วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2563

ช่วง ทดลองสวดมนต์ร่วมกันโดยใช้องค์พระ

ดังตฤณ :  ไม่ต้องไปสนใจว่าชัดหรือไม่ชัด สนใจแค่ว่าเราสวดอย่างมีสมาธิ สวดอย่างมีความสุขจากการที่ได้ทอดตามององค์พระนี่แหละ เอาล่ะนะครับ เดี๋ยวจะเริ่มกันนะครับ

คุณดังตฤณนำสวดมนต์

โดยมีองค์พระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระประธานในการสวดมนต์

 

นี่ก็คือการสวดมนต์โดยให้องค์พระเป็นประธานในใจของเรา เป็นใหญ่ในใจของเรา เป็นภาพในห้วงมโนทวารของเรา

 

ทีนี้ผมจะบอกคือ การสวดมนต์ ยังไม่ได้จบแค่ที่เราเปล่งเสียงเปล่งวาจาถวายพรพระนะครับ แต่กระบวนการที่สุดมาอยู่ที่ตรงนี่แหละ หลังจากที่เราสวดเสร็จ สังเกตใจตัวเองนะว่ารู้สึกอย่างไร เบา สว่าง แล้วก็เป็นสมาธิแบบไหน หรือว่าหนัก หรือว่ามืด หรือว่าใจอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมทำงานต่อ มีความฟุ้งซ่านยุ่งเหยิง สังเกตใจตอนนี้

 

ถ้าหากว่าเป็นสมาธิ เราแยกแยะออกไปอีกนะครับว่า เป็นสมาธิแบบหลงตัว เป็นสมาธิแบบที่เราจะเอาอะไรเข้าตัว หรือมีความเบา มีความเป็นปกติที่พร้อมจะเจริญสติต่อได้

 

ถ้าใครเคยมีประสบการณ์ เคยเจริญสติมาก่อน ก็จะมองเห็นตัวเองนะครับว่า พร้อมจะเจริญสติต่อหรือเปล่า สามารถเห็นกายใจโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตนหรือเปล่านะครับ

อันนี้ยิ่งเราสวดแบบสังเกตใจตัวเอง หลังสวดได้มากขึ้นเท่าไหร่ เราจะยิ่งเข้าใจว่า การสวดมนต์ของเราถูกต้องหรือเปล่า แค่ไหนนะครับ

 

ทีนี้ บางคนอาจจะอยากที่จะเข้าใจให้ลึกซึ้งเข้าไปอีกนะครับว่า องค์พระมีความสำคัญแค่ไหน องค์พระเนี่ยจริงๆ แล้วนะครับ เป็นหลักตั้งในแง่การเหนี่ยวนำจิตใจ ให้ตั้งอยู่กับพระพุทธเจ้า พูดง่ายๆ ให้จิตอยู่กับพระพุทธเจ้านะครับ ถ้าจิตอยู่กับพระพุทธเจ้า ก็เท่ากับเราอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือพระพุทธคุณมาประดิษฐานในใจของตัวเองนะครับ ความสำคัญอยู่ที่ตรงนี้จริงๆ

 

พลังพุทธคุณ ไม่สามารถที่จะบอกได้หรอกว่า มากมายล้นฟ้า ล้นดินขนาดไหน ล้นจักรวาลขนาดไหน การที่เราจะบอกว่า พระพุทธรูปองค์ไหนศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน บางที ถ้าเอากันตรงๆนะ เราวัดกันที่ความศักดิ์สิทธิ์ ของเทวดาที่รักษาพระพุทธรูปนั้น หรือว่ามวลพลังของคนที่มากราบไหว้ด้วยความศรัทธาเนี่ยนะ แล้วก็ประจุพลังศรัทธาใส่องค์พระพุทธรูปนั้นมากี่ร้อยกี่พันปี

 

แต่จริงๆแล้ว เทียบไม่ได้เลยกับพลังพุทธคุณของจริง หมายความว่า ถ้าเราสวดถูกต้อง แล้วอัญเชิญพระพุทธคุณ มาประดิษฐานในจิตของเราได้นะครับ นั่นแหละคือเราได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในอนันตจักรวาลมาอยู่ในจิตของเราแล้ว โดยมีความเกี่ยวพันกับองค์พระพุทธรูปก็จริงนะครับ แต่ว่าไม่ได้สำคัญสูงสุด ความสำคัญสูงสุดคือ พลังพุทธคุณที่เราอัญเชิญมาได้ด้วยสัมมาทิฏฐิในใจของเราเองต่างหากนะครับ

 

ทีนี้ในแง่ขององค์พระ มาพูดกันนิดหนึ่ง เดี๋ยวคนจะเข้าใจว่าผมมาพูดแบบว่าจะเอาแต่เรื่องนามธรรมอย่างเดียว ไม่เอารูปธรรมที่คนเขายึดๆกัน ความเป็นพลังขององค์พระนี่ เราต้องดูว่าใครเป็นคนสร้าง ถ้าในแง่ความยึดมั่นแบบโลกๆนะครับ ปีก่อน (พ.ศ. ๒๕๖๒)มูลนิธิบูรณพุทธก็มีโครงการที่จะสร้างพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาขนาดหน้าตัก ๔ ศอก หรือ ๘๐ นิ้ว แต่ตอนช่วงที่จะหาคนสร้างนี่ คือได้เห็นเลยนะว่า ไม่ใช่ง่ายๆนะครับ ที่จะมีปฏิมากร หรือว่าผู้สร้างพระที่มีความเชี่ยวชาญ มีความชำนาญ แล้วก็มีความศักดิ์สิทธิ์ในการสร้างมากพอ เพราะฉะนั้นหาอยู่สองเดือนนะครับ

 

เพื่อนสนิทของคุณอ๋อ (คุณอ๋อ : คุณณธนา หลงบางพลี) ก็ได้แนะนำให้รู้จักกับ อาจารย์วุฒิกร น้อยเงิน ท่านนี้นะครับ อาจารย์วุฒิกร น้อยเงิน (ขึ้นภาพอาจารย์วุฒิกร น้อยเงิน)

ซึ่งพอทีมงานของมูลนิธิบูรณพุทธได้เห็นผลงาน แล้วก็ทราบประวัติของท่านโดยสังเขปแล้ว ก็เลยติดต่อ แล้วก็ได้ร่วมงานกัน

 

ถ้าใครบอกว่าเห็น (ท่าน) แล้วตัดเสื้อตัดกางเกงออกไปแล้วเหมือนพระนะ ก็คงไม่ผิดนะ เพราะว่าท่านเป็นบุคคลสำคัญยิ่ง ของพุทธศาสนายุคปัจจุบันคนหนึ่งนะครับ คือเรียกว่าท่านอุทิศกาย อุทิศใจให้พุทธศาสนาจริงๆ แล้วก็เป็นคนไม่ดังนะ หาในอินเทอร์เน็ต จะไม่เจอแม้แต่ลิงค์เดียว ผมงงมากเลย แต่ท่านได้อุทิศชีวิตคร่ำหวอดอยู่ในวงการสร้างพระมา ๒๗ ปี เป็นศิลปินชั้นครูแห่งเมืองล้านนา แล้วก็ได้สร้างสรรค์ศิลปกรรมในทางพุทธศิลป์ในประเทศอินเดียมากว่า ๑๐ ปี ก็เลยได้มีโอกาสใกล้ชิดแล้วก็ศึกษารายละเอียด ขององค์พระปฐมเทศนา ณ พิพิธภัณฑ์สารนาถ อย่างถี่ถ้วน

 

คือเหมาะจริงๆ เหมาะเจาะจริงๆ ธรรมะจัดสรรจริงๆ นะครับ ท่านได้รับเป็นธุระในการเขียนแบบ แล้วก็ควบคุมงาน สร้างพระองค์ปฐมเทศนาให้แก่มูลนิธิบูรณพุทธ เพื่อที่จะน้อมถวาย องค์หลวงตาศิริ อินทสิริ นะครับ เพื่อประดิษฐานเป็นองค์ประธาน ณ สำนักสงฆ์ถ้ำผาขาวคีรีวงกลด จังหวัดกระบี่ ซึ่งงานพิธีหล่อองค์พระ ก็ได้ทำไปแล้วในวันอาทิตย์ที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๒ เวลาประมาน ๑๐.๓๙ ตามฤกษ์ นะครับ


ตอนนี้ความคืบหน้าขององค์พระก็เป็นไป โดยคืบหน้าไปเรื่อยๆ อันนี้องค์จริงนะครับ (ขื้นภาพ องค์พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา)

 

องค์จริงของพระ ที่มูลนิธิบูรณพุทธได้จัดสร้างขึ้นเป็นองค์ปฐมเทศนา เหมือนองค์จริงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะครับ


นี่ก็เป็นรูปของอาจารย์วุฒิกร พร้อมกับคณะทำงานของมูลนิธิบูรณพุทธนะครับ

แล้วก็มีการกล่าวมอบพระปางมารวิชัยนะครับ ที่เมื่อครู่นี้ พวกเราได้อาศัยเป็นองค์ประมุข องค์ประธานในการสวดมนต์ ท่านก็ได้กล่าวมอบ ท่านเจาะจงมอบให้กับมูลนิธิบูรณพุทธ ซึ่งผมก็ได้เอามาให้พวกเราได้สวด แล้วก็กราบไหว้ไปด้วยกัน

 

 

จริงๆแล้วถ้าใครได้เข้าใจจริงๆ นะครับว่า การสร้างพระพุทธรูป การแกะสลักพระพุทธรูปองค์ขนาดนี้ ได้งดงามละเอียดเท่านี้ ต้องใช้ฝีมือความสามารถเพียงใด ก็จะเห็นค่านะครับ แล้วก็เข้าใจได้ดีว่า พลังของผู้สร้างบริสุทธิ์ขนาดไหน แล้วก็ที่สำคัญ วัสดุหรือว่าสิ่งที่เอามาสร้างเป็นองค์พระ เป็นกิ่งไม้จากพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นจุดที่เชื่อกันว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่นั่นนะครับ

 

ทีนี้ถ้าหากว่า ครั้งต่อไปคุณสวดมนต์ แล้วจำได้ว่า เราจะอาศัยพระพุทธรูปเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้เกิดสมาธิอย่างไรนะครับ ก็จะมีคำถามน้อยลง เช่นว่า สวดมนต์มีประโยชน์อย่างไร หรือหลักการตรวจสอบว่า เราสวดมนต์แล้วพร้อมจะเจริญสติ เอามาทำสมาธิได้หรือเปล่า จะต่อยอดการสวดมนต์ เป็นเส้นทางของการดับทุกข์แบบพุทธศาสนาได้อย่างไรเนี่ยนะครับ ก็ดูที่จิตนั่นแหละว่า พร้อมจะเจริญสติ เห็นกายนี้ใจนี้โดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตนหรือเปล่า

 

อย่างเมื่อครู่นะครับ ตอนนี้ลองเล่าๆกันมาให้ฟังก็ได้ว่า สวดแล้วรู้สึกอย่างไร มีความรู้สึกว่าใจมีความสว่าง มีความสงบ มีความพร้อมที่จะทำสมาธิ หรือว่าเจริญสติต่อแค่ไหนนะครับ ก็บอกเล่าให้ฟังก็แล้วกัน แล้วก็เอาไปต่อยอดกันเอาเอง

 

ถ้าใครคิดว่าสวดครั้งแรก สวดครั้งเดียวยังไม่เก็ท (get) หรือว่ายังไม่ได้มีความเข้าใจเต็มๆ เดี๋ยวพอไลฟ์เสร็จแล้ว ย้อนกลับมาดูอีกก็ได้ สามารถย้อนกลับมาดูซ้ำ แล้วก็สวดตามแบบนี้แหละได้ไม่สิ้นสุดนะ

 

เพราะฉะนั้นคืออย่างที่บอกว่า ไม่ต้องคาดคั้นตัวเองว่าจะต้องสวดถูกตั้งแต่ครั้งแรก เพราะการสวดมนต์นี่ เอาจริงๆ คือสำหรับคนที่อยู่ในเมืองแบบเราๆท่านๆ ซึ่งไปเผชิญกับเหตุการณ์ที่ชวนฟุ้งซ่าน ชวนแส่ส่ายมามากๆทั้งวันนี่นะครับ สวดครั้งเดียวบางทีเอาไม่อยู่ ต้องสวดสัก ๓ รอบ หรือ ๗ รอบ

 

แต่ละรอบ ถ้าหากว่าเราสังเกตไปว่า ใจของเราขณะสวดมีความสงบ หรือว่ามีความฟุ้งซ่านต่างกันไปแค่ไหน ฟุ้งมากหรือฟุ้งน้อยแต่ละรอบนี่ ในที่สุดแล้วคุณจะพบความจริงว่า ถ้าสวดมนต์อย่างถูกต้องนะครับ จะไม่ต้องไปทำสมาธิเลยยังได้นะ บางทีนะ เพราะจิตเป็นสมาธิอยู่แล้ว  เป็นสมาธิในแบบที่จะเห็นกายนี้ใจนี้ แสดงความไม่เที่ยงอยู่ เราสามารถเจริญสติได้ในขณะสวดมนต์เลย

 

ทีนี้ถ้าสวดมนต์ได้แบบที่เราอาศัยองค์พระ เป็นประธานของจิตของใจนี่นะครับ จนกระทั่งเกิดความชำนาญมากพอ รู้แล้วว่าพุทธคุณเป็นอย่างไร เราก็อาจจะไม่จำเป็นต้องสวดมนต์ในห้องพระก็ได้ อาจจะไม่จำเป็นต้องยึดเอาพุทธนิมิตเป็นเครื่องตั้งสมาธิก็ได้ เพราะว่าจิตที่มีศรัทธาเคารพต่อพระองค์มีอยู่แล้ว พร้อมอัญเชิญพุทธคุณเข้ามาประดิษฐานอยู่แล้ว เราก็สวดปากเปล่าที่ไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้นะครับ

 

หลายคนชอบถามบอกว่า ถ้าสวดมนต์ในขณะที่กำลังจะนอนหลับ บาปหรือเปล่า

 

ไม่บาปนะครับ เป็นบุญมหากุศลเลย ถ้าสวดโดยอาการนี้ว่า เราสวดอย่างมีความเข้าใจ สวดถวายแก้วเสียงเป็นพุทธบูชา เพื่อที่จะอัญเชิญพุทธคุณเข้ามา พลังพุทธคุณ บอกแล้วย้ำๆ นะครับว่า คือพลังแห่งการดับทุกข์

 

ถ้าเราสวดมนต์ก่อนนอน แล้วใจเราไม่เป็นทุกข์ มีความสงบ แล้วเอาพระพุทธเจ้าเป็นเครื่องตั้งในการนอนหลับได้ เนี่ย!เป็นมหากุศลที่เยี่ยมที่วิเศษ

 

แล้วก็พลังพุทธคุณ ที่ประดิษฐานในจิตของเรานี่นะครับ ยิ่งกว่าที่ประจุอยู่ในองค์พระทุกองค์ในโลก เพราะพลังพุทธคุณที่แท้ จำไว้เลยนะครับอันนี้บอกครั้งที่สองนะ ไม่มีอะไรมาเทียบได้นะครับ

 

ไม่มีการประจุพลังจากผู้สร้าง หรือว่าพระเกจิรูปใด ที่จะสามารถเอาพลังพุทธคุณแท้ๆ มาลงได้หมดนะครับ พระพุทธคุณแท้ๆขี้นอยู่กับว่า คล้ายๆใครมือยาวสาวได้สาวเอา  

 

ใครมีความสามารถที่จะเอาจิต ไปตักตวงพลังพุทธคุณเข้าสู่จิตได้ด้วยความเคารพศรัทธาเฉพาะตนเพียงไหน ก็จะได้รับไปเพียงนั้น คือขึ้นอยู่กับว่ามีสัมมาทิฏฐิหรือเปล่า สัมมาทิฏฐิที่จะมองกายใจ โดยความเป็นของไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวตน

 

สัมมาทิฏฐิที่จะมองว่า จุดหมายสูงสุดของพุทธศาสนา คือการดับทุกข์ทางใจ แล้วก็ดับทุกข์ที่เป็นที่ตั้งของอุปาทานขันธ์ คือกายใจที่จะเกิดดับเป็นชาติๆไป อีกเรื่อยๆไปในสังสารวัฏนี่ ตัวนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด สำคัญสูงสุด

 

แล้วเป็นเหมือนกับ ถ้ามีพลังของสัมมาทิฏฐิเป็นพื้นฐาน เป็นทุนอยู่ก่อน จะมีความสามารถเหนี่ยวนำเอาพุทธคุณเข้าสู่ตัว มาประดิษฐานในจิต ได้มากกว่าชาวบ้านชาวเมืองเขานะครับ!

___________

ช่วง : ทดลองสวดมนต์ร่วมกันโดยใช้องค์พระ                      

ปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน พลังพุทธคุณจากการสวดถวายพร

วันที่ 15 สิงหาคม 2563

ระยะเวลาคลิป :  ๑๘.๒๔ นาที

รับชมทางยูทูบ : https://www.youtube.com/watch?v=3JfxWN9P71w            

ผู้ถอดคำ : แพร์รีส แพร์รีส


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น