ดังตฤณ : ญาณ เป็นความรู้อันยิ่ง เป็นความเห็นที่มันพ้นจากความนึกคิดไป เป็นความรู้ชัด
นามรูปปริจเฉทญาณ มันเกิดขึ้นเองนะครับ ไม่ใช่ตั้งใจให้มันเกิด
คนยุคเราบางทีเนี่ยไปตั้งอกตั้งใจให้เกิดนามรูปปริจเฉทญาณ จนกระทั่งสร้างรูปแบบขึ้นมาเพื่อที่จะเห็นนามรูปปริจเฉทญาณก็มีนะ
จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าสอนสติปัฏฐาน ๔ ท่านไม่เคยมากะเกณฑ์นะครับว่า เราจะต้องเกิดญาณขั้นนั้นขั้นนี้อย่างไร
ท่านให้เห็นไปตามลำดับว่า
ส่วนของกายไม่ว่าส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดไม่เที่ยง
แล้วก็ส่วนของเวทนาความสุขความทุกข์
หรือว่าส่วนของจิต
จิตมันจะสงบหรือฟุ้งซ่าน
หรือส่วนของธรรม
อันไหนเป็นเครื่องขวางของสติ
อันไหนเป็นเครื่องที่ยังจิตให้ปลอดโปร่งพร้อมบรรลุธรรม
เนี่ย!
ท่านให้มองให้หมดเลยว่า มันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน
คือเห็นไปอย่างนี้เรื่อยๆโดยไม่ต้องตั้งคำถามนะครับว่า เราเห็นมาถึงไหนแล้ว
คือพูดง่ายๆว่า ถ้าเห็นอยู่ในทิศทางที่ใช่ เห็นอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง แล้วก็รู้สึกว่ามันไม่เที่ยงไปเรื่อยๆ ในที่สุดแล้วนะครับ มันเกิดภาวะแยกรูปแยกนามไปเอง
อย่างที่ผมตอบคำถามก่อน อันนั้นก็คือการแยกรูปแยกนามได้นะครับ พอเห็นเป็นชั้นๆ พอเห็นว่าไม่เกี่ยวข้อง ไม่ปะปนกัน ตัวนี้ก็คือแยกรูปแยกนามได้แล้ว ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจว่า จงเกิดขึ้น
แต่ว่าเกิดขึ้นเพราะว่าเราพิจารณา เราไต่ลำดับไปเป็นขั้นเป็นตอน แล้วเกิดความชำนิชำนาญมีความเชี่ยวชาญ ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องเค้น ไม่ต้องพยายามมีสติเป็นอัตโนมัติขึ้นมานั่นแหละ ตัวนี้แหละกายใจมันปรากฏโดยความเป็นของที่มันมีอยู่แล้วไปเองนะครับ
คือเราแค่จูนจิตให้ไปเห็นได้เท่านั้นแหละ การที่เราบอกว่า จงเกิดนามรูปปริจเฉทญาณนี่ต่างหาก เราไปคิดถึงธรรม แล้วก็ไปสมมุติขึ้นมาว่า จะต้องตั้งท่าอย่างนั้นอย่างนี้ กะเกณฑ์ตัวเองอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งจริงๆแล้วเนี่ย พอไปกะเกณฑ์มันกลายเป็นมโนภาพ มันกลายไปเป็นจินตนาการขึ้นมา เป็นจินตามยปัญญาขึ้นมาว่า เราควรจะเห็นร่างกาย ควรจะเห็นสภาวะทางจิตใจอย่างไร ซึ่งมันเป็นสมมุติทั้งหมด ของจริงเนี่ยมันต้องไต่ไปตามลำดับขั้น
หายใจแล้วรู้หรือเปล่าว่า หายใจเข้า หรือหายใจออก
หายใจแล้วรู้หรือเปล่าว่า
ลมหายใจมันยาวอยู่ หรือว่าสั้นอยู่
เริ่มต้นจากตรงนี้
แล้วพอมันไต่ไปตามลำดับขั้น หายใจแล้วรู้ว่าอยู่ในอิริยาบถใด หายใจ
อยู่ในอิริยาบถใด
รู้สึกเบา หรือว่ารู้สึกหนัก
เนี่ย!
รู้อย่างนี้ มันแยกเป็นขั้นๆแล้วก็เห็นไปเองว่า รูปกับนามเป็นคนละส่วนกัน
เป็นคนละชั้นกัน ไม่ปะปนกัน แยกต่างหากจากกัน
------------------------------------------
๕
ธันวาคม ๒๕๖๓
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ตอน นับถือศาสนาอื่นเจริญสติได้ไหม?
คำถาม : มีข้อสงสัยว่า ถ้าเราไม่สามารถดำเนินจิตให้เห็น นามรูป ปริจเฉทญาณ ตามรู้ ตามดู ความคิด ความรู้สึกเรื่อยๆ จะสามารถพัฒนาจิตได้หรือไม่อย่างไร?
ระยะเวลาคลิป ๓.๕๓
นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=eqj0Yi6KG7A&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=3
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น