ดังตฤณ : อันนี้ไม่ได้เล่าให้ฟังนะว่าสวดมนต์บทไหน
แต่ผมรับรองอย่างนึงนะ ถ้าสวดแผ่เมตตาในแบบที่เราระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
, อิติปิโส ภะคะวา .. แล้วจิตแน่วแน่อยู่กับการถวายแก้วเสียงเป็นพุทธบูชาจริงๆนะ
คือจะไม่อ้างอิงนะว่าบทไหน เพราะเป็นที่ถกเถียงกันเยอะ แล้วบางคนเนี่ย
ถ้าไม่สวดบทที่ตัวเองต้องการ หรือว่าบอกว่าบทที่ตัวเองสวดไม่ดีเนี่ย
ถึงกับด่าทอกันอะไรแบบนี้เนี่ยนะ อันนี้ผมไม่ทราบนะว่าคุณสวดบทไหน
แต่ขอเล่าจากประสบการณ์ตรง เล่าจากประสบการณ์ของผมเองด้วย
แล้วก็ฟังมาจากหลายๆคนด้วยนะ
บอกว่าบางบทเนี่ย
ไปท้าทาย ไปเรียกให้สิ่งที่เรามองด้วยตาเปล่าไม่เห็นเขาเข้ามาสนใจเรา
แล้วก็บางทีอาจจะมาทำให้เราเกิดความวิตกกังวลว่า เอ๊ะนี่ฉันเห็นอะไร
หรือว่าได้ยินอะไร แต่ถ้าจิตของเราเป็นสมาธิ จิตของเราเป็นเมตตาจริงนะ
อย่างคุณบอกว่าแผ่เมตตา แผ่ด้วยอาการที่ .. คือไม่ใช่บริกรรม คือ ถ้าหากแผ่ด้วยอาการที่เรามีจิตเป็นสมาธิหลังจากสวดมนต์
หรือว่าสวดอิติปิโสเสร็จแล้ว จิตมีความสว่าง มีความเบิกบาน
มีความผ่องใสจริงเนี่ยนะครับ ถ้าขณะนั้นได้ยินเสียงอะไร
หรือว่ามีภาพแปลกๆขึ้นมาปรากฏ จิตจะไม่หวั่นไหว เพราะอะไร เพราะมันมีความสุขมากพอ
“ความสุข”
มันเป็นแก่นเป็นแกนกลางของการแผ่เมตตาอย่างแท้จริงนะครับ การแผ่เมตตาเนี่ย
ไม่ใช่เราสามารถแผ่ด้วยการสวด อันนี้เป็นความเข้าใจผิดนะ
ถ้าเราเข้าใจว่าสวดบทใดบทหนึ่ง หรือแม้กระทั่งบอกว่า สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
แล้วนั่นคือการแผ่เมตตา อันนี้ไม่ใช่นะครับ
การแผ่เมตตาที่แท้จริง
คือใจเรามีความสุข ไม่อยากเบียดเบียน ใจอยู่ในอาการไม่อยากเบียดเบียน
ใจอยู่ในอาการนุ่มนวล มีความสุขกับการปรารถนาดี มีความสุขกับการรู้สึกว่า
เออโลกทั้งใบเนี่ย ถ้าหากว่ามันไม่มีเวร มันจะสว่าง ถ้าไม่มีความพยาบาท
ก็จะไม่มีการคิดร้ายต่อกัน ความรู้สึกประมาณอย่างนี้ ความรู้สึกว่ามันนุ่มนวล
มันมีความสุข มันมีความสว่าง มันทำให้ ปรุงแต่งจิตให้พร้อมแผ่ออกไปเอง
โดยไม่ต้องกำหนดแผ่ แค่เราตั้งตาตรงมองไปไกลๆเบื้องหน้า เหมือนเห็นขอบฟ้ากว้าง
แล้วมีความสุขที่เอ่อออกมาเอง ที่แผ่ออกไปเองได้เนี่ย อย่างนี้เรียกว่าเป็นอาการของการแผ่เมตตาแล้ว
ซึ่งอาการแบบนี้ของจิต ถ้าหากว่ามันมีลักษณะแผ่ผาย
มันมีลักษณะของจิตที่ใหญ่มากพอนะครับ มันจะมีความไม่กลัว
มีความตั้งมั่นกับความรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัย ต่อให้ต้องตายในเวลานั้น
ก็ไม่รู้สึกว่าหวาดหวั่น คือจิตต้องตั้งมั่นจริงๆนะ อันนี้คือคนทั่วไปบอกว่า
“ถ้าแผ่เมตตาอยู่ ไม่กลัวตาย ไหนลองซิ เอามีดมาจ่อ
เอาปืนมาจะยิงดูมั้ยว่าจะกลัวรึเปล่า”
อันนี้เป็นการวัดจากจิตธรรมดาที่ฟุ้งซ่านที่กลัวตายของคนทั่วไป
จิตของมนุษย์ธรรมดาทั่วไปมันพร้อมหดตัว
มันก็เลยพร้อมกลัว กลัวโน่นกลัวนี่ กลัวผี กลัวตาย แต่จิตที่แผ่ออกไปอย่างตั้งมั่น
เป็นเมตตาเป็นสมาธิ ลักษณะของการแผ่ออกไม่เอาเข้าตัวนะครับ
มีความรู้สึกว่าตัวมันหายไป ตัวตนมันเบาบางลง หรือไม่มีอยู่เลย
มันก็ไม่มีความกลัวเพื่อตัวเอง มันมีแต่ความรู้สึกว่า
อะไรๆจะเกิดขึ้นให้มันเกิดไปเถอะ ถ้าหากว่าเราตายไปพร้อมกับความสุข
ความสว่างแบบนี้มันไม่น่ากลัวแน่ๆ เหมือนกัน จะได้ยินเสียง หรือเกิดความกังวล
กลัวโน่นกลัวนี่อะไรก็แล้วแต่ ถ้าหากว่าเราแผ่เมตตาอย่างถูกต้องนะครับ
รับประกันว่าอาการกลัวจะหายไป ขอให้สวดมนต์อย่างถูกต้องก็แล้วกัน
-------------------------------------------
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์ ๑
สิงหาคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม กำลังแผ่เมตตา
ขณะนั้นได้ยินเสียงแปลกๆ แล้วตกใจกลัวมาก
จนทุกวันนี้นอนหลับไม่สนิท ตื่นขึ้นมาตอนดึกๆหลายครั้ง
ควรเลิกสวดมนต์ชั่วคราวก่อนดีไหมคะ?
ระยะเวลาคลิป ๕.๔๙ นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=gEyczaKU6N0&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=6&t=0s
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น