วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เจอแต่คนพูดหยาบ ขอแนวคิดเพื่อรับมือ

ดังตฤณ : เอาง่ายๆ นะ ขอให้ระลึกว่า การที่จิตของเราจะเป็นกุศลได้เรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องไปเจอภาวะที่เป็นกุศลอย่างเดียว ภาวะภายนอกที่เป็นกุศล

ขอแค่ภาวะภายในของเราเป็นกุศลนี่ อะไรๆ มาก็เป็นดอกไม้หมด ต่อให้เขาปาขี้มา ก็กลายเป็นดอกไม้ไปได้ ในโลกของวิญญาณ

 

ทีนี้ถามว่า อย่างไรเรียกว่าเป็นกุศลอันเป็นภายใน

ภาวะของกุศลอันเป็นภายในก็คือ การฝึกเจริญสติ ท่านบอกไว้นะ ชัดเจน ถ้าหากว่าเกิดอกุศลจิตขึ้นมา แล้วมีสติรู้ จิตจะเปลี่ยนจากอกุศล กลายเป็นมหากุศลจิตทันที ความหมายคือ เวลาที่เราได้ยินคำหยาบ แล้วเกิดจิตที่สกปรกตาม เกิดทุกขเวทนาขึ้นมาจากการได้ยินคำหยาบ เกิดความรู้สึกว่า เอ๊ย คล้ายๆ ไปรับของสกปรกเข้ามา รับเชื้อโรคเข้ามา

 

ถ้าเรามัวแต่รังเกียจ หรือว่าไปโมโหเขา เอ๊ย ทำไมมาพูดคำหยาบให้เราจิตสกปรกไปด้วยแบบนี้นี่ เรียกว่าเป็นการเพิ่มอกุศลเข้าไปอีก ไปคิดอกุศลกับเขา มีโทสะกับเขา

 

แต่ถ้าหากว่าเราได้ยินคำหยาบ กระทบหู แล้วใจเราหม่นหมอง มีความรู้สึกยุ่งเหยิง มีความรู้สึกว่าสกปรกตาม เสร็จแล้วเกิด สติ รู้ว่า ณ ขณะนี้จิตของเรามีความสกปรกอยู่ มีความเป็นอกุศลอยู่ แล้วเห็นว่าภาวะอกุศลนั้น จริงๆ แล้วนี่ ก่อตัวขึ้นจากการถูกกระทบ ที่โสตประสาท

พอคำหยาบหายไป ความสกปรกตรงนี้ ที่เกิดขึ้นในใจก็หายตามไปด้วย ยกเว้นแต่เราจะไปคิดต่อ เราจะไปตรึกนึก ไปด่าคนพูดหยาบคายนี่ว่า เอ๊ย ทำไมมาพูดหยาบคาย หรือไปขัดเคืองไม่พอใจเขา อันนี้จิตแหละจิตจะเกิดความขุ่นมัวต่อ

 

แต่ถ้ามีสติ พิจารณาว่า เหมือนกับการที่เราจุดไม้ขีดไฟ เราเอาไม้ขีดไปสีกับกลัก แล้วเกิดไฟลุกขึ้นมา ถ้าหากว่าเราทำลายไม้ขีดทิ้ง ไฟก็หายไป เหมือนกัน คำหยาบนั้น จะอยู่กี่นาทีก็ตาม เราก็ดูไป เออนี่ จิตของเราปรุงแต่งให้เกิดความสกปรกตามเขา ก็ดูๆๆ จนกระทั่งความสกปรกนั้น แสดงให้เห็นว่า เดี๋ยวมันก็สกปรกมาก เดี๋ยวมันก็สกปรกน้อย ตามคำพูดของเขา หรือ ตามสติของเรา

 

ถ้าสติของเราแยกออกว่า คำพูดหยาบคายกระทบโสต แต่จิต ไม่เอากับคำหยาบ จิตก็จะตั้งอยู่กับความสว่าง

แต่ถ้าเมื่อไหร่จิตมันเอาความหยาบคายของเขา เอาความสกปรกของเขามา ก็ถูกปรุงแต่งให้หยาบคายตาม

หรือมีความเห็นว่า หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยอมรับตามจริงว่าจิตมันหม่นหมอง มีความสกปรกตามคำ แล้วพอคำดับไป แล้วเราไม่ปรุงแต่งต่อ จิตก็กลับสว่าง อาจไม่ทันที แต่จะค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมา

 

นี่คือลักษณะของการมีสติ นี่คือลักษณะของการมีธรรม อันเป็นกุศลภายใน เป็นธรรมอันเป็นกุศลภายในที่จะต้อนรับ จะโต้ตอบกับธรรมอันเป็นอกุศลภายนอก

 

ถ้าหากว่าเรามีธรรมภายในแล้วนี่นะ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องไปมีความวิตกว่าเดี๋ยวเราจะพลอยตกต่ำตามเขาไปด้วยหรือเปล่า เพราะว่า สติ บางทีนี่นะ คำหยาบๆ คายๆ กลายเป็นดอกไม้ขึ้นมาเลย กลายเป็นธรรมะอันวิเศษขึ้นมาเลย เพราะว่าเราได้เห็นว่า การปรุงแต่งคำหยาบในจิตของเขา มันพลอยเปื้อนในจิตของเรา แล้วเห็นว่าจิตของเรานี่ ไม่รับความเปื้อนนั้น จะรู้สึกเลยว่า ภาวะมันแยกได้เป็นชั้นเลยนะ เหมือนกับ น้ำกับน้ำมัน

 

น้ำมันไม่สามารถจมลงไปในน้ำได้ เหมือนกัน ความสกปรกที่มันเข้ามากระทบนี่ จะเหมือนกับเป็นอะไรมืดๆ เป็นแผ่น เป็นปื้นๆ เข้ามาอยู่ได้แค่ขอบๆ ของจิตที่ขอบผิวนอกของจิต แต่พอจิตไม่รับ ก็สลายตัวไป

 

พอเห็นได้อย่างนี้นี่ เราจะนึกขอบคุณเขาเสียอีก ที่พูดคำหยาบให้เราได้มีสติพิจารณาว่า ของสกปรกไม่จำเป็นต้องมาเกลือกกลั้วกับของสะอาดเสมอไป และของสกปรกนั้นจะแสดงความไม่เที่ยงถ้าหากว่าเรามีสติ รู้ทันที่จะเห็นอย่างถูกต้องนะครับ!

__________

คำถามเต็ม : วลาได้ยินคนพูดคำหยาบคาย เราอยากจะหยุดพูดทันที แล้วบางรู้เหมือนจิตมันถอยหลบเลย แต่ในชีวิตเราต้องเจอคนพูดคำหยาบเยอะมากเลยค่ะ ควรใช้แนวคิดแบบไหนดีคะ?

 

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน บรรลุมรรคผลขณะสวดมนต์ได้ไหม?

วันที่ 25 กรกฎาคม 2563

ถอดความ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=wB6z5MqOKRU


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น