ดังตฤณ : อันนี้เป็นความคาใจ ที่บอกว่า เอ๊..พระเวสสันดรท่านได้ทำทานด้วยบุตรและธิดา
แล้วเห็นชัดๆว่า บุตรและธิดาจะต้องเป็นทุกข์
คือเราไปมองแค่ตรงนี้ไม่ได้
ต้องมองจุดประสงค์ของท่าน ในประวัติของพระเวสสันดรที่บันทึกไว้ก็คือ
ท่านรู้ว่าท่านจะมีความปรารถนา แล้วก็จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งนะครับ
แล้วท่านก็ตั้งใจให้ชาตินั้น เป็นชาติแห่งการบริจาคออก เป็นการไม่ยึดติด
เพื่อที่ให้ใจเนี่ย คือมันไม่มีอะไรเหลือจริง ๆ มีแต่การคิดให้จริง ๆ
แล้วท่านไม่ได้บริจาคแค่บุตรและธิดา
แต่ท่านคิดบริจาคเลือดเนื้อขององค์ท่านเองด้วยเป็นทาน คือท่านตั้งใจไว้เลย ใครมาขอดวงตาท่านให้บริจาคให้เป็นทานเนี่ย
ท่านจะควักให้เดี๋ยวนั้นเลย
ทีนี้คือว่า
เราไม่อยากมองเป็นเรื่องจริงจัง หรือว่าเอ๊..ทำไมอดีตชาติของพระพุทธเจ้าทำอย่างนี้
เรามองเป็นเรื่องอุปมาอุปไมยได้มั้ยว่า การที่ใครคนหนึ่งจะพ้นทุกข์ในทางพุทธได้ คน
ๆ นั้นจะต้องไม่ยึดมั่นถือมั่นในความมีกายมีใจนี้ อันนี้ข้อนึง
เรื่องที่ว่าจุดประสงค์ จุดประสงค์ของท่านเนี่ย ทำให้ท่านบริจาคได้ทุกอย่าง ไม่ใช่อยู่
ๆ ท่านรังเกียจบุตรธิดา แล้วก็ไปบริจาคทิ้ง
โดยไม่สนใจว่าบุตรธิดาจะมีความทุกข์เช่นไร ท่านต้องการให้บุตรและธิดาของท่านเนี่ย
ได้มีส่วนในเส้นทางของอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณด้วยนะครับ
แล้วพิสูจน์
อันนี้เวลาที่เรามองประวัติของพุทธ เรามองที่จุดใดจุดหนึ่งไม่ได้
เราต้องมองตั้งแต่จุดเริ่มต้นถึงจุดสุดท้าย จุดสุดท้ายคืออะไร จุดสุดท้าย คือ
บุตรและธิดาของท่าน คือพระนางพิมพาแล้วก็พระราหุลในชาติสุดท้ายนะครับ
พระโอรสของท่านได้กราบขอบพระคุณท่าน ที่ช่วยให้พระนางพิมพากับพระราหุลได้บรรลุอรหัตตผล
ซึ่งเป็นสมบัติที่ดีที่สุด เหนือกว่าการมีเลือดเนื้อกายใจความเป็นมนุษย์
เราต้องดูตรงนี้ด้วยนะ ดูที่ปลายทางว่า สุดท้ายแล้วพวกท่านพากันไปไหน
การเชื่อแบบพุทธ
การศรัทธาแบบพุทธนะครับ เราต้องมองอย่างนี้นะว่า สุดท้ายแล้วลงเอยอย่างไร
เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ สุดท้ายแล้วพระนางพิมพาและพระราหุลได้ข้อสรุปตรงกันว่า
การมีกายนี้ใจนี้ ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆแบบไม่รู้จบ ไม่รู้อีโหน่อีเหน่
เป็นความทุกข์
สิ่งที่พวกท่านต้องการกันจริง
ๆ คือบรมสุขจากการไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดด้วยความหลงผิดอย่างที่เคยอีก
แล้วมีแต่กำลังของพระมหาบุรุษ คือพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทำได้
ทีนี้การเป็นพระพุทธเจ้าเนี่ย
ไม่ได้สั่งสมบารมีกันชาติเดียว ท่านต้องสั่งสมกันมายาวนาน สี่อสงไขยมหากัปเป็นอย่างน้อย
คือถ้าหากว่าเป็นพระพุทธเจ้าประเภทปัญญาธิกะ คือมีปัญญามากเนี่ย
ใช้สี่อสงไขยมหากัปนะครับ นานแค่ไหน ก็เอาเป็นว่า ถ้าคุณนึกถึงคำว่าล้าน ๆ ได้ และคุณประมาณได้นะว่า
จำนวนมันแค่ไหน นั่นแหละประมาณอย่างนั้นแหละ ล้าน ๆ ชาติ
เห็นมั้ยมันนึกไม่ออกใช่มั้ยว่าล้าน ๆ มันมีประมาณเท่าไหร่ แต่จริง ๆ แล้วเนี่ย
มันนานกว่านั้น มันใช้จำนวนชาติเนี่ย นานกว่านั้นนะ
ถ้าเรามองเป็นเกมนะ
เกมของสังสารวัฏ ใครที่จะมีความสามารถมากพอ ที่จะขนสัตว์ออกไปได้มาก ๆ เนี่ย
ต้องมีความเสียสละยิ่งใหญ่ และความเสียสละที่ยิ่งใหญ่
ก็พิสูจน์ได้ด้วยการที่เราเสียสละเลือดเนื้อของตัวเองเป็นประโยชน์แก่มหาชนได้
ทีนี้ก็มีเรื่องเล่าว่า
พระนางพิมพากับพระราหุล หรือในสมัยที่ท่านเป็นชายาของพระเวสสันดรนะครับ
ก่อนที่จะมาเป็นพระชายาของพระเวสสันดร ท่านเคยอธิษฐานมาก่อนว่า
จะขอติดตามพระโพธิสัตว์องค์นี้
คือสมัยนั้นที่ท่านได้เริ่มอธิษฐานคู่กันเลยเนี่ยนะ
ตอนนั้นพระพุทธเจ้าเป็นฤาษีเป็นพราหมณ์ที่มีฤทธิ์ ส่วนพระนางพิมพ์ในชาตินั้น ก็เป็นนางชาวบ้าน
ที่ได้รู้ว่าสุเมธดาบส ตอนนั้นท่านเป็นดาบสชื่อสุเมธ
ท่านได้อธิษฐานต่อเบื้องพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งว่า
ด้วยบุญที่ข้าพเจ้าทำทางให้พระพุทธเจ้าและพระสาวกเสด็จนี้
ขอให้ข้าพระองค์ได้บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ได้ขนสัตว์ออกจากสังสารวัฏ เหมือนเช่นที่พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นได้ทำแล้ว
พระพุทธเจ้าก็ตรัสมีนักเทศน์พยากรณ์บอกว่า
เอออย่างนี้เนี่ย จะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในกาลข้างหน้า ชื่อว่า พระโคดม
หรือว่า พระโคตม ซึ่งหญิงชาวบ้านผู้หนึ่งได้เห็นการอธิษฐานนั้น ก็เกิดจิตเลื่อมใส แล้วก็ขอปวารณาตัว
ขออธิษฐานตามว่า ขอให้ตัวเองจงได้ติดตามพระองค์ไปทุกภพทุกชาติในฐานะบาทบริจาริกา
คือเป็นผู้ติดตามนะครับ เป็นหญิงผู้พร้อมจะสละแม้กระทั่งชีวิต เพื่อให้เส้นทางพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณได้สำเร็จ
นางได้อธิษฐานมาอย่างนี้
ตรงนี้นะครับในเรื่องแบบพุทธเนี่ย
บางทีมันเป็นเรื่องที่เรามาตรึกตรองกันด้วยความรู้สึกแบบคนธรรมดาไม่ได้นะครับ
ต้องรู้ที่มาที่ไป จุดตั้งต้นอยู่ที่ไหน จุดกลางอยู่ที่ไหน จุดลงเอยอยู่ที่ไหน
แล้วคือเรื่องทั้งหลายเนี่ย จะจริงไม่จริงแค่ไหนยังไงก็ตามนะครับ
เรามาสนใจจุดสุดท้ายดีกว่าว่า พระนางพิมพากับพระราหุลกล่าวไว้ตรงกัน
มาขอบพระคุณพระพุทธเจ้าก่อนที่จะลาไปนิพพานว่า
ข้าพระองค์ถือว่าเป็นบุญอย่างสูงสุดในการเดินทางท่องเที่ยวเกิดตายเป็นอนันตชาติในสังสารวัฏนี้
ที่ได้ติดตามพระองค์มาจนถึงชาติสุดท้าย ไม่ว่าเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น
แม้กระทั่งพระองค์ได้ทรงบริจาคเลือดเนื้อให้เป็นทาน ก็รวมอยู่ในการขอบคุณนั้นด้วย
เพราะเป็นเกียรติที่ได้ร่วมสร้างบารมี แล้วก็ช่วยให้พระองค์ได้สำเร็จพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ได้เป็นพระพุทธเจ้า รื้อขนสัตว์ออกจากสังสารวัฏได้
อันนี้จริง
ๆ แล้ว ถ้าจะพูดให้ละเอียดยิ่งกว่านี้ มันพูดได้อีกยาวนะครับ แต่ใจความสรุปจริง ๆ
เลยก็คือว่า พระพุทธศาสนาไม่ใช่พุทธศาสนาที่จะให้ความพอใจกับคนได้ทุกคน
แม้แต่พระพุทธเจ้า
ในสมัยที่พระองค์ยังทรงพระชนม์ ก็มีลัทธิต่าง ๆ ได้รับความเดือดร้อน ที่ศาสนาพุทธของพระองค์เจริญกว่า
มีคนไปเคารพบูชากราบไหว้กันมากกว่า เนี่ยพวกเขาไม่มีทิฏฐิ
ไม่มีความเข้าใจว่าพุทธศาสนาเกิดขึ้นมาเพื่ออะไร สอนคนให้สำเร็จอะไร
ก็เลยเห็นเป็นแค่ปฏิปักษ์ หรืออย่างเรา ๆ ท่าน ๆ บางทีไปมอง ๆ
จากสเกลเล็กไปทำความเข้าใจสเกลใหญ่บนเส้นทางแบบพุทธเจ้าบางทีก็เกิดความคลางแคลงว่า
เอ๊ .. แบบนี้เนี่ยดีเหรอ แบบนี้มันไม่เป็นไปตามคอมมอน เซ้นส์ (common sense) ของคนมีจิตสำนึกแบบธรรมดานะครับ
เราก็ต้องทำใจ
เพื่อที่จะให้เกิดความรู้สึกเป็นธรรมกับพระพุทธเจ้า ก็คือว่า ดูพระองค์ว่าพระองค์ต้องการอะไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนะ ไม่ใช่ความต้องการให้พระองค์เองนะครับ
แต่ต้องการอะไรให้กับสงสารสัตว์ที่ไม่มีประมาณนี้นะครับ พวกเรา ๆ ท่าน ๆ นี่แหละ
แล้วเส้นทางที่พระองค์จะบรรลุถึงเนี่ย จะต้องทำอะไร จะต้องผ่านเส้นทางแบบไหน
แล้วจริง ๆ เรื่องพระเวสสันดรเนี่ย จะจริงหรือไม่จริง ในยุคเราเนี่ยนะ ไม่มีทางพิสูจน์ แต่สิ่งที่พิสูจน์ได้ก็คือว่า ถ้าพระองค์ผ่านเส้นทางนั้นมาจริง พระองค์ทำประโยชน์สูงสุดให้กับชาวโลกแล้ว คือสามารถเอาออกจากสังสารวัฏ คือทุกเส้นทางอันกันดารนี้ได้ ตัวนี้แหละที่จะเป็นจุดที่อยากให้จำกันจริง ๆ อย่าจำแค่ว่ามีเรื่องราวแบบไหนเกิดขึ้นนะครับ
----------------------------------------
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๓
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ตอน พลังพุทธคุณจากการสวดถวายพร
คำถาม คือสงสัยเรื่องพระเวสสันดร
ว่าท่านได้ให้บุตรและชายาตามคำขอแก่ชูชก
คนสมหวังและมีความสุขคือชูชกคนเดียว
ส่วนบุตรและชายาคงต้อง
มีความทุกข์แน่นอน อยากทราบคำตอบว่าอะไรคือบุญ
อะไรคือความสุขจากการให้ในเรื่องนี้คะ?
ระยะเวลาคลิป ๑๐.๑๗ นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=G0Y_hO_-GvM&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น