วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559

อยากภาวนาที่บ้าน ให้ได้เหมือนตอนเข้าคอร์สปฏิบัติธรรม

ถาม : หนูเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมปีละ๒-๓ ครั้งนะคะ แต่ว่ามีปัญหาว่า พอกลับมาที่บ้าน ปฏิบัติได้ไม่สม่ำเสมอค่ะ ตอนเช้าก็ขี้เกียจ ตอนเย็นก็เหนื่อย พยายามที่จะรู้ลมในชีวิตประจำวันค่ะ แต่ว่าไม่แน่ใจว่า วิธีที่ทำมานี่ถูกหรือเปล่า แล้วก็จะมีวิธีแก้ไขให้ปฏิบัติได้สม่ำเสมอได้อย่างไรค่ะ

รับฟังทางยูทูบ :  https://youtu.be/_oyit0V-ETI
ดังตฤณวิสัชนา หลังพิธีบรรจุพระบรมธาตุครั้งที่ ๓
ในโครงการ
พระประธานทั่วหล้า
อาทิตย์ที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๙

ดังตฤณ: 
ของน้องนะ คือน้องสังเกตตัวเองนะ ตอนที่เข้าคอร์สปฏิบัติ กับตอนที่ออกมาอยู่ในชีวิตประจำวัน ความคิดไม่เหมือนเดิม ความคิดในชีวิตประจำวันของเรา บางทีอาจจะขี้หงุดหงิด เราก็จะปล่อยใจ ตามใจตัวเองให้หงุดหงิดง่าย แต่ว่าตอนเข้าคอร์สปฏิบัตินี่ บางทีมันมีสิ่งแวดล้อมมาบีบเราอยู่ว่าอย่าหงุดหงิดง่าย อย่าแสดงออกง่ายๆ มันก็เลยเหมือนกับว่า การปรุงแต่งทางจิตมันไม่เหมือนกัน เราจะไปคาดหวังว่าอยู่ที่บ้าน บ้านจะสามารถบีบให้เรามีวินัยได้เท่ากับที่ปฏิบัตินี่ เป็นไปไม่ได้

เราต้องเข้าใจเหตุปัจจัยพวกนี้ แยกออกมาเป็นองค์ประกอบง่ายๆที่จะทำความเข้าใจได้ชัดเจน อยู่ในที่ปฏิบัติธรรม มันมีกรอบที่ปรุงแต่งจิตของเรา ให้เกิดความขยัน อยากจะปฏิบัติ แม้กระทั่งเกิดความหงุดหงิดขึ้นมา เกิดอาการคิดมากขึ้นมา เกิดอาการเหมือนกับว่าจะคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ เราก็จะปัดมันทิ้ง เพราะว่าจิตถูกปรุงแต่งไปนี่ ว่าขณะนี้เราอยู่ในสถานที่ปฏิบัติ

แต่พอเรากลับมาบ้าน มันไม่มีกรอบแบบนั้น มันไม่มีใครว่า ถึงแม้เราจะมีความอยากจะให้มันเหมือนกับที่ปฏิบัติตลอดไป มันก็ไม่ได้ เพราะว่าแค่ตัววินัย ที่เราจะรับรู้เข้ามาภายในกายใจนี้ มันก็ไม่เหมือนกันแล้ว ในที่ปฏิบัติ เราไปที่ไหนก็มีแต่คนเตือน มีแต่ป้ายบอก หรือมีแต่ผู้ควบคุมว่า จงมีสติอยู่กับปัจจุบัน แต่ว่าอยู่ที่บ้าน เราต้องเตือนตัวเอง ถ้าไม่เตือนตัวเองมันไม่มีใครเตือน นี่แค่นี้การปรุงแต่งจิตเห็นๆเลย ว่ามันต่างกันขนาดไหน เอาล่ะ เอาเป็นว่า ถ้าหากเราเข้าไปในที่ปฏิบัติแล้วออกมาอยู่ที่บ้านอย่าคาดหวัง ความปีติในที่ปฏิบัติ ความรู้สึกว่าเราปฏิบัติได้ดีในที่ปฏิบัติ ให้วางทิ้งไว้ในที่ปฏิบัติ ไม่ต้องไปอยากที่จะลากมันกลับมาอยู่ที่บ้านเราด้วย

ให้ตั้งความคาดหวังว่า
เราจะอาศัยความสุขหรือปีติ
ในช่วงของการเข้าคอร์สปฏิบัติ
เป็นจุดตั้งต้นให้สังเกตใจตัวเองว่า
เมื่อมีเหตุปรุงแต่งจิตอย่างนี้
มันก็จะทำให้ใจเบา
มันจะทำให้กายมีการตอบสนอง
พร้อมที่จะเจริญสติ

แต่เมื่อกลับมาที่บ้าน
เรามาเห็นทีวี เรามาเห็นมือถือ
เรามาเห็นเพื่อนบ้าน เรามาเห็นแฟน
เรามาเห็นอะไรต่อมิอะไร
ที่เป็นความคุ้นเคยแบบเก่าๆที่จะเร้ากิเลสของเรา
กิเลสมันก็กลับมา

พอเราเห็นเป็นเหตุเป็นปัจจัยแบบนี้ เราจะไม่ตั้งโจทย์ผิดๆ ไม่ตั้งความคาดหวังไว้ผิดๆ ไม่คิดว่าไปอยู่ที่ปฏิบัติธรรมมาแล้ว จะต้องทำให้ดีเท่านั้นตลอดไปนะครับ

พูดสรุปก็คือว่า
เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับใจของเราเอง
ตอนที่เราตามใจตัวเองกับตอนที่เรามีวินัยนะครับ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น