกหมด อันนี้ไม่ต้องถามเลยนะครับ อย่าสงสัยนะ เพราะพอสงสัยแล้วเนี่ย มันก็จะไปถูกเบรคด้วยความสงสัยนั่นแหละ

------------------------------------------

ผู้ถอดคำ                      แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์                  ๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม                         นั่งสมาธิแล้วมีอาการเกร็งสักพัก แล้วก็หาย รู้ลมหายใจ 
                              รู้ท้องพองยุบ แล้วนิ่ง แล้วคิดฟุ้งซ่านวนอยู่แบบนี้ปฏิบัติถูกไหม?
ระยะเวลาคลิป           ๔.๓๗ นาที
รับชมทางยูทูบ                https://www.youtube.com/watch?v=3KGfwo_vcCA&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=11&t=0s

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น