ตอนที่ ๑๐ แฮกเกอร์
ขณะนั่งทานข้าวกลางวันที่โรงอาหาร
ณชะเลมีแต่ความกระวนกระวายอยู่ไม่สุข เหลียวหน้าเหลียวหลังอยู่ตลอดเวลา
ผิดปกติวิสัยจนปาเจราต้องถามอย่างอดรนทนไม่ได้
“เป็นอะไรของเธอหือ?”
ณชะเลสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงถามดุๆ
นั้น ก้มหน้าก้มตาเคี้ยวข้าวก่อนตอบอุบอิบ
“รู้ๆ อยู่ กลัวโดนโรคจิตแอบถ่ายอีกน่ะซี หันไปหันมาจะได้ยิงไม่ทัน”
เพื่อนสาวสองคนหัวเราะพร้อมกัน
ปาเจรามองณชะเลด้วยสายตาสงสารแกมอนาถใจ
“เพื่อความสบายใจ เอาถุงก๊อบแก๊บคลุมหัวเลยสิเธอ เดี๋ยวฉันเจาะรูลูกตาให้เอง”
ใบหยกช่วยแซวอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน
“ทรายจะมีสิทธิ์ขึ้นปกนิตยสารก็คราวนี้อ่ะม้าง
อันที่จริงตากล้องลึกลับนี่ก็ไม่ใช่เบานะ สงสัยเป็นมืออาชีพ เข้าใจถ่ายเหลือเกิน”
ณชะเลค้อนเพื่อนตาคว่ำ
“ยังไปชมอีก!”
“ฝีมือดีก็ต้องชมซิ ว่ากันตามเนื้อผ้า
บางมุมนี่ฉันว่าสวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นรูปเธอมาเชียวล่ะ พี่ชายฉันเขาซี้ดซ้าดใหญ่
อ้อนวอนขอให้พามาเจอเธออยู่เนี่ย จะรับใบสมัครไหม? เขากลับจากอังกฤษเดือนหน้านี้พอดี”
ณชะเลเงยหน้าทำตาเขียว
“นี่หยกไปช่วยเจ้าโรคจิตนั่นเผยแพร่รูปทรายต่ออีกเหรอ?”
“จะเป็นไรไปล้าว รูปหมู่พวกเราฉันก็เคยส่งให้พี่ฉันดูบ่อยๆ
เพียงแต่ไม่โคลสอัพแจ่มแจ๋วสะกดหัวใจขนาดนี้”
“เธอบอกหรือเปล่าว่าฉันไม่ได้เป็นคนเขียนข้อความยั่วน้ำลายพวกนั้น?”
ใบหยกหัวเราะไถล
“เอ๊อ! อันที่จริงนอกจากตากล้องจะมีฝีมือแอบถ่ายเนี้ยบและแนบเนียนแล้ว
ยังเขียนยั่วผู้ชายให้ฝันไปไกลได้ชะงัดอีกด้วยนะ ความสามารถหลากหลายซะจริงๆ
เธอแน่ใจนะว่าเธอเปล่า?”
“หยก… นี่เธอเห็นเป็นเรื่องสนุกเหรอ?”
พอเห็นณชะเลหน้าเข้ม
ใบหยกก็ลุกขึ้นยืนครึ่งตัวยื่นสองมือข้ามฝั่งไปประคองใบหน้าอีกฝ่ายและยีแก้มเล่นอย่างเอ็นดู
“อย่าซีเรียส ขอบอก ตอนแรกฉันรู้เข้ายังช่วยเธอตกใจทางโทรศัพท์อยู่เลย
จำไม่ได้เหรอ?”
ณชะเลโยกศีรษะหลบจากมืออีกฝ่าย
“เธอตื่นเต้นวี้ดว้าย ไม่ได้ตกใจอะไรเลย แล้วก็หัวเราะหน้าเป็นมาตลอด”
ใบหยกหัวเราะซ้ำ
กลับลงนั่งตามเดิมก่อนกล่าว
“ทรายจะไปเครียดทำไมล่ะ เขาอุตส่าห์ช่วยโปรโมทหน้าตาให้
เดี๋ยวนี้เดินไปทางไหนมีแต่คนเรียกไอโกะๆ ”
“เธอลองบ้างไหมล่ะ มีแต่คนจับกลุ่มจ้องแล้วสุมหัวซุบซิบนินทาน่ะ”
“แบบนั้นน่ะโดนประจำมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? เถอะน่า… คิดมากตอนกินข้าวระวังโตขึ้นจะเป็นหมันนะยะ”
ปาเจราถามยิ้มๆ
“เกี่ยวด้วยเหรอะ?”
“พวกเธอไม่รู้อาราย ภาวะมีบุตรยากเริ่มมาจากโรคคิดมากเนี่ยแหละ
กินข้าวกินปลายังไม่เว้น ยิ่งโตถึงได้ยิ่งเครียด พอเข้าพิธีสมรสก็หมดอารมณ์พอดี”
ปาเจราฟังอรรถาธิบายแล้วอดหัวเราะซ้ำไม่ได้
ก่อนหันไปทางณชะเลแล้วตำหนิตรงๆ
“เธอนี่อะไรๆ ก็ดีหรอก เสียอย่างเดียวชอบทำหน้าเหมือนคุณหนูเก็บกด
ฉันว่าเธอเลิกวอรี่เถอะทราย ใครถามก็บอกตามจริงแล้วกันว่าหนูเปล่า หนูไม่รู้
อย่างที่บอกๆ ไปแล้วน่ะ ลิงที่ไหนไม่เชื่อฉันจะช่วยตบให้หน้าหันมาเชื่อเอง
นี่เธอก็เขียนขอร้องเจ้าของเว็บแล้วไม่ใช่เหรอว่านอกจากช่วยลบแล้วให้ช่วยลงประกาศแจ้งด้วยว่าเธอโดนสวมรอย”
ณชะเลยังทำหน้ายุ่งไม่เลิก
“พวกเธอไม่มีวันคิดอย่างที่ฉันคิดจนกว่าจะโดนด้วยตัวเอง
เรื่องที่ผ่านไปแล้วน่ะ มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น แต่ที่จะตามมาล่ะ
นี่ไอ้โม่งไปประกาศแล้วเห็นไหมว่าจะส่งรูปในชุดว่ายน้ำไปให้ดู
ท่านี้ฉันโดนตัดต่อแหงๆ เลย”
ปาเจราเริ่มเห็นใจ
แต่ขณะเดียวกันยิ่งเห็นอาการทุรนทุรายของเพื่อนก็ยิ่งคึก
“เป็นไปได้…” เอ่ยพลางทำคออ่อนยกมือลูบแก้มในท่าเอียงอาย “ความจริงฉันก็น่ารักพอๆ
กับเธอนั่นแหละ นั่งกับเธออย่างนี้อาจตกเป็นเหยื่อ พลอยโดนลูกหลงจากพวกโรคจิตไปด้วยแน่เลย… ดีจัง”
ใบหยกเห็นเพื่อนซี้ทำท่าทำทางแล้วหัวเราะใหญ่ด้วยความเป็นคนเส้นตื้น
และพอปาเจราเห็นเพื่อนหัวเราะเลยช่วยกันหัวเราะตามเป็นที่สนุกสนาน
ณชะเลยกมือปิดหน้า
เริ่มสะอึกสะอื้นทีละน้อย ยังผลให้สาวอารมณ์ดีทั้งสองชะงักกึก
“ทราย…” ปาเจรายื่นมือไปจับข้อมืออีกฝ่าย “อย่าคิดมากซี่ที่รัก”
ณชะเลลดมือลง
มองเพื่อนทั้งสองผ่านน้ำตาคลอเบ้า
“ฉันจะคิดน้อยลงถ้าพวกเธอเห็นใจฉันมากกว่านี้หน่อย”
“โอ๊!” ใบหยกร้องด้วยความรำคาญ “เจอเท่านี้ทำโอด คนอื่นเขาโดนหนักเสียจนอยากผูกคอตายกัน
เป็นผู้หญิงยุคเราน่ะ แค่เข้าส้วมสาธารณะแบบพรวดพราด
หย่อนก้นสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ดูตาม้าตาเรือให้ดีก็เสร็จแล้วแกเอ๊ย
กลายเป็นดาวโป๊ไม่รู้ตัวมาตั้งเท่าไหร่… เอางี้! เดี๋ยวเราขอให้เจ้าของเว็บช่วยสืบหาว่ามือดีนี่เป็นใคร
แล้วเราไปช่วยกันแอบถ่ายมันคืนมั่ง”
“เออ! ดี” ปาเจราเอออวย “ให้มันรู้ซะบ้างว่าทำเพื่อนเราจะต้องโดนเอาคืนขนาดไหน”
ทั้งสามทานข้าวทานปลาต่อ
ณชะเลก้มหน้างุดด้วยอาการน้อยใจ
อดเปรียบเทียบไม่ได้ว่าเพื่อนสนิทที่คบกันมาเกือบสามปียังเป็นห่วงเป็นใย
เดือดร้อนแทนหล่อนไม่เท่าหนึ่งในร้อยของมิตรเก่าผู้ห่างหายไปนานอย่างจองฤกษ์
สองสาวที่นั่งตรงหน้านี้ดีแต่คิดช่วยคลายเครียดด้วยการล้อเลียนให้เห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน
อาจเพราะมุมมองต่างกัน
สองคนนี่ไม่รู้สึกว่าสิ่งที่หล่อนประสบนั้นร้ายแรงอะไรนักหนา
ขณะที่ทำให้หล่อนถึงขั้นเห็นเป็นสัญญาณภัยอันเกิดจากบุคคลลึกลับที่พึงระวังเลยทีเดียว
ใครจะรู้ วันนี้เขาแอบถ่าย วันหน้าจะก้าวล้ำไปอีกกี่ขั้น?
ขณะนั้นเอง
มีเด็กสาวร่างท้วมคนหนึ่ง เดินมานั่งลงข้างปาเจรา
ใช้สายตาจ้องมองณชะเลซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเครียดๆ
“พี่ทรายใช่ไหม?”
ณชะเลเงยหน้าขึ้น
พอเจอหน้ายุ่งๆ กับสายตาเครียดๆ นั้นแล้วรู้สึกไม่อยากคุยด้วยทันที
“ใช่…”
หล่อนตอบตามมารยาท
“หนูมาขอโทษ”
ทุกคนฟังออกว่ารุ่นน้องต้องฝืนกัดฟันแทบตายเพื่อพูดคำนั้นออกมา
อีกทั้งยังอุตส่าห์ยกมือไหว้ท่วมหัวเป็นของแถม
แต่นั่นก็เหมือนหุ่นกระบอกที่สักแต่กระดกอะไรอย่างหนึ่งให้ดูเท่านั้น
ไม่มีใจจริงเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง
“บอกแฟนพี่ด้วยว่าหนูทำตามคำสั่งเขาแล้วนะ พูดขอโทษแล้ว ยกมือไหว้แล้ว
เอาพาสเวิร์ดมา และต่อไปอย่ามายุ่งกับหนูอีก!”
ท่ามกลางการตกตะลึงจังงังของสามสาว
รุ่นน้องคนนั้นพูดจบก็ลุกพรวดพราดเดินลงส้นตึงๆ จากไปทันที
ไม่เหลียวหลังกลับมาอีกเลย
“ใครอ้ะ?”
ปาเจราถามงงๆ
ไม่เจาะจงว่าอยากให้ใครตอบ สามสาวหันหน้าเข้าหากัน ใบหยกพึมพำวิพากษ์วิจารณ์ตามที่ตาเห็น
“หน้าโหล แถมท้องป่อง น่องทู่ ดูก้าวร้าวอีกต่างหาก
เป็นไปได้ยากที่จะอยู่ในความทรงจำ”
ปาเจราหัวเราะดังๆ
แบบไม่หุบปาก ขณะที่ณชะเลครุ่นคิดทบทวน
“ทรายเคยเห็น” เด็กสาวบอกตามจริง “รู้สึกจะยืนอยู่ในแถวนักเรียนชั้น ม.๔
พวกเราเดินสวนกับเขาอยู่เรื่อย แล้วก็มักจะมองทรายเขม็งบ่อยๆ ”
“อยู่โรงเรียนเดียวกันก็ต้องสวนกันทั้งนั้นแหละ” ปาเจราเอ่ย “แต่จะเห็นบ่อยหรือไม่บ่อยก็ขึ้นอยู่กับมีแรงดึงดูดแค่ไหน
สำหรับยายคนนี้คงมองเธอคนเดียว เลยดึงดูดตาเธออยู่คนเดียว
เพราะเกิดมาฉันว่าฉันไม่เคยเห็นซักกะครั้ง… ว่าแต่ยายนี่ขอให้ทรายทำอะไรหว่า? พูดจาไม่รู้เรื่อง”
ใบหยกเสริมทันที
“แล้วเธอไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่เห็นบอกยะ?”
ณชะเลเริ่มเอะใจตั้งแต่รุ่นน้องให้หล่อนไป ‘บอกแฟน’ แล้ว
รู้สึกสังหรณ์ว่านี่น่าจะเกี่ยวข้องกับจองฤกษ์ในทางใดทางหนึ่งอย่างแน่นอน
และถ้าเกี่ยวกับจองฤกษ์
ก็ต้องเกี่ยวกับไอ้โม่งที่หล่อนเฝ้าวนเวียนคิดถึงจนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่เป็นแน่
ร่ำๆ
จะลุกขึ้นเดินตามไปถามไถ่รุ่นน้องร่างท้วมคนนั้นให้รู้เรื่อง แต่หน้าตาไม่รับแขกของอีกฝ่ายทำให้ไม่กล้า
และคิดว่าเดี๋ยวคืนนี้ค่อยถามจองฤกษ์เพื่อซักไซ้ให้รู้แจ้งจะดีกว่า
เพราะอย่างไรเขาก็คงโทร.มาหาหล่อนแน่อยู่แล้ว
คืนนี้เด็กหนุ่มกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
ไม่มีความขลาดกลัวกับการโทรศัพท์หาเพื่อนสาวเหมือนสองคืนก่อน เห็นได้ชัดว่าผลงานทำให้คนเรากล้าหาญและมีเรื่องพูดคุยมากมาย
“ฮัลโหลค่ะ”
เสียงมารดาของณชะเลเป็นผู้รับสาย
“ขอสายทรายครับ ผมฤกษ์นะครับ”
เขาเอ่ยขอแบบเปิดเผยตัวไม่กลัวเกรงอะไร
วันนี้ตั้งใจจะขอเบอร์มือถือของลูกสาวหล่อนเป็นรางวัลด้วยซ้ำ
รสรินอึ้งไปอึดใจ
ก่อนบอก
“รอเดี๋ยวนะจ๊ะ”
สุ้มเสียงยังชวนให้รู้สึกคล้ายแม่ของณชะเลชายตามองเขาด้วยความไม่ไว้วางใจอยู่เหมือนเดิม
แต่จองฤกษ์ก็สัมผัสได้ว่าหล่อนลดกำแพงลงพอสมควร
เปิดโอกาสให้ชะเง้อมองลูกสาวหล่อนจากระยะไกลได้ถนัดกว่าเก่า
และนั่นก็น่าจะเป็นเพราะ ‘เห็นผลงาน’ ของเขาบ้างแล้ว
ครู่หนึ่งณชะเลก็มา
“ฤกษ์เหรอ?”
หล่อนทักด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี
และนั่นก็ทำให้จองฤกษ์ยิ้มแก้มปริ
“ใช่แล้ว!”
“กำลังจะโทร.ไปหาพอดีเลย”
“เห็นแล้วใช่ไหม?”
“ใช่! เห็นแล้ว เพิ่งเมื่อกี้นี้เอง
ความจริงจะไปดูว่าผู้ดูแลเว็บจัดการอะไรบ้างหรือยัง แต่… แหม! ดีใจที่สุด ขอบใจฤกษ์มากๆ
นะ”
“ไม่เป็นไร”
“เธอทำได้ยังไงเนี่ย? น่าอัศจรรย์จริงๆ !”
เสียงของผู้หญิงเวลายินดีปรีดาเป็นล้นพ้นนั้น
เป็นกำลังใจอย่างสูงที่จะบันดาลให้หนุ่มผู้มาติดหลงทำอะไรเพื่อเจ้าหล่อนก็ได้
จองฤกษ์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดยืดอกก่อนเอ่ย
“บอกให้คนอื่นๆ ในบ้านทรายสบายใจไปด้วยแล้วใช่ไหม?”
“บอกแล้ว! ตอนแรกทุกคนกังวลและเป็นห่วงทรายกันหมด
พอเห็นอย่างนี้ก็สบายใจแล้วทรายบอกด้วยว่าเป็นฝีมือของฤกษ์คนเดียวเลย”
จองฤกษ์ยิ้มไม่หุบ
รู้สึกว่าได้ใช้ฝีมือทำบุญทำกุศลให้กับทุกฝ่าย ฝ่ายหนึ่งโล่งอก
อีกฝ่ายหนึ่งควรสำนึกผิดและเข็ดหลาบไปจนกว่าจะหาไม่
อย่างน้อยก็ตระหนักว่าแอบทำชั่วบนเน็ตนึกว่าไม่มีวันที่ใครจะจับได้นั้น ผิดถนัด
พ่อมดในยุคมืดใช้พลังจิตกับลูกแก้ววิเศษเพื่อการหยั่งรู้ฟ้าดิน
แต่พ่อมดในศตวรรษที่ ๒๑ อาศัยเพียงแป้นพิมพ์กับจอคอมพิวเตอร์
ก็สามารถรู้เห็นแทบทุกสิ่งบนโลกที่ข่ายใยคอมพิวเตอร์ครอบคลุมทั่วทุกตารางนิ้วใบนี้
นั่นเรียกว่าเหนือกว่าความสามารถของพ่อมดโบราณเสียอีก!
เมื่อคืนเขารอการปรากฏตัวของ ‘ไอโกะ’ จอมแสบแบบที่ไม่ต้องลุ้นมากนัก
เพราะกำลังฮอตสุดๆ มีหนุ่มๆ มาห้อมล้อมโขยงใหญ่
ดังนั้นจึงต้องติดพันเข้ามาตอบข้อความมือเป็นระวิงวันละหลายรอบอยู่แล้ว
เมื่อไอโกะล็อกอินเข้ามา
โปรแกรมตรวจจับของเขาก็ส่งสัญญาณแจ้งทันที
จองฤกษ์จึงเข้าลุยโดยพลันด้วยอาการของโจรผู้ชำนาญทาง
เทคนิควิธีทางคอมพิวเตอร์อันชาญฉลาดล้ำลึกช่วยให้เขาเจาะตรงเข้าถึงเครื่องไอโกะ
สามารถเห็นไฟล์ข้อมูลทั้งหมดในเครื่องของฝ่ายนั้นภายในเวลาไม่นาน
อีกทั้งไอโกะก็ไม่ทันรู้ตัวว่ามีการลักลอบดูดข้อมูลจากระบบไฟล์ด้วย
เนื่องจากมัวแต่อ่านและพิมพ์โต้ตอบข้อความเกี้ยวพาราสีของบรรดาหนุ่มๆ
เป็นเวลายาวนาน
จึงไม่ทันสังเกตว่ามีการลักลอบถ่ายเทข้อมูลเกิดขึ้นแล้วในเครื่องของตนจนความเร็วทั่วไปอืดลงถนัด
จองฤกษ์ใช้วิธีสุ่มเดาอย่างมีหลักเกณฑ์
ตระเวนเก็บข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับไอโกะ ไม่ว่าจะเป็นอีเมล หมายเลขไอซีคิว
ตลอดจนทะเบียนพร้อมพาสเวิร์ดทางอินเตอร์เน็ตต่างๆ แล้วค่อยๆ
กวาดดูแหล่งเก็บไฟล์ส่วนตัวทั้งหลาย
แทบทุกคนโดยเฉพาะวัยรุ่นปัจจุบันจะต้องมีรูปตัวเองและเพื่อนรักอยู่ในเครื่องเสมอ
เพราะสมัยนี้ถ่ายรูปและบันทึกลงฮาร์ดดิสก์ได้ง่ายยิ่งกว่าอะไร
ดังนั้นเมื่อกวาดหาไฟล์รูปภาพทั้งหมดในเครื่องแล้วใช้หลักคาดเดาอย่างมีเหตุผล
เช่นจากการกรองชื่อกับนามสกุลไฟล์ ขนาดไฟล์ รวมทั้งหลักแหล่งในการจัดเก็บ
จองฤกษ์ก็ดูดเอารูปที่คิดว่าน่าจะเป็น ‘ตัวจริง’ ของไอโกะมาได้ชุดหนึ่ง
จากชื่อไฟล์รูปประมาณว่า ‘ฉันกับเพื่อน’ บวกกับรูปเดี่ยวอีกสองสามรูป
ทำให้แน่ใจได้ว่าไอโกะตัวจริงเสียงจริงต้องเป็นสาวน้อยหน้าหัก
ท่าทางบอกบุญไม่รับคนหนึ่ง
โชคเข้าข้างยิ่งกว่านั้น
เมื่อรื้อค้นอ่านอีเมลขาเข้าและขาออกเพียงไม่กี่ฉบับ
ก็เผอิญเจอการส่งข้อมูลประเภทที่ใช้รับเอกสารแจกฟรี ซึ่งต้องป้อนทั้งชื่อ นามสกุล
ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์พร้อมเสร็จ
จองฤกษ์จึงไม่จำเป็นต้องแสวงหาด้วยอุบายวิธีแยบคายใดๆ อีกต่อไป
เมื่อได้ทุกอย่างตามต้องการ
จองฤกษ์ก็ส่งโปรแกรมเพชฌฆาตเข้าเครื่องสาวหน้าโหดทันที
ระหว่างนั้นก็พิมพ์ข้อความไปด้วยอย่างรวดเร็ว
กะให้ทันเวลาส่งโปรแกรมไปติดตั้งเสร็จพอดี
นังจุ๊บแจงตัวร้าย! ฉันเป็นเพื่อนกับทราย
คนที่แกแอบถ่ายรูปเขามาสวมรอยใช้ชื่อไอโกะไปสำเร็จความใคร่ทางวาจาในเว็บติดลม
คงไม่ต้องให้พูดอะไรมาก ฉันรู้ว่าแกอยู่โรงเรียนเดียวกับทราย
พรุ่งนี้จงเข้าไปยกมือไหว้ขอโทษทรายด้วยตัวเอง บอกว่าสำนึกแล้ว และจะไม่ทำอีก
ถ้าไม่ทำตามก็ไม่มีอะไรมาก
แกเตรียมซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ได้
ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมดจะไม่สามารถกู้คืน
และฉันก็ไม่สามารถรับรองว่าคนในบ้านเลขที่ ๒๒/๗๑ ประจำหมู่บ้านชื่อโหลอย่างธงทองนิเวศน์
จะประสบพบเจออะไรเข้าให้บ้าง
พรุ่งนี้ฉันจะถามทรายว่าแกทำตามคำสั่งหรือยัง
ถ้าทำแล้ว ดึกๆ ฉันจะโทร.ไปบอกทางหมายเลขที่ขึ้นต้นด้วย ๙๔๕ น่ะ
แกรู้อยู่แล้วว่าสายไหน
คำเตือน! หลังจากปิดเครื่องคราวนี้ห้ามเปิดอีกจนกว่าจะแน่ใจว่าได้รหัสผ่านไว้แล้ว
ถ้าขืนเปิดอีกครั้งโดยไม่มีรหัสผ่าน
เครื่องของแกเหมาะจะดัดแปลงเป็นตู้กับข้าวเท่านั้น
ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามเปิดด้วยระบบปฏิบัติการอื่น
แต่ถ้าอยากลองด้วยบทเรียนราคาแพงก็ได้ ไม่ว่ากัน!
สิ่งที่ ‘นังจุ๊บแจงตัวร้าย’ ได้พบด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดในไม่กี่นาทีต่อมา
คือโปรแกรมที่กำลังรันอยู่ปิดตัวเองทั้งหมดไปเฉยๆ
แล้วปรากฏข้อความตามที่บุรุษลึกลับเพิ่งเขียนขึ้นข่มขู่คุกคามสดๆ ร้อนๆ
มันยิ่งกว่าผีหลอก เพราะผีหลอกเสร็จแล้วยังหายตัวไป แต่นี่เป็นความจริงที่ปรากฏชัดถาวร
แม้หล่อนพยายามกดแป้นพิมพ์หรือคลิกเมาส์อย่างไรหน้าจอเดิมก็ไม่กลับมา
ข้อความเอาเรื่องยังคงค้างเติ่งอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
กระทั่งต้องตัดใจปิดเครื่องจนได้
จึงมั่นใจว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับแฮกเกอร์มหาภัยตัวจริง และเขาสามารถเล่นงานหล่อนตามที่พูดได้แน่!
ที่แท้คำขู่มีทั้งส่วนจริงและส่วนหลอก
ส่วนจริงคือเปิดมาหล่อนจะเจอหน้าต่างถามหาพาสเวิร์ดเพื่อกลับเข้าสู่ระบบตามปกติ
ส่วนหลอกคือหล่อนอาจใช้ระบบปฏิบัติการอื่นในการบูตเครื่องได้ ไฟล์ข้อมูลต่างๆ
ยังอยู่ครบและก๊อปปี้ได้ตามปกติ จองฤกษ์ไม่กะจะพิฆาตเข่นฆ่าให้อาสัญอยู่แล้ว
แต่ด้วยสันดานแฮกเกอร์ทำให้อดเกทับไม่ได้
เพราะทราบแน่ว่าหล่อนต้องกลัวจนขี้ขึ้นสมองเกินกว่าจะลองดีกับเขา
ภารกิจสำคัญที่เขาต้องทำอย่างแท้จริงคือส่งรูปจุ๊บแจงขึ้นไปแทนที่รูปของณชะเลทั้งหมดยกเว้นในหน้าแรกสุด
รวมทั้งเขียนข้อความใหม่ขึ้นเองโดยไม่ต้องรอการกลั่นกรองจากผู้ดูแลเว็บแต่อย่างใด
ฉันชื่อจุ๊บแจง
แปลงร่างเป็นไอโกะ ตัวเดิมหน้าตาเป็นอย่างนี้ อยู่ชั้น ม.๔ โรงเรียนตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าว
ที่ผ่านมาแอบอ้างใช้ชื่อไอโกะกับภาพถ่ายของรุ่นพี่ชั้น ม.๖
บัดนี้สำนึกผิดและละอายใจยิ่ง กราบขอขมาทุกท่าน
อันที่จริงจองฤกษ์อยาก ‘ลงโทษ’ ให้สาสมกว่านั้น
แต่ชั่งใจแล้วแค่สั่งสอนเบาะๆ ดีกว่า เพราะจุ๊บแจงอยู่โรงเรียนเดียวกับณชะเล
ถ้าทำให้เดือดร้อนมากๆ อาจอาฆาต แล้วเรื่องก็จะลุกลามไม่มีที่สิ้นสุด
เขาพิพากษาให้จุ๊บแจงรับกรรมอันควรจะรับไปก็พอ แค่นี้คงอับอายขายหน้าไม่ทราบจะแทรกแผ่นดินหนีไปไหนพ้นอยู่แล้ว
ฟังเสียงชื่นมื่นขณะรับโทรศัพท์แต่แรกก็เดาได้ว่าณชะเลคงเปิดเน็ตเข้าไปเห็นคำสารภาพประกอบรูปหน้าจุ๊บแจงแล้วเรียบร้อย
หรือถ้ายังไม่เข้าเน็ตเลยจุ๊บแจงก็คงไปยกมือไหว้ขอโทษด้วยตนเอง
ถ้านับเป็นคะแนนก็ต้องเรียกว่างานนี้ ‘ท่วมท้น’ เลยทีเดียว
แต่ขณะที่กำลังยิ้มๆ
พองอกภูมิใจอยู่นั้นเอง ณชะเลก็เค้นถามเสียงเข้ม
“ว่าแต่ว่า… นายไปบอกน้องจุ๊บแจงว่านายเป็นแฟนฉันเหรอ?”
จองฤกษ์หน้าตื่น
รีบปฏิเสธทันที
“ฮึ้ย! อะไรกัน บอกว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้บอกเลยสักนิดว่าเป็นแฟน
ทำไมทรายเข้าใจว่าเราบอกน้องเขาอย่างนั้น?”
“ไม่รู้เหรอ
เห็นวันนี้เดินเข้ามาสั่งทรายให้บอกแฟนด้วยว่าอย่ามายุ่งกับเขาอีก”
แม้เพื่อนสาวพูดห้วนๆ
อยู่ในทีคล้ายไม่พอใจ แต่หางเสียงก็ยังมีแววปลื้มเขาอยู่ไม่จาง
นั่นทำให้จองฤกษ์ทราบว่าณชะเลไม่ถือสาหรือคิดมากคิดมายอะไรนัก
“เราอ้างตัวแค่ว่าเราเป็นเพื่อนทรายจริงๆ นะ
แต่ก็ห้ามความคิดกับปากของน้องเขาไม่ได้นี่”
ประโยคสุดท้ายหยอดสำเนียงคล้ายน้อยใจไปด้วย
ซึ่งก็ได้ผล ณชะเลเสียงอ่อนลงทันที
“ช่างเถอะ ทรายก็ขี้เกียจหาความอะไร ไหนๆ เขาขออโหสิ ที่แล้วก็ให้แล้วกันไป”
ต่างฝ่ายต่างยิ้มอยู่เงียบๆ
คนละฝั่งสายโทรศัพท์ ในที่สุดครู่หนึ่งณชะเลก็ถอนใจบ่น
“โดนกับตัวเองจังๆ อย่างนี้ ปลงสังเวชกับยุคเราจริงๆ เลย
ระวังความปลอดภัยบนถนนหนทางกลับบ้านไม่พอ
ต้องประสาทกินกับอันตรายบนโลกอินเตอร์เน็ตเข้าให้อีก”
“ทำไงได้ล่ะ”
“ว่าแต่เธอแฮกใครต่อใครอย่างนี้ไม่กลัวเขาสืบย้อนมาหาเธอบ้างเหรอ
ต้องมีร่องรอยทิ้งไว้นี่”
จองฤกษ์ปรือตาเหยียดยิ้มให้กับความห่วงใยจากความรู้ชั้นประถมของหล่อน
แต่แทนที่จะคุยโม้โอ้อวดว่าขนาด FBI เขาก็เคยลูบคมเล่นมาแล้ว
และยังลอยนวลจนถึงทุกวันนี้โดยไม่มีใครจับได้ ก็เปลี่ยนเป็นพูดเรียกคะแนนนิยมเสียแทน
“เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก ได้ยินเสียงทรายมีความสุขความโล่งใจอย่างนี้
ต่อให้ต้องเข้าคุกก็ยอม”
จบคำเด็กหนุ่มก็บอกตัวเองว่าเขาพูดเก่งขึ้นภายในชั่วข้ามคืน
นี่ก็เห็นจะเป็นฤทธิ์ของความมั่นใจอย่างแท้จริง คนเราพอมีผลงานเข้าตากรรมการ
จะพูดจะจาก็ดูฉาดฉานรื่นไหลไปหมด
ณชะเลเงียบไปอึดใจ
ก่อนเอ่ยถามมาอีกทาง
“ฤกษ์ขู่จุ๊บแจงยังไงเขาถึงยอมโพสต์คำขอขมา
แถมยังมายกมือไหว้ทรายได้อย่างนี้?”
“ก็ทำนอง… เขารบกวนเรา เราก็รบกวนเขาบ้าง”
“บอกหน่อยไม่ได้เหรอว่าพูดอะไร?”
“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ให้เขาสำนึกว่าทำอะไรลงไป”
“จุ๊บแจงบอกทรายว่าเขาไหว้ขอโทษทรายแล้ว ให้ฤกษ์เอาพาสเวิร์ดให้
แล้วอย่ามายุ่งกับเขาอีก แสดงว่าฤกษ์ต้องจู่โจมเขาน่าดูเหมือนกัน”
“เขาก็ฉลาดนะ” จองฤกษ์เบี่ยงเบนประเด็น “คงรู้แหละว่าอาจโดนสืบหาตัวผ่านผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต
เลยใช้บริการชนิดแพ็กเก็จ แบบชั่วโมงหมดแล้วทิ้งเลย”
“แต่ก็เสร็จฤกษ์จนได้ เธอนี่น่ากลัวจริงๆ เลย” แล้วก็เปลี่ยนสำเนียงเป็นรำพึง “ไม่รู้จุ๊บแจงทำร้ายทรายอย่างนี้เพื่ออะไร
ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยมีความแค้นต่อกันซักหน่อย ที่เขาทักคำแรก
เหมือนไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าทรายชื่ออะไร”
“เว็บประเภทติดลมดอทคอมนี่มีไว้ให้สาวๆ ขายความน่ารัก ความล่อตาล่อใจ
เพื่อประกาศว่าฉันยังโสด เปิดสนามให้หนุ่มๆ ประลองฝีมือแย่งชิงกันได้
อะไรมันจะสนุกไปกว่าเห็นใครต่อใครชิงหัวใจเราคนเดียวเล่า? ทีนี้ลองคิดดู
ถ้าอยากให้คนแย่งกันจีบ แต่ไม่มีหน้าตาเชิญชวนให้มาจีบ จะทำอย่างไรได้นอกจากแหกตากัน”
“แน่ใจเหรอว่าเขาทำไปด้วยความตั้งใจแบบนั้น?”
“ทรายอยากรู้เรื่องเขาไหมล่ะ? ร่องรอยบนเน็ตฟ้องตัวเองอย่างดีเลย”
ณชะเลเข้าใจว่าเป็นเรื่องร้ายๆ
ที่จุ๊บแจงเคยทำไว้
ก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นว่าเคยมีใครโดนก่อกรรมทำเข็ญไว้แบบเดียวกับหล่อนบ้าง
“อยากรู้ เล่าให้ฟังหน่อยสิ”
“สู้ให้ดูด้วยตาตัวเองไม่ได้ เจอกันทางเอ็มเอสเอ็นไหม? เราจะส่งสิ่งที่เขาเคยเขียนๆ
ไว้ตามเว็บบอร์ดให้ดู”
“โอเค” หล่อนตอบตกลงทันที “ออนไลน์เลยนะ นี่เบอร์เอ็มเอสเอ็นของทราย”
บอกเบอร์ให้เขาไปอย่างรวดเร็ว
อึดใจต่อมาทั้งสองก็พบกันบนเน็ตผ่านข้อความอักษร
“หวัดดีทราย”
“หวัดดี”
“ความจริงจุ๊บแจงไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกนะ แต่ท่าทางเก็บกดน่าดู”
“เหรอ”
ณชะเลเปิดดูหน้าต่างบอกสถานะการเชื่อมต่อ
เขม้นมองข้อมูลว่าไหลเข้าไหลออกสมเหตุสมผลหรือไม่
ด้วยความระแวงว่าจะโดนเพื่อนหนุ่มลอบเจาะเข้าเครื่องหล่อนเหมือนอย่างที่จุ๊บแจงโดนเข้าให้บ้าง
พอเห็นไม่มีอะไรผิดปกติก็พิมพ์คุยกับเขา แต่ยังคงหันมาสังเกตหน้าต่างบอกสถานะอยู่เรื่อยๆ
“รู้ได้ไงล่ะ?”
“เราตามรอยเขาสืบย้อนไปเป็นเดือนๆ ก็ได้เบาะแสว่าก่อนสวมรอยเป็นไอโกะ
มีเหตุการณ์สำคัญแบบไหนเกิดขึ้นบ้าง”
ความอยากรู้อยากเห็นประสาผู้หญิงพุ่งพรวดขึ้นถึงขีดสุด
“มีอะไรให้ดูก็ส่งมาดิ้”
ณชะเลคาดการณ์ไปต่างๆ
นานาว่าอาจเป็นรูปถ่าย วีดิโอคลิป หรือข้อความลับบางอย่าง แต่ผิดคาด
เพราะสิ่งที่เขาส่งให้เป็นอันดับแรกคือกระทู้หนึ่งในเว็บติดลมดอทคอม
นั่นหมายความว่าเป็นข้อความเปิดเผยที่ทุกคนรู้เห็นได้เหมือนกันหมด
หาใช่เรื่องลี้ลับชั่วร้ายแต่ประการใด
กระทู้นั้นชื่อ ‘เหงาจัง… ช่วยกันเข้ามาอวยพรวันเกิดให้เราหน่อยดิ้’ ตามวันเวลาเห็นว่าเป็นกระทู้ที่ตั้งไว้เมื่อเกือบครึ่งเดือนมาแล้วโดยใช้ชื่อ ‘จุ๊บแจง’ จริงๆ
พอคลิกเข้าไปดูก็พบข้อความตามข้อกระทู้
“แง่บๆ … แง่บๆ … วันนี้ไม่มีใครจำได้เลยล่ะ ว่าสำคัญกับเรายังไง ช่วยๆ กันหน่อยได้ไหม
เราไม่อยากได้ของขวัญเป็นความเงียบอย่างนี้เลย เขียนใส่การ์ดบอกกันตรงๆ ยังดีกว่า
ว่าเราเกิดมาไม่มีความหมายกับใครซักคน…”
ข้อความสั้นๆ
ที่น่าสงสารนั้นทำเอาณชะเลซึมลงอย่างรวดเร็ว นึกถึงใบหน้าเคร่งเครียดอย่างเด็กเก็บกดของจุ๊บแจงที่โรงอาหารแล้ว
ก็ไม่นึกเลยว่าจะพูดจาขอความเห็นใจจากคนอื่นได้อย่างนี้
เปลือกนอกคล้ายพร้อมจะพาลพาโลหาเรื่องกับคนทั้งโลกเสียมากกว่า
มีคนส่งคำอวยพรวันเกิดให้จุ๊บแจงสองสามโหล
เรียกว่าได้คะแนนสงสารท่วมท้น ทั้งแบบสั้นเช่นสุขสันต์วันเกิดเฉยๆ
และแบบยาวประเภทให้ข้อคิดน้ำไหลไฟดับด้วยความเวทนาจุ๊บแจงจริงๆ
อยากช่วยเป็นกำลังใจ และช่วยให้จุ๊บแจงเห็นค่าของการเกิดมาว่าไม่สูญเปล่า
และไม่ขึ้นอยู่กับใครจำได้หรือจำไม่ได้ว่าเราลืมตาดูโลกขึ้นมาในวันไหน
เพราะมันผ่านมานานมากแล้ว
แต่ประเภทใจร้าย
โยนของขวัญที่แกะออกมากลายเป็นระเบิดก็มี เช่น
“โอ๊ย! อีโบ๊ะเอ๊ย ท่าทางจะอ้วนล่ำดำปี๋ ไม่มีใครเอา
กลิ่นเต่าแรงหรือเปล่าก็ไม่รู้ บ่นๆ ท่านี้นะ เท่าที่เคยเห็นตัวจริงจะเกลียดโลก
เลยโดนโลกเกลียดคืน หัดคบคนซะบ้าง พัฒนาตัวซะหน่อย จะได้ไม่ต้องมาสำออยอย่างนี้อีก!”
หรืออย่างเช่น
“เด็กสมัยนี้กินนมผงสูตรสร้างหมีควายกันเยอะ อาจจะโตเร็วจนหนุ่มๆ
กลัวโดนตะปบหนังหัวขาดล่ะมั้ง เลยไม่มีใครกล้าเอาเป็นแฟน”
หรืออย่างเบาลงมากว่านั้น
ก็ยังจิกให้เจ็บลึกได้อยู่ดี เช่น
“สังเกตซิว่าคนที่มีใครต่อใครรักมากๆ ให้ความชื่นชมมากๆ
เขาแตกต่างจากเรายังไง แล้วพยายามเป็นอย่างเขามั่ง อย่าเอาแต่คร่ำครวญตีอกชกหัว
เพราะจะมีพวกขี้สงสารมาปลอบเฉพาะบนเน็ตเท่านั้นแหละ
ในโลกความเป็นจริงไม่มีใครอยากโอ๋คนงอมืองอเท้าทอดอาลัยตายอยากหรอก”
ณชะเลอ่านข้อความทิ่มแทงซ้ำเติมเหล่านั้นแล้วเม้มปากแน่น
อยากวานจองฤกษ์ให้สืบหาที่อยู่ผู้เขียนเหลือเกิน
อยากเห็นหน้าเห็นตานักว่าจะดูเป็นคนใจดำอำมหิตสักขนาดไหน
เงียบอึ้ง
และรู้สึกว่าโลกรอบตัวก็เงียบตาม ยิ่งคิดยิ่งเข้าใจจุ๊บแจงจนลำคอตีบตื้น
“น่าสงสารเหมือนกันนะ…”
เด็กสาวพิมพ์ข้อความส่งให้เพื่อนหนุ่ม
จองฤกษพิมพ์ตอบ
“คำพูดยุยงแค่สองสามคำ อาจทำให้ใครคนหนึ่งนึกฮึด อยากประชดชีวิต
หรืออยากทำเรื่องบ้าๆ โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของคนอื่นได้อย่างนี้เอง
อาจบังเอิญด้วยก็ได้ ยายจุ๊บแจงดันอ้วนอย่างเขาว่าจริงๆ ”
“บ้า! ไม่ได้อ้วนเสียหน่อย เขาแค่ท้วมๆ นิดเดียวเอง”
“มีพร่ำพรรณนาไว้ที่อื่นอีกเยอะ จะคัดมาให้ดูเป็นตัวอย่างนะ”
แล้วจองฤกษ์ก็ส่งให้เพื่อนสาวดูอีกกระทู้หนึ่ง
“ชอบพี่แถวบ้านมาก แต่เขาไม่เอาด้วย เลยต้องทำเป็นไม่ชอบบ้าง
ทั้งที่จริงคือรู้สึกเสียหน้า แถมประกาศบอกใครต่อใครว่าเกลี๊ยดเกลียดอีตานี่
เขาหันมาเห็นก็ทำเป็นเบ้หน้าเบะปากเมิน เหมือนเซ็งที่ต้องมาเจอกันอีกแล้ว
แต่ความจริงดีใจจะตาย เบื่อตัวเองอย่างบอกไม่ถูก…”
ณชะเลกะพริบตาปริบๆ
ความโกรธจุ๊บแจงหายไปจากอกเป็นปลิดทิ้ง
“กรรมเก่าทำให้คนเราเกิดมายืนบนจุดที่ต่างกันเหลือเกินนะ”
จองฤกษ์ยักไหล่
วันนี้พายุความคิดในงานจารกรรมทางคอมพิวเตอร์ทำให้เขาไม่ค่อยมีอารมณ์อยากเชื่อเรื่องบุญกรรมสักเท่าไหร่
ทว่าก็พูดเอออวยไปตามเพลง
“นั่นสิ ชาตินี้น่ารักสู้ทรายไม่ได้ เลยขอยืมความน่ารักของทรายมาใช้แอบอ้าง
เรียกร้องความสนใจจากใครต่อใครซะ”
“ทรายก็ไม่เห็นจะน่ารักซักเท่าไหร่…”
“อู๊ย! เวรกรรม… ถ่อมตัวให้มันมีมูลความจริงหน่อยเถอะแม่คู๊ณ!”
ณชะเลยิ้มนิดหนึ่ง
น้ำตาพานจะไหล เข้าใจมุมมองของคนอื่น เข้าใจมุมมองของจุ๊บแจง
จึงบังเกิดความสงสารและเห็นใจขึ้นมาอย่างท่วมท้นล้นอก
ราวกับสามารถเอาหัวใจเงียบเหงาของจุ๊บแจงมาใส่แทนหัวใจตน อยากได้ความอบอุ่น
อยากได้รับความสนใจ อยากมีแต่คนรักเยอะๆ …
“ฤกษ์… ช่วยเอารูปจุ๊บแจงออกหน่อยได้ไหม? อย่าประจานเขาอีกเลย”
จองฤกษ์พยักหน้าก่อนพิมพ์ตอบ
“ได้! ทันทีเดี๋ยวนี้เลย”
“ขอบใจ”
ลำคอแห้งผาก
นัยน์ตารื้นน้ำจนไม่มีแก่ใจอยากพิมพ์คุยกับเพื่อนหนุ่มมากกว่านั้น
“เดี๋ยวทรายไปทำการบ้านต่อก่อนนะ”
“โอเค… ว่าแต่ทรายสบายใจแล้วขอเบอร์มือถือให้เราหน่อยเถอะ”
ณชะเลชั่งใจ
เพราะนั่นเหมือนเป็นการขอให้หล่อนตกรางวัล ครั้นจะปฏิเสธก็ดูใจจืดใจดำไปหน่อย
จึงจำต้องให้ ให้ทั้งรู้ว่านั่นเป็นการขยับยกความสัมพันธ์ขึ้นมาอีกระดับ
ให้ทั้งรู้ว่าถ้าแม่ทราบแม่คงเช็กการใช้ระหว่างเขากับหล่อนอย่างเข้มงวดน่าดู
“เจ้าอุ๊ยโหยมาตามแล้ว สงสัยจะให้รีบไปทำการบ้าน ไปนะ”
“ราตรีสวัสดิ์”
จองฤกษ์เอ่ยลาด้วยหัวใจโป่งพอง
เขานั่งยิ้มกริ่มตาลอยอยู่เกือบห้านาที
ก่อนลุกเดินออกจากบ้านเพื่อบอกรหัสผ่านกับจุ๊บแจงตามสัญญา
เขาฉลาดพอจะป้องกันตัวด้วยการใช้โทรศัพท์สาธารณะ
แม้มีโอกาสเพียงหนึ่งในหมื่นหรือหนึ่งในแสนที่ขณะนี้ฝ่ายจุ๊บแจงกำลังร่วมมือกับองค์การโทรศัพท์ซุ่มดักจับเขาอยู่
“ฮัลโหล”
เสียงห้วนดังมาจากปลายทาง
“ขอสายจุ๊บแจงครับ”
“กำลังพูด”
“โทร.มาบอกพาสเวิร์ดนะ คีย์ลงไปแค่สามตัว เลขอารบิก 555”
เขาไม่ทำเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังๆ
อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก นอกจากนั้นยังพูดนิ่มๆ อีกด้วย
“เลิกแล้วแต่กันนะ เครื่องจะกลับมาใช้งานได้ทุกอย่าง
โปรแกรมจะลบตัวเองทิ้งทันทีที่คีย์เลข 555 แล้วเคาะเอนเตอร์ อ้อ! จะบอกให้อย่างหนึ่ง
เราไม่ได้เป็นอะไรกับทราย แค่รู้จักกันห่างๆ
และเผอิญเห็นเขากำลังเดือดเนื้อร้อนใจเท่านั้น ทรายแทบไม่รู้จักเราด้วยซ้ำ”
ฝ่ายนั้นยังเงียบเช่นเคย
เขาจึงลา
“ไปล่ะ… ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น