ดังตฤณ : คำถามบอกว่า “ตามรู้ตามดูสภาวะไปเรื่อย ๆ” รู้อะไรครับ?
อันนี้ต้องถามด้วยว่า
ถ้ารู้ไปเรื่อย ๆ แต่คุณไปรู้ผิดจุด แล้วก็รู้แบบไม่แน่ไม่นอน มันแวบไปแวบมา
บางทีเราก็รู้สึกเหมือนไม่ได้อะไรเลย
แต่ถ้าหากว่าคุณแยกแยะถูก
เอาทฤษฎีสักนิดหนึ่ง รู้ลมหายใจ รู้สุขทุกข์ที่มากับแต่ละลมหายใจ
รู้ว่ากำลังฟุ้งซ่าน หรือว่ากำลังสงบ จิตกำลังเป็นกุศล หรือว่าอกุศลอยู่เนี่ยนะครับ
แค่นี้เรียกว่ารู้ไปเรื่อย ๆ ถูกแล้ว
แต่การรู้ไปเรื่อย
ๆ ด้วยภาวะของจิตที่มันฟุ้งซ่าน ด้วยภาวะของใจที่มันซัดส่าย จะเป็นการรู้ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
บางทีมันก็มีกำลังที่จะรู้ มีความพร้อมที่จะรู้ขึ้นมา พอไปทำงานมีสมาธิ
หรือว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ที่ผ่องแผ้ว
แต่ถ้าหากว่ากำลังเบื่อหน่าย
หรือว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ที่ฟุ้งซ่าน ไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย จิตใจโยกเยกไปมา
แบบนี้มันไม่สามารถรู้อะไรเลยนะครับ เพราะว่าความฟุ้งซ่านมันเอาไปกินหมด
เพราะฉะนั้นนอกจากจะรู้ไปเรื่อย
ๆ ต้องถามตัวเองด้วยว่า เรามีฐานที่ตั้งของสติที่แน่นอนแล้วหรือยัง
หรืออย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเรียกว่าเป็น วิหารธรรม นะครับ
วิหารธรรม ที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ชัด ๆ แล้วก็คะยั้นคะยอให้สาวกทุกคนทำ
คุณสามารถไปดูหลักฐานได้ในพระไตรปิฎกว่า พระพุทธเจ้าตรัสย้ำแล้วย้ำอีกนะ
อานาปานสติสำคัญที่สุดนะครับ เป็นเครื่องพยุง เป็นเครื่องทำให้สติของเราไม่พลาดไปเข้าช่องมารนะครับ
มาร ก็มีหลายแบบนะครับ มารภายนอก มารภายใน ส่วนใหญ่ก็คือมารภายในที่มารบกวนให้สติไขว้เขวออกนอกทาง ไม่สามารถที่จะเห็นอะไรแสดงความไม่เที่ยงได้นานนักนะครับ
๒๒
สิงหาคม ๒๕๖๓
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ตอน หยุดเบื่อด้วยอุเบกขา
คำถาม : ตามรู้ตามดูสภาวะไปเรื่อย ๆ
ถูกต้องมั้ยคะ?
ระยะเวลาคลิป ๒.๑๑
นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=mcUBGjh9T_U&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=7
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น