วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559

กรรมพยากรณ์ ตอนเลือกเกิดใหม่ (ตอนที่ ๒๓ น้ำใจ)

<ย้อนกลับอ่านตอนที่ ๒๒

ตอนที่ ๒๓ น้ำใจ


พฤหัสเร่งเช้าเร่งเย็น เซ้าซี้จองฤกษ์ให้นัดแฟนสาวกับพี่สาวแฟนไปเล่นแบดมินตันด้วยกัน อ้างว่าอยากเห็นหน้าอีกคนเหลือเกินว่าจะสวยสักขนาดไหน และความเพียรพยายามของพฤหัสก็บังเกิดผลจนได้ จองฤกษ์ยอมโอนอ่อนผ่อนตามและรับปากว่าจะพยายามชวนแฟนสาวไปที่สนามใกล้บ้านหล่อนในวันเสาร์ ใจนึกสลดสังเวชที่ขีดความอิจฉาของ
๑๙๗
  
เพื่อนหนุ่มพุ่งทะลุเพดานความละอาย ขนาดยอมหน้าด้านทวงคำตอบยิ่งกว่าเจ้าหนี้ทวงเงินถึงขนาดนี้ เอาก็เอา สงเคราะห์มันซะหน่อย จะได้พาแฟนไปอวดเป็นการอัดฉีดความอิจฉาให้โป่งพองยิ่งๆ ขึ้นด้วย
คืนวันศุกร์นั้นเอง หลังกลับจากวัด ช่วงดึกจองฤกษ์ก็โทร.หาณชะเลตามกิจวัตรของคนเพิ่งตกลงเป็นแฟนกัน เบื้องต้นพอทราบข่าวว่าเจ้าอุ๊ยโหยหมาจอมแย่งเวลาถูกรถทับตาย เขาก็ดีใจแทบกระโดด เพิ่งรู้สึกเป็นวาระแรกว่าณชะเลตัวเปล่าเสียที แต่รักษากิริยาไว้ได้อย่างสวยสดงดงาม ปลอบโยนด้วยน้ำเสียงอบอุ่นตามหน้าที่ของแฟนที่ดี
เสียใจด้วยนะทราย แต่มันคงถึงเวลาเลื่อนชั้นเลื่อนภูมินั่นเอง ทรายอุตส่าห์เตรียมเสบียงไว้ให้มันตั้งเป็นกองภูเขา แถมมาตายตอนเพิ่งกลับจากเวียนเทียนเสียด้วย จังหวะเหมาะจริงๆ
อืออย่างที่พ่อหมอทำนายไว้เลย
เคยทำนายไว้ด้วย?”
ก็วันที่ทรายไปกับฤกษ์นั่นแหละ แต่ตอนนั้นฤกษ์คงไม่มีแก่ใจฟังมั้ง ทรายถามตอบกับพ่อหมอแค่สองสามประโยคก่อนกลับ
สุ้มเสียงทรายไม่เศร้าเลย สมเป็นเด็กธรรมะจริงๆ
ทรายดีใจมากกว่า ที่มัน พ้นโทษได้เสียที
แล้วทำไงกับศพหรือยัง ให้เราช่วยอะไรไหม?”
ตัดขนไว้เป็นที่ระลึกกระจุกหนึ่ง ตอนนี้เก็บใส่กล่องไม้ไว้ ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะติดต่อจ้างช่างที่คุ้นกันมาขุดหลุมและโบกปูนปักป้ายให้
ไม่อยากสตาฟไว้ดูเล่นหรือ?”
ให้เกิดอุปาทานว่ามันยังไม่ตายรึไง?”
จะซื้อตัวใหม่อีกไหม?”
ถามแบบกะว่าถ้าหล่อนจะซื้อ เขาจะหว่านล้อมทักท้วง
คงไม่หรอก
อ้าว! ทำไมล่ะ?”
กำลังมีไฟเรียนคอมพ์มั้ง อยากทุ่มเวลาให้มากๆ
จองฤกษ์ยินดีปรีดาแทบเนื้อเต้น มันเป็นความภาคภูมิใจล้นเหลือที่ทราบว่าตนเข้ามามีบทบาทในชีวิตของณชะเลอย่างแท้จริง
แหมฟังแล้วหายเหนื่อยเลย ทรายทุ่ม เราก็จะทุ่ม จะทำให้ทรายเก่งเท่าเราให้ได้
สองสามคืนที่ผ่านมาฤกษ์ทำให้ทรายหูตาตื่นได้มากนะ เพิ่งเห็นว่าคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะคุ้นหูคุ้นตา แท้จริงมีเบื้องหลัง มีกลไก มีอุโมงค์และประตูลับน่าพิศวงขนาดนี้ ยิ่งรู้ยิ่งเหมือนดิ่งลึกเข้าไปในอีกมิติหนึ่งมากขึ้นเรื่อยๆ หายสงสัยแล้วว่าทำไมโปรแกรมเมอร์เก่งๆ ถึงนั่งแช่หน้าคอมพ์ได้เป็นยี่สิบสามสิบชั่วโมงโดยไม่พักผ่อนหลับนอนกัน
นั่นแหละ หัวไวอย่างทราย อีกหน่อยจะรู้ว่าชีวิตที่ติดคอมพ์สนุกกว่าชีวิตที่ติดหมาขนาดไหน
ความจริงไม่ใช่ว่าทรายพิศวาสสัตว์เลี้ยงไปหมดหรอก หลายปีก่อนหน้านี้เคยมีหมาแมวในบ้าน ทรายก็ไม่ได้อะไรกับพวกมันนัก กับอุ๊ยโหยนี่เหมือนความผูกพันพิเศษเฉพาะตัวมากกว่า
พรุ่งนี้ไปเล่นแบดกันไหม?”
๑๙๘

 

แฟนหนุ่มตัดบทถามไปอีกทาง
ชอบเล่นมากเหรอ แบดน่ะ?”
เทนนิสกับปิงปองก็ถนัด เราชอบเล่นกีฬาที่ฝึกความไวทั้งสายตาและการเคลื่อนไหวตอบสนองวัตถุที่วิ่งๆ มันช่วยให้หัวแล่นปรู๊ดปร๊าดดี ทรายควรหมั่นเล่นกีฬาพวกนี้บ้างถ้าอยากคำนวณเร็วๆ คิดโปรแกรมเก่งๆ
เกี่ยวด้วยเหรอ?”
เกี่ยวซี่ พอร่างกายกระฉับกระเฉง ความคิดอ่านก็จะแล่นฉิวเป็นเส้นตรง ไม่เฉื่อยชา ไม่วกไปวนมา
อือม์…” หล่อนคิดนิดหนึ่งก่อนตอบตกลงก็ได้! แต่บอกไว้ก่อนว่าเล่นไม่เก่งนะ แล้วเหนื่อยง่ายด้วย
อยากชวนพี่สาวทรายไปด้วยไหมล่ะ? เอาไปรุมเราคนเดียว หรือผลัดกันเข้าออกตอนเหนื่อย
ณชะเลยิ้มแบบเบะมุมปากหน่อยๆ
จะควงสองสาวประดับบารมีซ้ายขวาเลยเหรอ?”
เราเดินตามหลัง ก้มหน้าจ๋องๆ หิ้วกระเป๋าแบดให้ก็ได้ ภาพออกมาคงดูแตกต่างจากที่ทรายคิด
เด็กสาวหัวเราะ
แล้วฤกษ์จะมากี่โมง?”
เล่นตอนเช้าดีไหม อากาศกำลังสบาย เขาเปิดตั้งแต่แปดโมง
เผอิญขณะนั้นละอองฝนเปิดประตูเข้ามา กะจะคุยเล่นตามประสาพี่น้อง พอเห็นณชะเลกำลังถือกระบอกโทรศัพท์ก็เอ่ยขอโทษเบาๆ และจะหับประตูคืน แต่ณชะเลเรียกไว้เสียก่อน
อ้าว! ฝนมาพอดีเลย นี่! มีหนุ่มชวนเธอไปเล่นแบดแน่ะ
หืออะไร ใครชวน?”
ฤกษ์น่ะพรุ่งนี้ว่างไหม สนใจหรือเปล่า?”
เล่นไม่ค่อยจะเป็นน่ะซี ตีลูกไม่ค่อยจะถูก
เรื่องเล็ก เดี๋ยวจะหาไม้แบดที่ทำจากกระด้งให้
ละอองฝนหัวเราะหึหึ
ฤกษ์ชวนไปสนามไหนล่ะ?”
ใกล้บ้านเรา ซอยตรงขวามือเนี่ย
อ๋อใกล้บ้านเหรอละอองฝนทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง นึกสนุกประกอบกับการอยากไปเป็นเพื่อนน้องสาวเลยถามว่านัดกันเมื่อไหร่ล่ะ ตอนบ่ายสามฝนมีเรียน
สบายมาก ทันถมเถ เล่นกันตั้งแต่แปดโมงเช้า จะกลับมางีบก่อนไปเรียนยังทัน
งั้นเอาก็เอา
ตอบตกลงแล้วก็ผละจากไปเพื่อให้น้องสาวคุยกับแฟนต่อตามสะดวก
โอเคแล้ว
ดีเลย ทรายกับพี่สาวท่าทางสนิทกันดีจังนะ ชวนไปไหนก็ไป ว่าแต่อยากให้เหน็บเพื่อนไปสักคนไหมล่ะ? จะได้ครบคู่
ณชะเลนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนตอบ
๑๙๙

 

แล้วแต่ฤกษ์สิ อย่าเอาแบบพูดจาไม่น่าฟังมาล่ะ
โอ้ย! รับรองหมอนี่พูดเก่ง
เก่งแบบเจ้าชู้ก็อย่าเอามาใกล้พี่สาวทรายแล้วกัน
งั้นเราจะพยายามกันๆ เอาไว้
คิดต่อไปด้วยว่าแม้แต่ณชะเลเองก็เถอะ ประมาทไม่ได้ เขาจะกันๆไว้ด้วย ที่ยอมให้เจ้าเพื่อนรูปหล่อมาร่วมเล่นแบดก็เพราะอยากให้มันอิจฉาเท่านั้น ไม่ได้คิดเปิดโอกาสให้พูดคุยกับแฟนเขาแต่อย่างใด!
คณะนักแบดนัดพบกันตรงประตูทางเข้าสนาม จองฤกษ์กับพฤหัสมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย จึงเป็นฝ่ายนั่งรอกันที่โต๊ะหินหน้าอาคารกีฬา
ทั้งสองคนเล่นกันไม่เป็นเลยเหรอะ?”
พฤหัสถามด้วยสีหน้าสดชื่น จองฤกษ์ยักไหล่ตอบ
ก็น่าจะตีถูกอยู่บ้างมั้ง ยังไงพระคุณท่านก็ไม่ได้กะจะมาเล่นแบดกับสาวเก่งอยู่แล้วนี่
จริงของมึง กูกะมาชมความงามของนักแบดมือใหม่นี่เนาะ
เขาพยายามซ่อนงำความกระตือรือร้นออกนอกหน้าไว้อย่างมิดชิด โลกนี้ต้องมีเขารู้อยู่แก่ใจเพียงลำพังว่ากำลังหลงคลั่งผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเคยเห็นกันแวบเดียว และกำลังเป็นแฟนเพื่อนรัก!
เกิดมาก็คราวนี้เองที่ฝันถึงเจ้าหล่อนเพียงคนเดียวติดๆ กันทุกคืนไม่มีเว้นวรรค บังเกิดความอยากอย่างไม่เคยอยากอะไรเท่า อยากเจอตัวจริง อยากพูดคุย อยากพาไปเที่ยวให้ไกลจากผู้คน และที่แปลกประหลาดกว่าอะไรคือไม่ได้อยากแบบเคยๆ อยากกับผู้หญิงอื่น
พี่สาวแฟนมึงชื่อไรนะ?”
ฝนอะไรกัน กระสันอยากมาเจอเขา แต่จำชื่อเขาไม่ได้ เพิ่งบอกไปเมื่อวานนี่เอง
ก็ใช่น่ะซี ตอนนี้ในหัวเขามีแต่ชื่อทรายเพียงหนึ่งเดียว จะเหลือที่ว่างบรรจุชื่ออื่นอย่างไรไหว!
มีกันแค่สองคนเหรอ?”
ใช่แต่กูเพิ่งเห็นคุณน้าเมื่อคืน นึกว่าเป็นพี่สาวอีกคนของทรายเสียอีก
เหรอ
พฤหัสไม่ใส่ใจนัก เพราะคำว่าคุณน้าทำให้เขาไพล่นึกไปถึงผู้หญิงร่างสูงชะลูดที่ต้องละเลงครีมลบตีนกาอย่างขะมักเขม้นทุกคืน
ตระกูลนี้หน้าตาดีกันทุกคน
กูก็เดาว่าอย่างนั้น ถึงอยากขอดูหน้าพี่สาวทรายไง
นั่นแหละ ต่อยกูขอพูดจริงจังอีกที คือมึงจะทำหื่นใส่พี่สาวทรายไม่ได้นะโว้ย เกิดเรื่องเกิดราวเขาต้องร้องไห้ขึ้นมา เดี๋ยวทรายจะพานเกลียดแล้วเลิกคบกู
เอาน่า เอ๊มึงนี่เห็นกูเป็นยังไงนะ
เป็นไอ้กะล่อน เป็นไอ้เจ้าชู้ เป็นไอ้หล่อแต่หน้าทว่าหัวใจไร้คุณธรรม!”
๒๐๐

 

อ้าว! ทำไมพูดเปรตๆ อย่างนี้ล่ะ?”
ก็มันเป็นความจริง
ถ้าบอกว่าเจ้าชู้เฉยๆ ถือว่าโก้เก๋ แต่พอเป็นคำด่าตรงๆ เช่นไอ้กะล่อน ไอ้หน้าหล่อไร้คุณธรรม พฤหัสเลยเคือง เขาจ้องหน้าเพื่อนจริงจัง เอานิ้วโป้งจิ้มอกตัวเองพูดเน้นทีละคำ
กู-รัก-คน-เป็น!”
จองฤกษ์ทำตาถลน เอานิ้วโป้งจิ้มอกตัวเองเป็นการเลียนแบบ
เชื่อ-มึง-กู-โง่!”
พฤหัสทำตาไม่พอใจ
เอาเถอะ มึงจะคิดยังไงก็อย่าให้คนอื่นเขาหลงคิดตามแบบนี้ก็แล้วกัน
งั้นขอให้รู้ไว้ คนอื่นเขาคิดเองเป็น อยากให้เล่าตามตรงไหมว่าทรายวิจารณ์มึงยังไง?”
พฤหัสขมวดคิ้วสงสัยครามครัน จ้องเพื่อนตาไม่กะพริบเพื่อป้องกันการถูกแหกตา
เห็นแวบเดียววิจารณ์ได้ด้วย?”
แวบเดียวหรือสองแวบไม่สำคัญหรอก ถาดูคนเก่งเสียอย่าง” 
โอเค! เขาวิจารณ์กูว่าไง?”
จองฤกษ์ยิ้มเย้ยอย่างคนถือแต้มเหนือกว่า
มึงลองวิจารณ์ตัวเองให้กูฟังหน่อยดิ้ แล้วกูจะบอกว่าตรงกับที่ทรายวิจารณ์ไหม
พฤหัสชักหัวเสีย อยากลุกขึ้นเตะเพื่อนสักป้าบ
มึงลืมแก้บนหรือเปล่าวะฤกษ์? เหมือนมีอะไรดลใจให้พูดจาน่าเตะเหลือเกิน
เฉลยก็ได้จองฤกษ์ยิ้มพรายอย่างถึงเวลาทิ้งไพ่สำคัญเพื่อตีกันเพื่อนให้ห่างจากแฟนสาวกูเคยคุยกับทรายอย่างเปิดอก ว่าไม่หล่ออย่างกูเนี่ยเขารับได้ไหม เปรียบเทียบกับมึงที่เพื่อนๆ ยอมรับว่าหล่อยิ่งกว่าพระเอกหนังใต้สะดือ เขาว่าเขาไม่ได้ถูกฝึกให้เรียกหาความหล่อ
พฤหัสยกมือเกาศีรษะ โมโหจนขำ
เอาเนื้อๆ เถอะ ขอร้อง อยากรู้แค่เขาเห็นแวบเดียวนี่มาวิจารณ์กูว่าไง
ก็มองว่ามึงดูเหมือนเพลย์บอย ท่าทางไม่น่าไว้ใจ เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น สรุปคือแบบมึงนี่เขาไม่ปิ๊งหรอก
พฤหัสหน้าตึง
เขาพูดอย่างนี้จริงๆ เหรอะ?”
จองฤกษ์เบนกายไปทางป้ายชื่อสนามแบดมินตัน แล้วเงยหน้าพนมมือขึ้นสูง
กูขอสาบานต่อหน้าป้ายศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน จะให้การกับมึงตามสัตย์จริง หาไม่แล้วขอให้เกิดอาเพศ จู่ๆ มีเหตุให้แผ่นป้ายหล่นใส่กบาล อย่าเดินผ่านไปด้วยดีเทอญ.”
พฤหัสครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง
ตั้งแต่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนนี่ตลกเก่งเหลือเกินนะมึง
แรงบันดาลใจอันบรรเจิดทำให้เกิดอารมณ์ขันไม่รู้จบยั่วโมโหเสร็จก็ทำหน้าขึงขังต่อยพี่น้องสองคนนี่เหมือนกันอยู่อย่าง คือถูกเลี้ยงมาให้ดูคนเป็น เพราะฉะนั้นถ้ามึงคิดจะจีบฝน จงอย่าจีบหวังฟันเหมือนที่ผ่านๆ มา
๒๐๑

 

จีบผู้หญิงถ้าไม่หวังฟันแล้วจะให้หวังทำอะไรวะ เอาไว้ปักธูปปิดทองคล้องมาลัยหรือไง?”
ก็ไม่ต้องถึงขนาดนั้น อย่างกูเนี่ยจีบทรายติดเพราะคิดมีแฟนไว้คุยเล่น หรือไม่ก็เอาไว้เตือนสติ
เล่นคอมพิวเตอร์มากๆ ทำให้มึงโง่เสียแล้ว เด็กน้อย!”
เอาเถอะ กูให้คำแนะนำมึงได้แค่นี้ มึงจะรักดีหามจั่วรักชั่วหามเสาก็เลือกเอาเองเอ๊ะ!” เด็กหนุ่มอุทานและทำหน้าฉงนขณะมองหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เพิ่งลงจากรถสงสัยยายนี่เป็นเนื้อคู่มึงจริงๆ ซะแล้วมั้งต่อย ดูสิ! วันก่อนเรามาบ่ายก็เจอบ่าย วันนี้มาเช้าก็เจอเช้าอีก
พฤหัสมองตาม พอเห็นแล้วก็เบิกตาด้วยความประหลาดใจเช่นกัน เจ้าหล่อนคนงามที่เขากับเพื่อนมักเจอที่สนามแบดแห่งนี้อยู่เสมอนั่นเอง หล่อนคนนั้นเหลือบมาเห็นเขาอยู่เหมือนกัน แต่ความที่กลัวแฟนหนุ่มท่าทางลูกอาเสี่ยใหญ่หึงหวง จึงมองเมินไม่สนใจสบตาเกินสองวินาที ยกมือเกาะแขนแฟนเดินหายเข้าสู่โรงแบดมินตันไป
เออ!” ความแปลกใจทำให้ลืมเรื่องอื่นชั่วคราวดูเพรียวลงด้วยแฮะ เห็นไหม กูบอกแล้วว่าความนุ้ยนั้นลดไม่ยาก
ท่าทางมากับแฟน มึงจำได้ไหมสัญญากับกูไว้ว่าไง?”
พฤหัสทำหน้าผากย่น
สัญญาอะไร?”
มึงบอกว่าเจอกันคราวหน้า ต่อให้เดินมากับแฟนก็จะจีบให้ดู!”
พฤหัสยิ้มมุมปาก นึกออกทันที แต่ก็พูดอย่างใจเย็น
อยากให้กูรักษาคำสัตย์นักใช่ไหม?”
เออ! อยากดูซิจะเก่งกล้าขนาดไหน ชะ! มากับแฟนก็มีเล่ห์กลให้จีบได้ ตอนนั้นสงสัยเห็นกูยังโง่ๆ หลอกอะไรเชื่อหมด
ประกายชนิดหนึ่งผ่านแก้วตาของพฤหัสแวบวาบ
กูไม่หลอก มึงจะได้ดูโชว์สมใจ แต่กูต้องขอจังหวะหน่อย
จองฤกษ์เบ้หน้ายิ้มเยาะ ตัดสินทันทีว่านั่นเป็นการไม่รักษาคำพูด พฤหัสไม่มีน้ำยาจริงตามที่คุยโม้โอ้อวดเอาไว้
ขณะนั้นเอง โตโยต้าวิชสีดำอันเป็นหนึ่งในพาหนะประจำบ้านณชะเลก็แล่นเข้ามาในเขตที่จอดรถห่างออกไปประมาณสิบเมตร จองฤกษ์หันไปเห็นเข้าก็ตบเข่าเพื่อนเบาๆ
พ่อเขาพามาส่งว่ะ เดินไปหวัดดีกันหน่อย
สองหนุ่มวัยรุ่นเดินไปยังรถขนาดครอบครัว
สวัสดีครับคุณพ่อ
จองฤกษ์ยกมือไหว้บิดาของณชะเลอย่างนอบน้อม ปณิธานนั่งรับไหว้ยิ้มๆ อยู่ในรถ สายตามองเลยไปยังหนุ่มหน้าหล่ออีกคนด้วยอาการพินิจ ซึ่งเมื่อสบตากันพฤหัสก็ยกมือไหว้บ้างอย่างไม่ขัดเขิน
สวัสดีครับ
อือสวัสดีแล้วก็เบนสายตามาถามจองฤกษ์นี่เพื่อนของฤกษ์หรือ?”
ครับ เรียนด้วยกันตั้งแต่ .
เป็นนายแบบหรือเปล่านี่?”
๒๐๒

 

จองฤกษ์เปิดทางให้เพื่อนเป็นคนตอบเอง พฤหัสยิ้มละไม
เปล่าครับคุณพ่อ ผมขาดคุณสมบัติสำคัญของนายแบบไปข้อหนึ่ง
ปณิธานทำหน้าสงสัย
ข้อไหน?”
ชอบเกเรียน
ปณิธานหัวเราะชอบใจ คิดว่าพอลูกๆ กลับบ้านจะเตือนให้ระวังๆ เจ้าหมอนี่หน่อย ท่าทางอาวุธแพรวพราวรอบตัวทีเดียว
ขณะนั้นสองสาวไหว้ลาบิดาและลงจากรถไปยืนรอ ปณิธานจึงพยักหน้าให้สองหนุ่ม
ไปเล่นแบดกันเถอะไป
เมื่อโตโยต้าวิชเคลื่อนหายไปก็เหลือแต่พื้นที่ว่างสำหรับการพบปะของหนุ่มสาว พฤหัสถึงกับใจเต้นระทึกเมื่อจองฤกษ์ทำหน้าที่ผู้แนะนำ
นี่ทราย นี่ฝน... แล้วนี่เพื่อนเรา ชื่อต่อย
หวัดดีครับ
พฤหัสพยักหน้าให้ณชะเลกับละอองฝนตามลำดับ ยิ้มแย้มเป็นมิตรโดยไม่มีประกายตากรุ้มกริ่มเป็นพิเศษแถมพก เขาเก็บความรู้สึกได้ดี แม้หัวใจจะพองคับอกแทบระเบิดอยู่แล้ว
พี่น้องสองสาวยิ้มตอบนิดๆ ณชะเลเบนสายตาไปทางจองฤกษ์และยักคิ้วให้
หน่วยก้านของทีมชายไม่ค่อยเหมือนหมูเท่าไหร่เลยนิ สงสัยจะเล่นไม่สนุก
ต้องสนุกซี่จองฤกษ์รีบเอาใจอยู่ข้างเรา เราจะพุ่งตัวแบบยอมเข่าถลอกแทนทรายเอง
สองสาวหัวเราะ
หูย! เล่นกันเข่าถลอกเลยเหรอ? เรานั่งดูเฉยๆ ดีกว่ามั้งเนี่ย
ประโยคหลังณชะเลหันมาพยักพเยิดกับละอองฝน ซึ่งละอองฝนก็รับมุข
ฤกษ์เล่นกับเพื่อนฤกษ์ให้พวกเราดูก่อนแล้วกันนะ ฝนกลัวซี่โครงหัก
พฤหัสทำตาโตเสนอหน้าบ้าง
ฟังแล้วขนลุกเลย เข่าถลอก ซี่โครงหัก แค่เล่นแบดอาจถึงตาย! งั้นผมขอนั่งดูลาดเลาด้วยคนแล้วหันไปบอกเพื่อนหนุ่มตกลงมึงเล่นคนเดียวไปก่อน
จองฤกษ์เท้าเอวหัวเราะเบาๆ
ตลกเชียว จะให้ตีเองแล้ววิ่งไปรับเองเหรอะ?” แล้วเขาก็หันไปพูดกับสองสาวเอางี้สิ ทรายกับฝนถือเป็นคนดูที่มีโอกาสใกล้ชิดเหตุการณ์ก็แล้วกัน ไม่ต้องคิดมาก ลงไปในสนามนั่นแหละ นึกสนุกอยากรับก็รับ ลูกไหนขี้เกียจรับก็ยืนอยู่เฉยๆ ปล่อยให้พี่เลี้ยงจัดการ โอเค้?”
นับแต้มยังนับไม่เป็นเลย
ณชะเลจีบปากบ่น ก้มหน้าหมุนไม้แบดเล่น
ตีลูกให้ถูกก็พอ ที่เหลือให้พี่เลี้ยงจัดการ
๒๐๓

 

เนื่องจากยังเป็นเวลาเช้า จึงมีสนามว่างอยู่หลาย สี่วัยรุ่นหนุ่มสาวแบ่งข้างเล่นกันโดยจองฤกษ์จับคู่กับณชะเล และพฤหัสจับคู่กับละอองฝน ความจริงสองสาวไม่ถึงกับมืออ่อนเท้าอ่อนตีไม่ถูกหรือวิ่งไม่ไหวดังคำถ่อมตัว ขาดแต่ความฉับไว ซึ่งตรงนี้ก็ถูกชดเชยโดยความเร็วของพี่เลี้ยงระดับมืออาชีพ บางลูกที่ถูกโยนไปยาวเกือบแตะเส้นหลัง หรือบางลูกที่ถูกหยอดชนิดเฉียดเส้นคั่นกลางสนาม ถ้าเห็นท่าผู้เล่นสาวเงอะๆ งะๆ ผู้เล่นหนุ่มก็จะทำตัวเหมือนผีพุ่งใต้ไปรับลูกได้ทันเกือบทุกครั้ง ซึ่งนั่นทำให้รสชาติของการเล่นเต็มไปด้วยสีสันสนุกสนาน มีเสียงวี้ดว้ายลุ้นกันบ้างประปราย
เวลาแห่งการออกแรงตบลูกขนไก่แลกเหงื่อผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อแรกคล้ายเล่นเอาสนุกแบบกระชับมิตรมากกว่าอย่างอื่น ฝ่ายชายมักเปิดโอกาสให้ผู้เล่นหญิงตี ตบ ช้อนลูกกันเต็มที่ แต่พอเล่นจบเซ็ตแรกซึ่งนับคะแนนแบบคู่ผสม ข้างจองฤกษ์กับณชะเลนำโด่งถึง ๑๑- พฤหัสก็ชักหน้าไม่ดี เพราะทุกคนประจักษ์ว่าฝีมือหวดฉับๆ ของจองฤกษ์นั้นเองเป็นตัวนำชัย และนั่นก็เท่ากับเขาน้อยหน้า ปล่อยให้เพื่อนเป็นมือวางอันดับหนึ่งของสนามไปโดยปริยาย
หลังจากให้สาวๆ กินน้ำและพักเหนื่อย ๑๐ นาที จึงเริ่มต้นเซ็ตใหม่ พฤหัสก็ส่งตาชำเลืองใบหน้าณชะเลน้อยลง หันมาห่วงหน้าของตัวเองมากขึ้น พอสมาธิไม่แกว่งก็เริ่มเล่นได้น้ำได้เนื้อกว่าเก่า บอกตัวเองว่าจะไม่ยอมให้สาวๆ เห็นเขานำทีมแพ้สองเซ็ตรวดด้วยแต้มขาดลอยเป็นอันขาด
แต่จองฤกษ์ก็เหนียวทนทายาด แม้หลอกล่อด้วยลูกไม้ที่เคยได้ผลก็ไม่ได้ผล และบางทีขนาดลืมอายแกล้งตบลูกยากไปทางณชะเล เจ้าเพื่อนผู้เก่งกาจอย่างน่าหมั่นไส้ก็อุตส่าห์เสือกตัวเข้าไปรับได้อยู่ดี และเมื่อเวลาผ่านไป ยิ่งฝ่ายตรงข้ามได้แต้มมากก็ยิ่งมีโอกาสเสิร์ฟลูกมาก ความเชื่อมั่นของพฤหัสที่จะตีตื้นขึ้นมาก็ยิ่งลดน้อยถอยลงทุกที
การก้าววิ่งและความเคลื่อนไหวต่างๆ ของจองฤกษ์กลายเป็นจุดสนใจของใครต่อใครทั้งในและนอกสนาม ยิ่งรับลูกยากขึ้นเท่าไหร่ ฝีไม้ลายมือก็ยิ่งปรากฏเด่นขึ้นเท่านั้น ลูกเสียทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นจากเขาเลย ณชะเลรู้สึกราวกับอยู่ในสนามรบ เห็นจองฤกษ์เป็นทั้งขุนศึกประจัญบานกับอริราชศัตรู กับทั้งคอยเป็นองครักษ์ปกปักพิทักษ์หล่อนอีกโสด ทำเอายิ้มอย่างอุ่นใจในหลายๆ ครั้งโดยเฉพาะเมื่อเห็นความว่องไวปรูดปราดเป็นลมกรดของแฟนหนุ่ม เปลี่ยนลูกที่ควรเสียให้กลายเป็นลูกดีราวกับพระเอกหนังซึ่งมีสเปเชียลเอฟเฟกต์เข้าช่วยให้ดูเก่งกาจเกินจริง
พฤหัสเริ่มปาดเหงื่อจากหน้าผากเมื่อจองฤกษ์นำทีมทำแต้มได้ถึงสิบ ขณะที่ข้างเขาเพิ่งตามหลังมาเพียงห้า เฉียดแพ้อยู่รอมร่อแค่แต้มเดียว เวลานั้นไม่ใช่การเล่นแค่เอาสนุกอีกต่อไป ศักดิ์ศรีของคนรูปหล่อเป็นเดิมพันอยู่ทั้งแท่ง หล่อแล้วไม่เก่งนี่น่าอายสุดทนในความรู้สึกของเขา โดยเฉพาะเก่งสู้คนหน้าคล้ายนกเค้าแมวอย่างจองฤกษ์ไม่ได้นี่เหลือฝืนซะจริงๆ
พอตั้งท่าเตรียมรับลูก ก็เห็นฝ่ายตรงข้ามยึกยักด้วยการส่งลูกขนไก่ให้ฝ่ายหญิง
อ้ะลูกสุดท้ายแล้วนะ ให้ทรายเป็นคนเสิร์ฟมั่ง
โอ๋ย! เดี๋ยวเสิร์ฟไม่ข้ามหรอก
ก็ช่างปะไร ไม่ข้ามก็ยังไม่เสียแต้มนี่ ผลัดให้ฝั่งโน้นได้เสิร์ฟอีกทีมายืนด้านขวานี่มา
พฤหัสได้ยินถ้อยคำอ้อนๆ เอื้อนๆ นั้นถนัด บังเกิดความอยากถอดรองเท้าออกมาใช้แทนลูกขนไก่ แกล้งตีไปกระแทกปากเจ้าเพื่อนยากเหลือประมาณ
พอเห็นแฟนหนุ่มคะยั้นคะยอจริงจัง ในที่สุดณชะเลก็ยอมรับลูกมาถือจดๆ จ้องๆ ด้วยมือซ้าย
เสิร์ฟให้ฝนเหรอ?”
ใช่จำกฎง่ายๆ เสิร์ฟทางขวา รับทางขวา ลูกแรกต้องทแยงมุมเสมอ
๒๐๔

 

ที่ผ่านมาณชะเลเห็นแต่จองฤกษ์ทำหน้าที่หวดลูกเสิร์ฟปลิวหวือเฉียดเน็ตมาทุกครั้ง พอต้องลงมือเองบ้างก็ขาดความเชื่อมั่น เพราะทราบว่าไม่มีทางทำได้ดีเท่า หล่อนเป็นแต่หวดแบบคาราเต้หรือไม่ก็ป้อนลูกข้ามเน็ตใกล้ๆ เท่านั้น
แต่พองัดลูกพ้นตาข่ายได้ก็ยิ้มออก ละอองฝนรับลูกของหล่อนและโต้กลับมาแบบธรรมดาๆ ณชะเลก้าวเท้าไปรับได้อย่างสบายแบบหลังมือ แต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกสวนกลับด้วยพลังปะทะที่รุนแรงฉับพลัน พฤหัสหวดแร็กเกตได้ราวกับผู้ชำนาญการตวัดแส้ ลูกขนไก่แล่นเฟี้ยวเป็นลำตรงราวกับธนูเฉียดร่างณชะเลจนหล่อนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ เผลออ้าปากกว้างร้องเสียงหลง
อะหวา!”
นึกว่าจองฤกษ์จะช่วยช้อนรับจากด้านหลังให้อย่างเคย แต่ผิดคาด ลูกที่ผ่านร่างหล่อนไปไม่ย้อนคืนกลับไปสู่ฝั่งตรงข้ามอีก เป็นอันว่าเสียลูกให้อีกฝ่ายเสิร์ฟแทน
พฤหัสใช้หลังมือปาดเหงื่อข้างหางคิ้วอีกที ก่อนเสิร์ฟอย่างไม่กล้าให้แรงนัก เกรงว่าถ้าเสียโอกาสสุดท้ายไปแล้วจะไม่มีวันพระหนหน้าอีก แต่ก็เบาใจที่จองฤกษ์ตอบกลับแบบธรรมดาเช่นกัน เปิดโอกาสให้เขาตั้งหลักเข้าทำได้บ้าง
ละอองฝนเฉื่อยชาลงเหมือนเลิกใส่ใจผลแพ้ชนะไปนานแล้ว และนั่นก็ทำให้เขาพาลพาโลหงุดหงิดหล่อน ค่าที่ไม่สามารถเป็นกำลังช่วยเหลือได้เลย จะเอาแต่ยืนปักหลักรอลูกมาตรงตัวอย่างเดียว ต่างจากณชะเลที่ยังออกท่ากระตือรือร้นวิ่งเข้าหาลูกบ้าง ยังดีที่จองฤกษ์เนือยๆ ลง สงสัยคงเหนื่อยกับการกางปีกคุ้มครองเจ้าหญิง มิฉะนั้นเขาต้องรับศึกหนัก เหมือนโดนสองรุมหนึ่งไปแล้ว
และการที่จองฤกษ์ปล่อยให้แฟนสาวรับหน้าเสื่อเป็นส่วนใหญ่ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ช่าง คะแนนฝ่ายพฤหัสจึงตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง จากห้าเป็นหก จากหกเป็นเจ็ด จากเจ็ดเป็นแปด จากแปดเป็นเก้า กระทั่ง ๑๐ ต่อ ๑๐ เท่ากันในที่สุด
พฤหัสโล่งอกราวกับยกภูเขาออกจากอก ตะโกนถามตามสิทธิ์ที่จองฤกษ์ได้ ๑๐ แต้มก่อน
ว่าไงพวก จะเล่น ๑๑ หรือ ๑๓?”
สิบเอ็ด!”
นั่นหมายความว่าตัดสินกันไปเลยแบบแต้มเดียวขาด ไม่ยืดเกมต่อออกไปถึง ๑๓ แต้มตามกติกาที่ฝ่ายจองฤกษ์มีสิทธิ์เป็นผู้กำหนด พฤหัสยิ้มมุมปากหัวใจเต้นแรง จองฤกษ์คงคิดว่าคู่ต่อสู้เหมือนหมูนอนรอให้เชือดกระมัง จึงแน่ใจว่าแต้มเดียวจะโถมแรงคว้าเอาเมื่อไหร่ก็ได้ ฝันไปเถอะวะ!
หันไปยิ้มให้สาวน้อยข้างกายตน หล่อนยิ้มตอบหน่อยๆ ใจพฤหัสไม่ถูกบาดด้วยรอยยิ้มและคมตาเจ้าหล่อนเหมือนอย่างที่โดนจากสาวฝ่ายตรงข้ามเอาเลย พี่น้องสองสาวมีความละม้ายกันในบางมุมมอง ถ้าช่วยพูดแบบไม่ให้เสียกำลังใจ จะว่าสวยไล่เลี่ยกันก็ได้ แต่โดยรวมแล้วมีความต่างซึ่งใจเขาสัมผัสชัด คนพี่ขาดเสน่ห์บางชนิดที่เปล่งประกายฉายชัดอยู่ในคนน้อง เขาคิดไม่ออกว่าจะเรียกประกายเสน่ห์ชนิดนั้นว่าอะไร และเพราะคิดไม่ออก กับทั้งพยายามคิดไม่เลิกนี่เองกระมัง สาวน้อยชื่อทรายจึงกลายเป็นบุคคลพิเศษเพียงหนึ่งเดียวในดวงใจอยู่ตลอดเวลา!
สลัดความฟุ้งซ่านออกจากหัว หันกลับไปตั้งสมาธิกับลูกตัดสินชะตา เขาเสิร์ฟแบบธรรมดา เมื่อจองฤกษ์โต้กลับมาแบบหยอดฝั่งซ้าย พฤหัสก็รี่เข้าไปรับอย่างไม่ไว้ใจสาวข้างตัว งัดลูกโด่งขึ้นกะให้ย้อยไปตกเกือบถึงเส้นหลัง กะว่าถ้าณชะเลเป็นผู้รับ ลูกคงลอยกลับมาให้เขาหวดควับใส่จองฤกษ์ เผด็จศึกเอาชนะเซ็ตนี้ได้แบบสายฟ้าแลบ
๒๐๕

 

ณชะเลสวนลูกคืนกลับมาเต็มแรงแบบเอ๋อๆ และเพียงแลด้วยหางตา พฤหัสก็ยิ้มทันที เพราะทราบว่าลูกนั้นออกนอกเส้นข้างแน่ๆ ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยแรงไปรับ แต่เขาต้องตาเหลือกเมื่อเห็นละอองฝนวิ่งต้วมเตี้ยมออกไปรับแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่
อย่ารับ!”
พฤหัสตะโกนห้ามดังๆ แต่สายไปเสียแล้ว ละอองฝนตีลูกคืนกลับไปยังฝั่งตรงข้ามหน้าตาเฉย พฤหัสแทบทึ้งศีรษะตนเอง ทีลูกอื่นที่ควรออกแรงวิ่งไปรับกลับยืนเป็นเทวรูป แต่ลูกนี้เสียชัดๆ ดันสะแหลนออกไปช้อนไว้ แถมช้อนลอยพอเหมาะแบบให้โอกาสฝ่ายตรงข้ามตบอย่างงามเสียอีกด้วย
ไม่มีเวลาให้กับความหัวเสียมากนัก พฤหัสหันมาดูสถานการณ์ตรงหน้า เห็นจองฤกษ์กำลังกระโดดขึ้นสับคาราเต้ถนัดๆ แล้วถึงกับใจหายวาบ เพราะรู้ฤทธิ์ดีว่าถ้าจับจังหวะเหมาะได้อย่างนี้ เจ้านี่ตบลูกทำองศาต่ำทิ่มไปถึงท้ายสนามได้ในพริบตา งดงามและเฉียบคมเสมอ ปล่อยแร็กเกตผล็อยเตรียมทำใจเสียลูกนั้นดีกว่า
ทว่าปาฏิหาริย์คงมีจริง แม้จองฤกษ์หวดเปรี้ยงเหมือนจอมดาบผู้เกรี้ยวกราดดังเคย แต่กดผิดองศานิดหนึ่ง ลูกตุงตาข่ายไม่ข้ามฝั่ง พฤหัสลืมตาโพลง ยิ้มยินดีเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เพราะมิใช่เพียงแค่จองฤกษ์พลาดลูกสำคัญในโอกาสทอง แต่ยังส่งผลให้ข้างเขาชนะในเซ็ตนั้น กลายเป็นเสมอหนึ่งต่อหนึ่ง ต่ออายุไปวัดดวงกันในเซ็ตหน้า
จองฤกษ์ยังคงทำหน้าเฉยๆ ไม่ออกอาการใดๆ กับความพลาดพลั้งของตน แถมยังยิ้มแย้มยื่นหน้าบอกแฟนสาวว่าจบเกมแล้ว เสมอกันหนึ่งต่อหนึ่ง หยุดพักข้างสนามได้ นั่นทำให้พฤหัสผิดหวังเสียเอง เขาอยากเห็นจองฤกษ์ออกท่าเสียหน้าที่ตบลูกพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย แทนการยิ้มระรื่นเหมือนเป็นฝ่ายชนะเสียเองอย่างนี้
โอย! เหนื่อยจัง เหมือนจะขาดใจ
ละอองฝนบ่น ณชะเลกำลังเอาผ้าขนหนูชุบโคโลญจ์เช็ดคอก็ขานรับ
จริงด้วย ดูสิ! เหมือนเล่นสงกรานต์เหงื่อกันแท้ๆ เลยแล้วหล่อนก็หันมาถามแฟนหนุ่มฤกษ์ไม่เหนื่อยมั่งเหรอ ทำหน้าสดชื่นเหมือนเป็นคนดู ไม่ได้ออกแรงเล่นมาด้วยกันงั้นแหละ
ทรายกับฝนต้องออกกำลังบ่อยๆจองฤกษ์แนะยิ้มๆจะได้เหนื่อยยากกว่านี้
เหลืออีกเซ็ตหนึ่ง เดี๋ยวพวกเธอเล่นกันไปเถอะ ฝนไม่ไหวแล้ว
ละอองฝนอุทธรณ์ ซึ่งณชะเลก็รีบขานรับทันที
ทรายก็ไม่ไหว หนุ่มๆ เชิญเล่นกันต่อนะคะ เดี๋ยวจะคอยส่งใจเชียร์อยู่ตรงนี้
เอาเถอะ ไม่ไหวก็ไม่ไหว ไปนั่งทานอะไรกันในห้องอาหารมุมโน้นดีกว่า มีของอร่อยหลายอย่าง
อ้าว! จะค้างไว้ครึ่งๆ กลางๆ แค่เนี้ยเหรอ?”
พฤหัสประท้วง
เออ! กูก็หมดแรงแล้ว ถ้าอยากเล่นต่อก็ไปขอคู่นั้นเล่นด้วยดิ้
จองฤกษ์พูดอย่างรู้กันว่าหมายถึงสาวที่ปิ๊งกับพฤหัสบ่อยๆ พฤหัสขมวดคิ้วนิ่วหน้า กำลังมือขึ้นๆ จึงหงุดหงิดที่ไม่ได้โค่นคู่ต่อสู้ให้สาวชม แต่ก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะทำอะไรได้ จำต้องกัดฟันกรอดๆ เดินไปทางห้องอาหารตามมติของหมู่คณะ
ขณะมายืนคู่กันรอของว่างที่สั่ง ณชะเลเอียงหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูคนรัก
เพื่อนเธอท่าทางเอาจริงเอาจังเหลือเกิน สงสัยกลัวแพ้มาก
๒๐๖

 

คนหล่อก็เงี้ยแหละ
จองฤกษ์เหลือบตาลงต่ำ ตอบกลั้วหัวเราะด้วยความขบขันระคนพึงใจ เพราะฟังรู้ว่าณชะเลไม่ประทับใจท่าทีกระเหี้ยนกระหือรืออยากเอาชนะจนออกนอกหน้าของพฤหัสเอาเลย
เมื่อกี้ฤกษ์ช่วยรักษาหน้าเขาเหรอ ลูกท้ายๆ แกล้งอ่อยให้ใช่ไหม?”
แฟนหนุ่มยักไหล่ยิ้มเนือย จนณชะเลต้องใช้นิ้วคีบปลายแขนเสื้อเขาเขย่าเบาๆ
ตอบหน่อยดี้ อยากรู้เจตนา
จองฤกษ์เบนสายตามาทอดจับแฟนสาวด้วยแววอ่อนโยน
ทรายชอบคนมีน้ำใจมากกว่าพวกชอบไล่บี้ชาวบ้านใช่ไหมล่ะ? เราอยากชนะใจทรายมากกว่าชนะแบดนะ
แน่หรือว่าเข้าใจถูก? ทรายอาจจะชอบผู้ชนะก็ได้ ผู้หญิงชอบผู้ชายที่ชนะกันทั้งนั้น!”
ถ้าเราไม่รู้จักทราย ถ้าเราไม่รู้ว่าทรายแตกต่างจากผู้หญิงอื่นยังไง จะเอาอะไรไปทำให้ทรายยอมรับเราได้?”
ถ้อยคำของเขานิ่มนวลมาก ณชะเลครึ่งยิ้มครึ่งหัวเราะ มองชายตรงหน้าที่หล่อนรับเป็นแฟนคนแรกด้วยประกายพิศวง แปลกแท้ๆ แค่เรื่องธรรมดา คำพูดก็แสนธรรมดา แต่กลับก่อให้เกิดปีติตื้นตันขึ้นมาได้ท่วมท้นล้นอกถึงขนาดนี้
หล่อนว่าหล่อนเริ่มรักจองฤกษ์ขึ้นมาจริงๆ แล้ว



ฝืนทำหน้าเป็นปกติ คนอย่างเขาไม่ใช่ไอ้เสี่ยวที่จะลุกลี้ลุกลนแสดงท่าตื่นตูมกลางถนน เขาเก็บอาการได้แม้ในยามคับขัน และที่จะให้หน้าซีดเหงื่อแตกถามใครต่อใครว่าห้องน้ำไปทางไหนนั้นเมินเสียเถิด คนอย่างเขาต้องเดินเนิบๆเข้าห้องน้ำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ลังเลอึดใจหนึ่ง เลือกระหว่างร้านก๋วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้ามซึ่งต้องเดินข้ามสะพานลอยไป กับอาคารสำนักงานตรงหน้า แล้วเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจเลือกที่พึ่งใกล้ตัวกว่า โดยไม่มีแก่ใจดูด้วยซ้ำว่าบริษัทชื่อเสียงเรียงนามใด เห็นแต่ภายนอกเป็นอาคารเก่าๆ ก้าวเท้าเข้าเขตรั้วไปแล้ววังเวงใจชอบกล
เมื่อเข้าสู่ตัวอาคารก็ชักเร่งรีบขึ้นกว่าเดิม สำนักงานไม่ได้มีป้ายแสดงความเอาใจใส่บอกทิศบอกทางลูกค้าเหมือนห้างสรรพสินค้าทั้งหลาย เด็กหนุ่มเริ่มหันรีหันขวาง กำลังตัดสินใจว่าจะเสี่ยงเดินไปจนสุดทางข้างซ้ายหรือข้างขวาดี เกรงว่าเลือกผิดเพียงในเวลาสั้นๆทุกอย่างอาจสายเกินไปแล้วก็ได้
ชั่วเวลาห่างกันเพียงไม่กี่อึดใจ สถานการณ์เริ่มเลวร้ายขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว บางครั้งต้องหยุดยืนกลั้นหายใจด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงสุดขีดว่าอาจจะทนต้านทานไม่ไหวในอีกไม่กี่พริบตาข้างหน้า เขาจำเป็นต้องรู้จุดหมายปลายทางของชีวิตในระยะสั้นให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าควรจะเป็นไปในทิศทางใด
โชคเข้าข้างอยู่บ้าง ผู้ชายอ้วนๆหน้าตาใจดีคนหนึ่งเดินลงบันไดมาจากชั้นสอง จองฤกษ์เห็นเข้าก็ปราดเข้าไปถามฉับพลัน ลืมมาดสุขุมที่ตั้งใจรักษาไว้เสียสนิท
พี่ครับ ชั้นนี้มีห้องน้ำหรือเปล่า?”
ชายคนนั้นเห็นท่าทางตื่นเต้นประกอบคำพูดของเด็กหนุ่มแปลกหน้าก็รู้ว่ากำลังมีเรื่องด่วนประเภทใด จึงเปลี่ยนจากสีหน้ายิ้มๆเป็นขึงขัง พูดจาเป็นงานเป็นการทันที
น้องไปทางซ้ายนะเขาปาดแขนไปตามทิศที่บอกสุดทางแล้วเลี้ยวขวา พอไปจนสุดอีกทีก็เจอแล้ว
ขอบคุณมากครับพี่!”
ไม่เป็นไร รีบไปเถอะ
จองฤกษ์เลิกสงวนท่าปิดบังอาการใดๆ พอยินวจีเผยทางสวรรค์จบก็แทบวิ่งจู๊ดเป็นลูกธนูแล่นจากแล่ง ราวกับกำลังแข่งเวลากับความเป็นความตาย เกิดมาเป็นตัวเป็นตนไม่เคยตกอยู่ในสภาพน่าอดสูเยี่ยงนี้มาก่อน แต่ก็ช่างเถอะ ชายที่ฟ้าส่งมาช่วยสงเคราะห์เขาคงไม่ได้เห็นหน้ากันอีกจนชั่วกัลปาวสาน ฉะนั้นคงไม่กระไรนักหรอกกับการขายหน้านาทีเดียว
วิ่งปรี่ไปจนสุดทาง เลี้ยวขวาแล้วตรงดิ่งต่อแบบไม่ปล่อยเวลาให้ล่าช้า แรงกระแทกที่เกิดจากการรีบวิ่งไม่ส่งผลดีต่อสภาพเพียบหนักในขณะนั้นเท่าใดนัก เหมือนด้านนอกประตูเมืองมีท่อนซุงกระทุ้งอยู่ปังๆไม่พอ ในเมืองยังได้ทหารทรยศช่วยเขย่าๆเสริมด้วยอีกแรง ยิ่งรู้สึกว่าใกล้ห้องน้ำ ร่างกายคล้ายยิ่งตอบสนองเป็นพิเศษ คล้ายมีทหารเลวขออนุญาตยิงปู้ดออกไปให้ได้เดี๋ยวนั้น เรียกว่านับเวลาถอยหลังเข้าสู่ภาวะปลดปล่อยเป็นวินาทีตามการคำนวณระยะทางกันเลยทีเดียว
ทว่ายิ่งวิ่งใกล้ที่หมายเข้ามา สังหรณ์ก็ยิ่งเริ่มทำงานมากขึ้นทุกที บริเวณนั้นมืดๆทึมๆเหมือนไม่ค่อยน่าจะมีกิจกรรมของมนุษย์ผู้ใดเท่าไหร่นัก กระทั่งท้ายสุดต้องตัวแข็งทื่อราวกับถูกไฟช็อตเมื่อเจอป้าย ไม่มกิจห้ามเข้า !’ แปะไว้เหนือขอบประตูข้างซ้ายสุดทาง จองฤกษ์ชะงักกึกขนลุกซู่ จ้องป้ายแทบตาถลนอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ตนเห็น พยายามอ่านใหม่ให้เป็นอื่น แต่มันก็ไม่เป็นอื่นอยู่เช่นนั้น
๑๐๕


ความท้อที่จะมีชีวิตต่อก่อตัวขึ้นท่วมท้น เรียกว่าหมดความไยดีตั้งแต่ฝ่าเท้าขึ้นมาถึงศีรษะ อยากนั่งแปะปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปตามเวรตามกรรม คับแค้นจุกอกแน่นเสียดเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก เรื่องแค่นี้ทำไมต้องหลอกกันด้วย? ให้ตายเถอะ !นึกไม่ถึงว่าจะมีใครใจไม้ไส้ระกำอย่างระยำได้เท่าเจ้าอ้วนนั่นเลย
ขบฟันแน่น เป็นนาทีที่เขารู้สึกว่าตนกลายเป็นเด็กน้อยร่างกายอ่อนแอถูกรังแกอย่างไร้เหตุผล ไม่เข้าใจโลก ไม่เข้าใจชีวิต สงสัยว่าทำไมคนเราจึงต้องเลวร้ายต่อกันทั้งที่ไม่เคยรู้จักมักจี่มาก่อน อย่าว่าแต่ทำเรื่องแค้นเคืองอันใดให้
เกร็งแน่นทั้งตัวเหมือนกล้ามเนื้อทุกมัดเขม็งเกลียวเตรียมระเบิดเป็นเสี่ยงๆ นี่คือวิกฤตที่ร้ายแรงเกินประมาณ แต่แล้วพออัดอั้นตันใจมากๆเข้า ธรรมชาติทางกายก็เหมือนจะผ่อนปรนให้บ้าง ค่อยรู้สึกทุรนทุรายน้อยลง จึงใจชื้นขึ้นมาหน่อย รีบหันทิศกลับดุ่มเดินย้อนกลับทางเก่า ไม่แน่ใจว่าถ้าเจอชายอ้วนผู้สวมหน้ากากนักบุญนั่นยืนรออยู่ เขาจะยอมขี้แตก ขอเพียงให้ได้เตะก้นมันสักป้าบหรือไม่
ระหว่างเดินซอยเท้า ยิ่งคิดถึงสีหน้าแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเปี่ยมน้ำใจเอื้ออาทรแล้ว ก็ยิ่งคันคะยิกขึ้นมากลางอกด้วยความคั่งแค้น จนกระทั่งต้องกัดริมฝีปากแทบห้อเลือด เกิดมาไม่เคยเจอใครเหี้ยมโหดอำมหิตได้สนิทแนบเนียนภายใต้หน้ากากพ่อพระได้เหมือนอย่างนั้นมาก่อนเลย
ถึงทางแยก เจอผู้หญิงคนหนึ่งเดินมา จองฤกษ์กัดกรามแน่น คราวนี้ไม่กล้าแสดงความดีใจออกนอกหน้าเท่าใดนัก
พี่ครับห้องน้ำไปทางไหน?”
ผู้หญิงคนนั้นปรายตามาเห็นสภาพเลิ่กลั่กตัวลีบของเขาแล้วเบะปากยิ้มนิดๆ เออเห็นคนเหงื่อแตกถามหาทางไปห้องน้ำเป็นเรื่องตลกนักหรือไง? กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแทนที่จะสงสาร กลับส่งสายตาเยาะหยันสมน้ำหน้ากันแบบไม่เก็บงำแบบนี้
ชั้นนี้ไม่มีหรอกน้อง ต้องขึ้นไปข้างบน
ไม่มีที่ชั้นล่างหรอกหรือครับ?”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้า หลุดปากถามอย่างกังขาสุดขีดว่าไม่มีได้อย่างไรกัน ผิดหลักเป็นอย่างยิ่ง บังเกิดความระแวงขึ้นมาทันทีว่าอาจถูกหลอกซ้ำสองเข้าให้แล้ว
อือ !ไม่มี ตึกเรามันยากจน คนสร้างเขาประหยัดงบ ทำชั้นเว้นชั้น ความจริงสมัยก่อนก็มีอยู่นอกอาคาร แต่เขาทุบทิ้งไปนานแล้ว เปลี่ยนเป็นที่จอดรถแทน เพราะที่จอดรถมันไม่พอ อยู่ในเมืองก็อย่างนี้แหละน้อง ที่จอดรถมีค่ากว่าห้องส้วม คนข้างนอกทะเล่อทะล่าเข้ามาก็หาลำบากหน่อย
ยายนั่นสาธยายยืดยาวเสียงยานๆคล้ายจะถ่วงเวลาหน้าตาเฉย เวรกรรมที่ดันมาเจอคนขี้แกล้งเข้าอีกรายจนได้
ครับขอบคุณครับ เอ้อ !แล้วข้างบนนี่มุมไหนครับ?”
พอไปถึงก็เลี้ยวซ้าย พอสุดทางก็เห็นเอง
จองฤกษ์ไม่ขอบคุณซ้ำ แต่รุดขึ้นบันไดลิ่วๆแบบก้าวทีละสองขั้นสามขั้นไปในทันที ระหว่างทางก็ภาวนาขออย่าให้เกิดอาการเข้าขั้นตรีทูตขึ้นมาอีก เอาแค่ตอดนิดตอดหน่อยแบบให้โอกาสปลอดภัยได้ตลอดรอดฝั่งกันบ้างเถอะ และถ้าคราวนี้ถูกหลอกอีกหน ก็ขอให้ฟ้าดินเป็นพยาน เขาจะตามล่าเด็กเลี้ยงแกะชายหนึ่งหญิงหนึ่งให้พบทั้งสองคนแล้วลงโทษอย่างสาสมที่สุด!
๑๐๖


ขึ้นมาถึงชั้นบน เลี้ยวซ้ายวิ่งขโยกเขยกไปจนสุดทาง ประตูอยู่ที่นั่นจริงๆ กลิ่นห้องน้ำที่โชยออกมาเตะจมูกช่างหอมหวนทวนลมไม่มีอะไรเกิน เพิ่งเข้าใจคำว่าสุขาอย่างถ่องแท้ก็วันนี้เอง เด็กหนุ่มก้าวพรวดเข้าคอกหนึ่ง ปิดประตูปึงปังกลับหลังหันปลดกางเกง กระแทกตัวลงนั่งโครมทันเวลาแบบฉิวเฉียดขนาดเส้นยาแดงผ่าแปด
ถอนใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า คล้ายผ่านมรสุมชีวิตมาอย่างยากเย็นเหลือพรรณนา หลายนาทีผ่านไป ทุกอย่างกลับสงบลงเหมือนทะเลป่วนที่คืนสู่สภาวะราบคาบ จองฤกษ์ยิ้มกับตนเองเหี้ยมๆ พยักหน้าหงึกๆอย่างเพิ่งนึกออกเกี่ยวกับความจริงในชีวิตข้อหนึ่ง คือคนเราไม่จำเป็นต้องเกลียดกันเสียก่อนถึงค่อยคิดกลั่นแกล้งกันได้ ขอเพียงมีนิสัยเด็กเกเรติดตัวอยู่เป็นทุนเท่านั้น
ความแค้นของจองฤกษ์เมื่อถึงขีดหนึ่งจะปราศจากปฏิกิริยาปึงปังโว้กว้าก ทว่าจะเงียบสงบแบบคนเลือดเย็น หรี่ตาครุ่นคิดหาวิธีจองล้างจองผลาญอย่างเอาจริงเอาจัง หากยังตกลงปลงใจเลือกวิธีดับแค้นไม่ได้ก็จะคิด คิด และคิดต่อไปเรื่อยๆจนกว่ากระดิ่งแห่งความชั่วร้ายจะลั่นเปรี้ยงขึ้นมาในหัว
วางแผนเป็นขั้นๆว่าจะตามล่าตัวยักษ์ใหญ่ใจมารตนนั้นด้วยวิธีใด ลักษณะเครื่องแต่งกายลำลองแบบคนมาสะสางงานวันอาทิตย์ทำให้ทราบว่าต้องเป็นคนในบริษัท และน่าจะประจำอยู่ที่ตึกนี้แน่ ฉะนั้นถ้ามีความอุตสาหะเพียงพอ เดินหาทีละห้อง ก็ต้องได้พบได้เจออยู่แล้ว ถ้าใครถามว่ามาด้อมๆมองๆดูอะไร เขาก็จะบอกว่าต้องการพบชายสูงประมาณ ๑๗๐ เซนติเมตร รูปร่างอ้วนท้วน หน้าตาใจดี ผิวขาว ไม่ไว้หนวด วันนี้ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้ามาทำงาน หากถูกซักว่าต้องการพบด้วยธุระอันใด ก็จะตอบว่าเมื่อครู่ชายคนนั้นฝากอะไรบางอย่างไว้กับเขา และเขากำลังจะเอามาคืน
คนคงไม่สงสัย เนื่องจากเขาเป็นวัยรุ่นดูไร้พิษสง อย่างน้อยคงบอกชื่อเสียงเรียงนามพร้อมห้องที่อยู่ให้โดยดี ซึ่งขอเพียงรู้ชื่อนามสกุลพร้อมที่ทำงานเช่นนี้ แฮกเกอร์อย่างเขาสามารถเล่นงานใครให้บอบช้ำแค่ไหนก็ได้ โดยที่เจ้าตัวจะไม่มีวันรู้เลยว่าชะตากรรมอันย่ำแย่เหลือเชื่อนั้น ใครเป็นผู้กำหนด!
ไม่มีวันรู้ว่าใครเป็นผู้กำหนดชะตา
คล้ายความคิดที่ผุดขึ้นระลอกนั้น พลิกผันปฏิรูปตัวเป็นมนต์บันดาลใจให้หวนระลึกถึงณชะเลอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ หล่อนและหนังสือของหล่อนอ้างเสมอว่าเรื่องราวทั้งหลายในชีวิตถูกลิขิตขึ้นจากกรรมเก่า อาจจะชาตินี้หรือชาติก่อน และเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมา ก็จะเป็นเหตุกระตุ้นให้มนุษย์เกิดปฏิกิริยาทางใจ บันดาลให้ทำกรรมดีร้ายตอบสนองต่อไปอีก กลายเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ไม่รู้จบ
กะพริบตาสองสามครั้ง หากคิดถึงปฏิกิริยาลูกโซ่ที่เกิดขึ้นในกรอบของกรรมวิบาก ก็คงต้องบอกว่าผู้แกล้งคนอื่นย่อมถูกคนอื่นกลั่นแกล้งคืน เมื่อใครถูกกลั่นแกล้งก็ย่อมผูกใจเจ็บ อยากกลั่นแกล้งกลับ แล้วก็ต้องโดนแกล้งอีก หมุนวนเป็นวัฏจักรแห่งความชั่วร้ายอยู่อย่างนี้
หากการเจอเจ้าอ้วนใจร้ายคือผลกรรมเก่า แล้วเขาไปกลั่นแกล้งหมอนั่นไว้ตั้งแต่ปางไหนในเมื่อเกิดมาไม่เคยเจอกันสักหน? ถ้าบอกว่าเป็นอดีตชาติแล้วจะไปรู้ได้อย่างไร ใครจะอยากเชื่อว่าไอ้คนลวงโลกนั้นเป็นเจ้าหนี้เก่าที่มีสิทธิ์ทวงแค้นคืนตามกฎแห่งกรรม?
ขณะที่ยังไม่ทันสามารถตอบคำถามเดิมของตนเองได้ ก็เกิดคำถามใหม่แทรกซ้อนขึ้นมาอีกชนิดที่ทำให้ชะงักกึก เพราะเป็นคำถามซักค้านของคนที่พร้อมจะเถียงแม้แต่ตัวเอง ตามแบบฉบับนิสัยของแฮกเกอร์ นั่นคือ จะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าอ้วนนั่นไม่เคยถูกเขากลั่นแกล้งในชาติปัจจุบัน โดยทางตรงหรือทางอ้อม?
แต่ละคนมีสิทธิ์ก่อกรรมชนิดที่ส่งผลกระทบต่อวงกว้างได้เสมอ ทั้งที่ตระหนักและไม่ตระหนัก
๑๐๗


นึกถึงกรรมใหญ่ที่ตนเพิ่งก่อ คือใช้ความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์กลั่นแกล้งผู้คนไปทั่วโลก มันเป็นการแกล้งแบบเหวี่ยงแห ไม่จำเพาะเจาะจง ไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหมใด หลอกคนเป็นล้านด้วยอุบายลวงแยบยลดุจคนที่คิดอยากช่วยเหลือกัน แต่ที่แท้เป็นการต้มตุ๋นแบบตลกเลือด เชือดกระเดือกชาวบ้านเล่นโดยไม่ต้องมีเหตุบาดหมางมาก่อน
หนึ่งในล้านของเหยื่อเหล่านั้นอาจเป็นคนที่เพิ่งหลอกให้เขาหลงทางไปสดๆร้อนๆก็ได้ ใครจะรู้!
ระบายลมหายใจยาว คิดถึงกรรมที่ตนเพิ่งทำไป เหตุผลแท้จริงที่อุตส่าห์อดตาหลับขับตานอนอยู่หลายเดือนมาก่อการร้ายผ่านอินเตอร์เน็ตครั้งนี้ ก็เพียงแค่อยากมีชัยเหนือบริษัทซอฟต์แวร์อันดับหนึ่งของโลก เพียงแค่อยากตบหน้ายักษ์ใหญ่ที่ชอบอวดโอ่และส่งคำท้าทายไปยังเหล่าแฮกเกอร์ให้ทะลวงผ่านรั้วป้องกันเวอร์ชั่นล่าสุดของตนดู ประมาณว่าใครทำได้ถือเป็นเทวดาอะไรทำนองนั้น
ความสำเร็จของเขาเท่ากับการประกาศศักดาว่ามีชัยเหนือกลุ่มโปรแกรมเมอร์ซึ่งฉลาดที่สุดของบริษัทซอฟต์แวร์เจ้าใหญ่ที่สุดบนพื้นพิภพไปแล้ว แม้ไม่ได้โล่รางวัลจากสถาบันใด แต่ก็เป็นที่โจษจันระดับโลก และเป็นความน่าทึ่งในหมู่จารชนคอมพิวเตอร์ด้วยกัน หาอ่านตามเว็บบอร์ดชุมนุมแฮกเกอร์ที่ไหนก็มีแต่คนกล่าวขวัญถึงเขาอย่างชื่นชม ในขณะที่เขานั่งผยองลำพองขนอยู่ตามลำพังเงียบๆในประเทศเล็กๆที่ยังไร้วีรบุรุษทางด้านนี้ ไม่มีใครนึกถึง และไม่มีร่องรอยใดๆให้ใครสาวมาเจอตัวเขาได้เลยแม้แต่น้อย เพราะเขาใช้เทคนิคแบบเซียนเหยียบเมฆที่ไม่เคยมีใครใช้มาก่อน
แต่ถ้ามองว่าวิบากหรือผลกรรมมีจริง เหตุการณ์วันนี้อาจเป็นการประกาศศักดาของธรรมชาติให้เขาประจักษ์บ้าง ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือมนุษย์ยังมีกฎแห่งการสนองกรรม !เขาโดนเล่นงานแบบถึงเนื้อถึงตัวโดยไม่ต้องมีการสืบหาเบาะแส ไม่ต้องมีการแกะรอย ไม่ต้องมีการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงใดๆมางัดข้อกัน
นึกถึงคำถามของตัวเองเมื่อครู่ที่วนซ้ำๆอยู่ในหัว ว่าทำไมมันทำหยั่งงี้วะ? กูไปทำอะไรให้มึงวะ? ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงต้องหลอกกันด้วยวะ? เหล่านั้นจะเป็นคำถามเดียวกันกับที่อึงอลอยู่ในหัวของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายนับล้านของเขาด้วยหรือไม่?
กะพริบตาถี่ๆอย่างมึนงง เพราะวูบหนึ่งคล้ายตระหนักว่าเสียงในหัวที่เกิดขึ้นกับผู้ถูกกระทำอย่างไร เสียงเดียวกันนั้นจะย้อนกลับมาดังขึ้นในหัวของผู้กระทำเข้าให้จนได้
นึกถึงการตีบทแตกของชายหน้าตาใจดี ที่คล้ายพลอยตระหนกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเขา ก็ยิ่งสะกิดให้ย้อนนึกถึงอุบายลวงโลกของตนที่พูดแบบหวังดี ชักชวนให้ไปดาวน์โหลดโปรแกรมป้องกันไวรัสมาติดตั้ง แต่พอผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วโลกเอามาติดตั้งจริงกลับกลายเป็นตัวคายพิษไปเสียฉิบ!
เคยหัวเราะเยาะคนอื่นที่รู้ไม่ทันตนลับหลัง บัดนี้ต้องมากลายเป็นไอ้หน้าโง่ที่ถูกหัวเราะเยาะไล่หลังเข้าให้บ้าง
ช่างเถอะ คงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
จองฤกษ์ปลอบใจตนเอง ความประจวบเหมาะระหว่างสองเหตุการณ์ที่ละม้ายคล้ายคลึงกัน ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวโยงกันแม้แต่น้อย ทุกเรื่องเป็นอิสระจากกัน มนุษย์มีอิสระที่จะเลือกเดินไปเจอสิ่งต่างๆ และสิ่งต่างๆก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกต้อนรับมนุษย์ตามอำเภอใจ ซึ่งมันก็แค่บังเอิญมาซ้ำรอยกัน
แค่บังเอิญ
เอหรือว่าไม่บังเอิญ?
เขาจะรู้ได้อย่างไรกัน? หากนี่เป็นวาระแรกแห่งการปรากฏตัวของวิบากกรรมขึ้นมาจริงๆอะไรจะเกิดขึ้น?
๑๐๘


เรื่องน่ากลัวมีอยู่ว่าถ้านี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น ก็แปลว่าชีวิตเขากำลังเข้าสู่เส้นทางแห่งความหายนะเกินกว่าจะเดาผลสุดท้ายได้ถูก เพราะการทำให้คนเดือดร้อนเป็นล้าน คงไม่ใช่แค่โดนหลอกเรื่องห้องน้ำในนาทีวิกฤตเท่านี้หรอก
ย้อนทวนขึ้นไปแล้วต้องหนาวยะเยือก เขาลืมไปสนิทว่าที่ออกจากบ้านวันนี้ก็เพราะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเป็นอันดับแรก คือกำลังจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์สื่อสารเพื่อติดตามข้อมูลสำคัญอย่างต่อเนื่อง อุปกรณ์ดันเสียขึ้นมาเฉยๆราวกับถูกกำหนดเวลาไว้พอดิบพอดีให้พ้นระยะเปลี่ยนเครื่องได้ใหม่
จากความเย็นสันหลังแปรเป็นอาการขนหัวลุก นี่เป็นเรื่องน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าภูติผีปีศาจ เพราะภูติผีปีศาจจะเล่นงานใครยังมีรูปแบบ ยังมีเงื่อนไขข้อจำกัดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ในการหลอกหลอน แต่วิบากกรรมนั้นหากมีจริงแล้วล่ะก็ จะเล่นงานผู้เป็นเป้าหมายด้วยรูปแบบใดก็ได้ไม่จำกัด ในเมื่อทุกชีวิต ทุกวินาที และทุกหนแห่งที่เขาผ่านไปพบบนโลกใบนี้ อาจแปรเป็นเครื่องมือของวิบากกรรมได้ทั้งหมดทั้งสิ้น!
ทำอย่างไรจะรู้ได้ว่าวิบากกรรมเป็นของจริง และบัดนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับมันอย่างเต็มตัว? ไม่เคยรู้สึกการพิสูจน์ใดๆจำเป็นเท่านี้มาก่อนเลย เขาจะต้องรู้ให้ได้ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ข้างหน้าที่กำลังจะมาถึง
ในหนังสือเลือกเกิดใหม่ระบุไว้ว่ากรรมคืออะไรอย่างหนึ่งที่ปราศจากรูปร่างหน้าตา ปราศจากความรู้สึกนึกคิด ปราศจากเจตจำนง ไม่มีแม้กลุ่มพลังให้สัมผัสได้อย่างเปลวแดดหรือควันไฟ มีแต่ความจริงให้รับรู้ว่ามันเป็นเงาตามทุกคนและคอยทำหน้าที่บันดาลเหตุการณ์ดีร้ายอย่างปราศจากอคติอยู่เท่านั้น ถ้าอยากให้กรรมออกจากที่ซ่อนและแสดงตัวเป็นรูปธรรมทันใจ ก็ให้เลือกเอากุศลกรรมเด่นๆที่ทำประจำมาเป็นตัวตั้ง จากนั้นจงเอ่ยปากแบบเสียงดังฟังชัด อธิษฐานว่าหากกรรมวิบากมีจริง ก็โปรดบันดาลเรื่องดีสมกับกรรมดีที่ทำ เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ เพื่อเป็นกำลังใจ เพื่อให้มีมานะในการบำเพ็ญบุญกุศลยิ่งๆขึ้นไปด้วยเถิด
พลังแห่งความจริงนั้นน่าพิศวงเหนือพลังอื่นใด เมื่อใดอ้างถึงความจริง ทุกคนย่อมสามารถสัมผัสรู้สึกได้ถึงพลังที่มีอยู่จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นกุศลผลบุญอันหนักแน่นที่สั่งสมมานาน
แต่นาทีนั้น ขณะแห่งความรู้สึกบีบคั้น และประหวั่นพรั่นพรึงในบาปอกุศลที่เพิ่งทุ่มใส่ผู้คนนับล้าน ทำให้จองฤกษ์นึกไม่ออกว่าตนเคยประกอบกรรมดีอันใดไว้บ้าง ย้อนนึกควานค้นในสมองก็เจอแต่เรื่องเลวๆ แม้กระทั่งการช่วยณชะเลให้หลุดรอดจากการสวมรอยของจุ๊บแจง เขาก็อุตส่าห์ทำความเจ็บช้ำน้ำใจให้จุ๊บแจงด้วยการเอาไปประจานเสียอีก
พอนึกไปนึกมาหาความดีของตัวเองไม่เจอ หนักเข้าจองฤกษ์ก็โกรธตัวเอง โกรธกฎแห่งกรรม โกรธสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพุทธศาสนา เมื่อบวกกับความเลือดร้อนแห่งวัยจึงทำให้หน้ามืดไปชั่ววูบ แทนที่จะนึกอธิษฐานอ้างอิงกรรมดีตามคำแนะนำในหนังสือ เด็กหนุ่มกลับพูดออกมาลั่นห้องส้วมว่า
ถ้ากรรมที่ทำให้คนต้องทุกข์หนักมีผลสนองได้จริง ก็ขอให้เล่นงานกูภายในวันนี้อีกรอบเถอะ อยากพิสูจน์ว่ะ!”
นั่น !ต้องอย่างนั้น !พูดแล้วอดสะใจในความบ้าดีเดือดของตนเองไม่ได้ จะมัวหัวหดอยู่ทำไม ส่งคำท้าให้เห็นดำเห็นแดงกันไปเลย !ถ้าวิบากกรรมมีจริงก็อยากท้าชกกันตัวๆไปเลย
แต่อึดใจเดียว จองฤกษ์ก็ขนลุกเกรียวอย่างประหลาด วูบหนึ่งคล้ายหน้ามืด สายตาพร่าพรายเห็นทุกอณูอากาศรอบตัวปรากฏเงาดำทะมึนหลอกหลอน เขาปิดเปลือกตาลงบีบแน่นแล้วลืมตาขึ้นใหม่ แต่ความรู้สึกหนักๆทึบๆนั้นที่น่าพรั่นพรึงยังคงลอยวนอยู่รอบรายไม่หายไปไหน จนต้องสูดหายใจเข้าปอดยาวๆเพื่อสร้างความปลอดโปร่งให้ตนเองหลายๆหน จึงค่อยรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
๑๐๙


กลืนน้ำลายอึกใหญ่ คงไม่มีอะไร แค่อุปาทานไปเอง
แต่ถ้าความจริงคือไม่มีอะไร แล้วอะไรเล่าที่ทำให้เขาขนลุก? นี่เขาเพิ่งพูดอะไรน่ากลัวที่สุดในชีวิตออกไปหรือเปล่า?


อ่านต่อตอนที่ ๒๔ >> 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น