ตอนที่ ๙ แอบถ่าย
จองฤกษ์ต้องรวบรวมความกล้าอีกครั้ง
หัวใจของเขยังคงเต้นผิดจังหวะขณะกดเบอร์โทรศัพท์ถึงณชะเล
เขานึกสงสัยว่าจะต้องคบกับหล่อนอีกนานเท่าใดกว่าที่ใจจะเลิกตื่นเต้นยามโทร.หาอย่างนี้
“ฮัลโหลค่ะ”
เสียงของหญิงวัยกลางคนทำให้เด็กหนุ่มเดาว่าคงเป็นคุณแม่ของเพื่อนสาว
เขาจึงทำเสียงนอบน้อมเป็นพิเศษ ทั้งที่ปกติไม่ค่อยจะเสียงอ่อนให้ใคร
ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หน้าไหน
“สวัสดีครับ ขอสายทรายครับ”
อีกฝ่ายเงียบไปครู่
แต่ความเงียบเพียงครู่เดียวนั้นก็ทำให้จองฤกษ์สัมผัสได้ถึงความเคร่งเครียดในกระบอกโทรศัพท์
คล้ายเกิดมโนภาพมารดาของณชะเลจ้องทะลุเครื่องมือสื่อสารมาเห็นเขาได้ทีเดียว
“ใครจะพูดด้วยจ๊ะ?”
คำซักถามนั้นใช้กันปกติทั่วไป
แถมมีจ๊ะมีจ๋าเป็นคำลงท้ายเสียด้วย
แต่จองฤกษ์ฟังน้ำเสียงเข้มงวดราวกับตำรวจหญิงของแม่ณชะเลแล้วเกิดความรู้สึกว่านั่นเป็นการสอบสวนเพื่อเก็บข้อมูลของเธอเองมากกว่าอย่างอื่น
ถ้าเกิดโทร.มาบ่อยๆ
จะได้หมายหัวไว้เป็นพิเศษว่าหนุ่มชื่ออะไรกำลังตามจีบลูกสาวเธออยู่
“ผมฤกษ์ครับ… จองฤกษ์”
เขาตอบไม่เต็มปากเต็มคำนัก
ราวกับต้องบอกรหัสลับให้ถูกเพื่อผ่านเข้าเขตหวงห้าม
“รอเดี๋ยวนะ”
จองฤกษ์ระบายลมหายใจโล่งอก
ครู่หนึ่งแห่งการรอคอยอันอ่อนหวาน
เขาก็ได้ยินเสียงเห่าเล็กแหลมของสุนัขสายพันธุ์ยอร์กเชียร์นำทางมา
ก่อนตามด้วยเสียงขุ่นมัวของเพื่อนสาว
“ฤกษ์เหรอ?”
ใจแป้วไปนิดหนึ่ง
เมื่อทราบจากน้ำเสียงว่าอารมณ์ของณชะเลน่าจะกำลังไม่ค่อยดีนัก
“ใช่… เอ่อ… ทรายกำลังธุระยุ่งอยู่หรือเปล่า?”
“อือ… ก็วุ่นๆ อยู่นิดหน่อย แต่วุ่นวายใจมากกว่านะ ไม่ถึงกับติดธุระอะไร”
“อ้อ…”
พอเห็นเขาเงียบเหมือนคนคอตีบตันพูดไม่ออก
เพราะไม่มีหัวข้อสนทนาเตรียมไว้ล่วงหน้า ณชะเลก็ออกอาการหงุดหงิด
“โทร.มาทำไมเหรอ?”
จองฤกษ์เสียกำลังใจทันทีที่เพื่อนสาวถามเหมือนไม่ค่อยสบอารมณ์
นั่นทำให้เขาต้องตั้งหลักใหม่และสงสัยอีกครั้งว่าการโทร.มาของเขาเป็นที่ชอบใจของหล่อนหรือไม่ จิตหดเหลือเท่าไม้ขีด
เกือบขอวางสายอย่างคนขี้น้อยใจ แต่ปากยังนึกอยากถามไถ่ด้วยความห่วงใยแท้จริง
“ทรายกำลังมีเรื่องอะไรวุ่นวายใจเหรอ? บอกเรา
เผื่อบังเอิญเรารู้วิธีช่วยได้บ้าง”
น้ำเสียงที่เรียบ
ซื่อ และดูมีใจสะอาดหมดจดทำให้หัวคิ้วของเด็กสาวคลายออกจากอาการขมวด
หล่อนตวาดสุนัขตัวโปรดบนตักเบาๆ ให้หยุดเห่า ก่อนตอบเขาด้วยเสียงเป็นปกติ
“โดนพวกโรคจิตสวมรอยน่ะ”
“ยังไง?”
เสียงของเขาเข้มขึ้นอย่างเป็นกังวลร่วมไปกับหล่อนทันที
ณชะเลเห็นเพื่อนหนุ่มเป็นเดือดเป็นร้อนแทนก็รู้สึกอุ่นใจกว่าเดิม
แม้ไม่คิดว่าเขาจะช่วยอะไรหล่อนได้
“ในเว็บ ‘ติดลม’ น่ะ มีคนเอารูปในชุดนักเรียนของทรายไปลงเป็นเซ็ต เสร็จแล้วแกล้งใช้ชื่อ ‘ไอโกะ’ พูดจายั่วยวนผู้ชายใหญ่เลย”
จองฤกษ์ฟังแล้วคลายใจลงบ้าง
เพราะอย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องปองร้ายคอขาดบาดตาย
เขาหมุนเก้าอี้เลื่อนไปหาหนึ่งในสามจอมอนิเตอร์บนโต๊ะทำงานเพื่อเรียกดูเว็บติดลมทันที
เพราะคอมพิวเตอร์ของเขาเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงตลอดเวลาอยู่แล้ว
ระหว่างคีย์ที่อยู่ของเว็บก็คุยกับเพื่อนสาวไปด้วย
“เขาได้รูปทรายไปแสดงว่ารู้จักกันสิ?”
“เป็นการแอบถ่ายทีเผลอน่ะ ท่าทางใช้ซูมระยะไกล
ไม่แน่ใจว่ารู้จักกันหรือเปล่า ทรายเห็นรูปตัวเองตอนไม่รู้ตัวเยอะๆ
แล้วกลัวจนนั่งไม่เป็นสุขเลยล่ะ”
“อาจเป็นคนในโรงเรียน”
เขาพยายามตีวงให้แคบ
“น่าจะอย่างนั้น เพราะทรายโดนในโรงเรียน แถวโรงอาหาร”
“เพิ่งมีคนมาจีบแล้วทรายตัดเยื่อตัดใยไปแบบเมินๆ หรือเปล่าล่ะ?”
พยายามทำตัวเป็นนักสืบ
อาศัยความจริงที่แรงอาฆาตของคนยุคนี้น่ากลัวขึ้นทุกวัน ขับรถปาดหน้ายังฆ่ากันตาย
ประสาอะไรกับการถูกผู้หญิงที่ตนหมายปองเชิดใส่
ชายสิ้นคิดบางคนที่ถือว่าหมิ่นศักดิ์ศรียิ่งกว่าขับรถปาดหน้าอาจแก้แค้นได้ทุกวิถีทางเกินกว่าจะเดาใจถูก
“ทรายไม่ใช่คนเชิดใส่ใคร… แต่เงียบๆ ไม่พูดกับพวกขี้หลีนี่มีบ้าง”
จองฤกษ์พยักหน้าหงึกๆ
อยู่อีกทาง จังหวะนั้นเขาโหลดหน้าแรกของเว็บติดลมซึ่งกำลังโด่งดังในหมู่วัยรุ่นครบแล้ว
จึงสามารถเห็น ‘ดาวเด่นประจำสัปดาห์’ ซึ่งเกิดจากการโหวตของผู้เข้าเยี่ยมชม
ชำเลืองแวบเดียวจากรูปย่อเท่าเล็บหัวแม่มือก็รู้ว่าหมายเลขหนึ่งจากจำนวนดาวสามดวงคือณชะเลนั่นเอง
คลิกที่รูป
รอชั่วลมหายใจเข้าออกไม่ทันสุดก็เห็นเว็บเพจแสดงรูปย่อของณชะเลเรียงแถวนับแล้วได้สองโหลพอดี
บางรูปก็เหมือนเผลอตัว แต่หลายรูปส่งยิ้มและเหมือนโพสต์ท่าให้กล้องราวกับนางแบบ
“เราเข้ามาที่เว็บแล้วนะ เอ่อ… แต่… บางรูปเหมือนทรายเต็มใจให้เขาถ่ายนี่”
“ไม่เลย! ไม่ใช่เลย!” ณชะเลปฏิเสธพัลวัน “แล้วก็นี่แหละที่ทรายขนลุก
เพราะแสดงว่าจะต้องสะกดรอยตามอย่างใกล้ชิดเป็นเวลานาน
เท่าที่ทรายทบทวนความจำจากอิริยาบถต่างๆ นะ
ทั้งหมดนั่นน่าจะเป็นการตามยิงช็อตหลายวัน และต้องมีความมานะพยายามมากๆ
ด้วยถึงเก็บท่าเก็บทางคล้ายทรายเต็มใจให้ถ่ายขนาดนี้
บางรูปที่ฤกษ์เห็นทรายทำท่าทำทาง เอ่อ… ยิ้มๆ ยวนๆ เหมือนท้าทายกล้อง แบบว่ากำลังหยอกเย้ากับเพื่อนซี้ คงเข้าใจนะ
ผู้หญิงเล่นกันน่ะ จังหวะมันบังเอิญเข้าทางจริงๆ ”
จองฤกษ์เม้มปากกลั้นหัวเราะ
พอเดาออกว่าณชะเลพาดพิงถึงรูปไหน แต่เขาไม่สนใจรูปดังกล่าวนัก
เพราะกำลังพินิจอีกรูปที่น่าพิสมัยกว่า
เมื่อคลิกเพื่อขยายดูเต็มขนาดเห็นณชะเลกำลังยืนใช้แขนขวากอดกระเป๋าหนังสือแนบอก
เอียงหน้าเล็กๆ ชม้ายตาสุกใสไปทางด้านข้างคล้ายแอบชำเลืองใคร
แก้มใสในเค้าหน้ายาวเรียวช่างเย้ายวนให้อยากลอบยื่นจมูกเข้าไปหอม ปากแดงอิ่มเต็มเผยอเล็กๆ
ในลักษณาการแย้มยิ้มพึงใจกับสิ่งที่เห็นเบื้องไกล
ผิวขาวซ่านเลือดฝาดแห่งวัยกำดัดในชุดนักเรียนมัธยมน้ำเงินขาวคมชัดตัดกับฉากหลังที่พร่ามัว
โฟกัสของภาพรวมเน้นให้เห็นรูปทรงสีสันโดดเด่นกระจะตาของเทพธิดาร่างน้อย
สดฉ่ำราวกับมีละอองชมพูพร่างพรมไปรอบบริเวณที่หล่อนยืนอยู่ก็ไม่ปาน
รูปๆ
เดียวแสดงบรรยากาศอันเกิดจากความเป็นณชะเลเกือบครบ ทั้งความซุกซนแห่งวัยในตาใส
ทั้งรอยยิ้มจางแฝงน้ำใจปรานีในปากอิ่ม
ทั้งความสว่างขาวอมชมพูในผิวนิ่มเยี่ยงทาริกา
รวมแล้วบันดาลให้เกิดจิตลุ่มหลงเสน่หา
ดึงดูดให้ติดตาติดใจได้ปุบปับภายในชั่ววูบแรกที่จดจ้อง จองฤกษ์เพิ่งมีโอกาสจับมองเครื่องหน้าณชะเลโดยไม่ต้องเกรงใจเจ้าตัว
ถึงกับนิ่งเหม่อไปชั่วขณะ เพิ่งประจักษ์ว่าเสน่ห์ของหล่อนมีอานุภาพสะกดปานใด
โดยเฉพาะ ‘มุมสวย’ ที่เส้นโค้งมนแห่งสรีระอิตถีและสีสันทั้งหลายภายในองค์ประกอบภาพ
ช่วยกันเสริม ช่วยกันเชิดชูจนไม่ต้องกังขาว่าสามารถตีระฆังหัวใจใครต่อใครให้กังวานไกลได้ปานไหน
เด็กหนุ่มสลัดหน้าเพื่อให้ใจหลุดจากมนต์ครอบงำแห่งรูปหญิง
กลืนน้ำลายอึกใหญ่ขณะคลิกกลับมาที่หน้ารวมรูปย่อ
พยายามหักห้ามโดยคิดว่ายังมีเวลายลอีกเยอะ
ตอนนี้ต้องทำหน้าที่เป็นเดือดเป็นร้อนร่วมกับเพื่อนสาวเสียก่อน
ปกติเว็บทำนองนี้มักอนุญาตให้แฟนๆ
ของเว็บส่งสารเพื่อสารภาพรัก สารภาพว่าหลงใหลคลั่งไคล้เจ้าของรูปปานใด
แล้วก็จะมีประมาณหมาวัดมาเห่าดอกฟ้าเล่นเป็นถ้อยคำหยาบโลนลามกจกเปรตบ้าง
หรือวิจารณ์รูปแบบสาดเสียเทเสียให้เจ้าตัวอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนีบ้าง
แต่เว็บ ‘ติดลม’ มีแนวคิดโปรโมทสมาชิกสาวๆ
แปลกไป และกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
กล่าวคือแทนที่จะปล่อยให้สาวเป็นฝ่ายถูกโหวตฝ่ายเดียว
ทางเว็บยังเปิดโอกาสให้ฝ่ายสาวให้คะแนนผู้ชมบ้าง
สาวเจ้าของภาพจะได้สิทธิ์เข้าไปดู ‘ความเห็น’ หรือ ‘คำวิจารณ์’ ของหนุ่มๆ ก่อน และจะมีสิทธิ์คัดกรองเอาเฉพาะความเห็นกับคำวิจารณ์ที่พอใจมาแสดงต่อสาธารณชน
เป็นการตัดทางอย่างเด็ดขาดไม่ให้มีการโพสต์ข้อความหยาบโลนจาบจ้วงกัน
อีกทั้งสามารถแปะดาวเป็นจำนวนดวงตามความพอใจ เลือกป้ายคำวิจารณ์สั้นๆ เช่น ‘หวานไป!’, ‘ขี้จุ๊!’, ‘ตลกจัง!’, ‘เด็ดดี!’,
‘ว้าว!’ หรือ ‘อันนี้โดนใจใช่เลย!’ ฯลฯ หรือถ้านึกสนุกจะโต้ตอบความเห็นนั้นๆ ด้วยถ้อยคำของตนเองก็ยังได้
เป็นการให้กำลังใจหนุ่มๆ ที่มารุมตอม จะได้สร้างสรรค์คำป้อมาแข่งกันใหม่
จับพลัดจับผลูอาจได้นัดทานข้าวกับตัวเป็นๆ ของสาวในรูป!
และเพราะสมาชิกผู้โพสต์รูปสามารถคัดกรองความเห็นทั้งหมดได้
จึงไม่มีประโยชน์หากตัวจริงเสียงจริงของณชะเลคิดจะแฉกลับว่างานนี้เป็นเรื่องแหกตา
เว้นแต่ณชะเลจะแสดงตัวกับเจ้าของเว็บเท่านั้น
ไอโกะได้รับคะแนนโหวตท่วมท้นร่วมหมื่น
จองฤกษ์แทบได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความคลั่งไคล้ของบรรดาหนุ่มๆ ดังระเบิดเถิดเทิงออกมาจากช่องแสดงคะแนนเลยทีเดียว
คะแนนดังกล่าวเชื่อได้ทันทีด้วยตาเปล่าว่าเป็นของจริง
ไม่ใช่หน้าม้าแกล้งกลับเข้ามาเชียร์ซ้ำ
และไม่ใช่เจ้าตัวแกล้งปั่นเอาเองอย่างแน่นอน แค่ใช้สามัญสำนึกก็รู้ได้
รูปสวยชวนหลงออกปานนั้น
เมื่อเด็กหนุ่มสำรวจข้อความของแฟนๆ
ที่ได้รับการ ‘คัดแล้ว’ ทางด้านล่าง ก็พบกับคำป้อยอจำนวนมหึมาน่าตื่นใจเหยียบพัน
เขาคลิกอ่านทีละความเห็นอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่หลงใหลได้ปลื้ม
พร่ำเพ้อพรรณนาถึงความสวยหวานหยาดฟ้ามาดินของณชะเลเกือบทั้งสิ้น
แสดงว่าเจอมนต์สะกดชุดเดียวกันถ้วนหน้า
จองฤกษ์ถอนใจเฮือก
หัวใจเต้นตึกๆ ผิดจังหวะไปนิดหนึ่ง ด้วยสำนึกว่าในขณะที่หนุ่มๆ
ค่อนเมืองกำลังละเมอหาณชะเลอย่างสิ้นหวัง
เขากลับโชคดีได้รับอภิสิทธิ์มานั่งคุยกับดวงดาวตัวจริงเสียงจริงอยู่เดี๋ยวนี้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเอาเลย!
ส่งเสียงหัวเราะไปตามสาย
แกล้งพูดให้เป็นเรื่องเบาสมองไปเสีย
“ทรายเลยกลายเป็นคนดังไปแล้ว เตรียมรับค่าพรีเซ็นเตอร์โฆษณาแพงๆ ได้
เดี๋ยวแมวมองติดต่อมาแน่ ความจริงก็ดีเหมือนกันนะ”
“ดีตายล่ะ! ฤกษ์อ่านที่เจ้าโรคจิตมันสวมรอยทรายในบางความเห็นสิ มีอย่างที่ไหน
บอกเขาไปว่าอยากอวดรูปตอนใส่ชุดว่ายน้ำ ใครอยากดูให้ยกมือขึ้น
ถ้านับเสียงโหวตได้เกินร้อยจะทยอยโพสต์ให้ตามคำเรียกร้อง เนี่ย! ทรายอยากร้องไห้จริงๆ
ถ้ามีพวกบ้าจี้เรียกร้องมากๆ เจ้าตัวแสบมันต้องแกล้งตัดต่อรูปทรายส่งให้ดูแหงเลย”
หน่วยตาเด็กหนุ่มเบิกขึ้นนิดหนึ่ง
คอแข็งอั้นอึ้งกลืนน้ำลายแทบไม่ลงในทันใด เขายังไม่เจอข้อความสวมรอยดังกล่าว
แต่เขาเป็นคนเดียวในโลกกระมังที่ได้ฟังจากปากเจ้าตัวเองว่า ‘ใครอยากดูยกมือขึ้น’ แน่นอนว่านั่นทำให้เขาอยากยกมือยิ่งกว่าพวกที่ได้แต่อ่านทางเว็บอย่างเดียวหลายร้อยเท่า!
เว็บติดลมดอทคอมอนุญาตให้สมาชิกผู้เป็นเจ้าของอัลบัมเพิ่มเติมหรือคัดรูปเก่าออกได้
โดยเฉพาะถ้าอัลบัมใดมีคนสนใจมากก็จะยิ่งได้อภิสิทธิ์เพิ่มพื้นที่จัดเก็บเป็นพิเศษ
ฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ไอ้โม่งจะทำตามที่ลั่นวาจาไว้จริงๆ
นี่ไม่ใช่เรื่องน่านิ่งนอนใจนัก
“ทรายรู้ว่าโดนสวมรอยตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตั้งแต่ตอนกลางวัน มีคนไม่รู้จักเดินเข้ามาทัก เรียกทรายว่า ‘ไอโกะ’ พอเราถามว่าไอโกะอะไร
เขาก็บอกว่าเห็นจากเว็บติดลมนี่แหละ นี่ยังไม่รวมที่มองห่างๆ
แล้วซุบซิบกันท่าทางไม่แน่ใจอีกนะ
เพราะเจ้าตัวดีใช้โฟโต้ช็อพลบอักษรย่อของโรงเรียนออก
เลยไม่มีอะไรชี้ชัดว่าเป็นทรายแน่ๆ ”
เด็กสาวเสียงเครือคล้ายจะร้องไห้
ทำให้จองฤกษ์ยิ่งเครียดและพูดเป็นงานเป็นการกว่าเดิมหลังจากดูรายละเอียดการโพสต์ข้อความเสร็จสิ้น
“อัลบัมนี้เริ่มเปิดขึ้นเมื่อสามวันก่อนนี่เอง เอาเถอะทราย เราจะช่วยนะ
ก่อนอื่นจะเอารูปแอบถ่ายพวกนี้ออกไปให้หมด”
“ขอบใจ แต่เราส่งเมลบอกผู้ดูแลเว็บแล้วล่ะ”
“ไม่ใช่!” จองฤกษ์เสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย “เราจะเป็นคนเอาออกให้เองภายในไม่กี่นาทีข้างหน้า!”
ณชะเลถึงกับเงียบกริบ
ทีแรกอยากเข้าใจว่าเพื่อนหนุ่มล้อเล่น
แต่น้ำเสียงและภาพลักษณ์ของเขาช่างไม่ขี้เล่นเอาเสียเลย
“เธอจะ…”
“เดี๋ยววางสายแค่นี้ก่อนนะ พึ่งพาผู้ดูแลเว็บน่ะไม่ทันใจหรอก
กว่าเขาจะตรวจสอบความจริง กว่าเขาจะมีเวลาจัดการทุกอย่างให้ อย่างน้อยก็คงหนึ่งวันเต็มๆ
เคราะห์ร้ายหน่อยเจอพวกเช้าชามเย็นชามอาจเป็นอาทิตย์
แต่เราจะทำให้ทรายเดี๋ยวนี้แหละ! จัดการเสร็จจะโทร.บอกอีกที
ทรายรอตรงหน้าเครื่องเลยก็ได้”
“อะ… เอ่อ… ขอบใจ”
เด็กสาวรับคำอย่างงุนงง
พอได้ยินเสียงตู๊ดๆ แสดงการวางสายของฝ่ายโน้นเลยวางตามด้วยสีหน้าคล้ายคนครึ่งหลับครึ่งตื่น
แม่ย่องเข้ามาข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ
ถามเสียงดังจนหล่อนสะดุ้ง
“พวกโรคจิตหรือเปล่า?”
ณชะเลหันขวับ
พอรู้สึกถึงน้ำหนักตัวของเจ้าอุ๊ยโหยที่หน้าตักตน
ก็อุ้มขึ้นกอดและปล่อยให้มันเลียแก้ม ตอบคำถามคุณแม่หางเสียงติดสั่น
“ไม่ใช่ค่ะ เพื่อนของทราย ที่วันก่อนคุณพ่อขับพาไปส่งให้พ้นนักเลงน่ะค่ะ”
ระบุเช่นนั้นเพราะมารดาหล่อนก็เห็นเขา
ความจริงรสรินจำได้ตั้งแต่เด็กหนุ่มบอกหล่อนว่าชื่อ ‘ฤกษ์’ แล้ว
แต่ถามไปอย่างนั้นเองเป็นการอุ่นเครื่องก่อนซักไซ้ไล่เลียงต่อ
“หาเจอหรือยังว่าใครเป็นตัวการ?”
ถามลูกสาวถึงเรื่องแอบถ่ายและสวมรอย
“โธ่! คุณแม่ขา ไม่ใช่สืบกันง่ายๆ ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ก็น่าจะเป็นคนรู้จักเรานั่นแหละ ใช่พ่อฤกษ์พ่อแรกอะไรนี่หรือเปล่าก็ไม่รู้
โผล่เข้าบ้านเราเหมือนโจร ที่โทร.เมื่อกี้อาจตามจะเยาะเย้ยก็ได้”
ณชะเลหัวเราะขำปนฉิวที่แม่มองเพื่อนตนในแง่ร้ายขนาดนั้น
เกือบจะรับประกันว่าคนอย่างเขาไม่ก่อเรื่องพรรค์นี้แน่นอน
แต่ก่อนจะเอ่ยคำก็ชะงักกึก เอะใจขนาดต้องเหลือบลงต่ำ
ถามตนเองว่าเหตุใดจองฤกษ์จึงมั่นอกมั่นใจนักหนาว่าเขาสามารถโละรูปและข้อความทั้งหมดทิ้งไปจากเว็บได้?
หรือที่แท้เขาเป็นเจ้าของเว็บสวมรอยซ้อนอีกทีเพื่อเอาหน้า?
หรือว่าเขานั่นแหละตัวดีแอบถ่าย
จึงรู้จังหวะโทร.ได้อย่างพอดิบพอดีราวกับอัศวินขี่ม้าขาว
ทำเป็นไก๋อาสาช่วยแก้สถานการณ์ร้อนใจให้หล่อนอย่างแนบเนียน
มันจะเป็นการโกยคะแนนอย่างมโหฬารได้จริงๆ เสียด้วย
หล่อนรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง? ไม่มีเลย! นอกจากการห่างหายไปหลายปีตามวิถีทาง
แล้วจู่ๆ ก็กระโดดพรวดเข้ามาในบ้านแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เรื่องนักเลงไล่
เรื่องหลบหนีหัวซุกหัวซุน
ทั้งหมดคือการอำกันแบบหน้าตายหรือเปล่าก็ไม่มีทางทราบเช่นกัน!
เด็กสาวเม้มปาก
สีหน้าครุ่นคิดจริงจังทำให้ผู้เป็นแม่สังเกตเห็นและกอดอกซักเสียงขรึม
“นึกอะไรออกเกี่ยวกับตาคนนี้เหรอ?”
“เอ่อ… ก็ไม่เชิงนะคะ เพียงแต่รู้สึกว่ามีเรื่องบังเอิญเกี่ยวกับเขาเยอะจัง”
“นั่นน่ะสิ” ผู้เป็นแม่หย่อนตัวลงนั่งทันทีพร้อมสำทับ “แม่ตงิดๆ
อยู่ตั้งแต่แรกแล้ว มีอย่างที่ไหน เพื่อนเก่าบังเอิญปีนบ้านมาขอหลบภัยเอากับเรา
เขาสืบรู้ที่อยู่ทรายแล้วจงใจมากกว่า”
“เขาจะคิดให้ซับซ้อนทำไมคะ? ถ้าสืบได้ขนาดได้ที่อยู่ แค่โทร.มาดีๆ ก็ได้”
“ก็จะเซอร์ไพรส์เราไง หรือไม่ก็… คิดมิดีมิร้าย! ดูซิเลือกเอาจังหวะเหมือนรู้ล่วงหน้างั้นแหละว่าหนูจะอยู่บ้านตามลำพังพักใหญ่
ทั้งที่ปกติร้อยวันพันปีอย่างน้อยก็ต้องมีคนใช้อยู่บ้านเป็นเพื่อน”
พอแม่พูดแบบคนขี้ระแวง
ณชะเลก็รู้สึกว่าเรื่องไม่สมเหตุสมผลทันที หากจองฤกษ์วางแผนไว้ก่อนด้วยเจตนาร้าย
อย่างน้อยก็ต้องแกล้งชวนหล่อนเข้าที่ลับตาบ้าง
นอกจากนั้นคงต้องคิดแนบเนียนเสียจนกลายเป็นขี่ช้างจับตั๊กแตน
ไหนจะวิ่งไกลเสียจนหอบซี่โครงบาน ไหนจะปีนบ้านคนอื่นก่อนโดดเข้าบ้านหล่อน
ไหนจะปั้นสีหน้าตื่นเต้นดีใจเหลือประมาณกับการกลับมาพบหล่อนอีก
“เรื่องวันนั้นคงไม่มีอะไรน่าเคลือบแคลงมั้งคะแม่ เพียงแต่…”
ลูกสาวลังเล
เหลือบตาในแนวทแยงต่ำคล้ายคนกำลังคิดเถียงกับตัวเองอย่างหนัก
“เพียงแต่อะไร?” คุณแม่ทำทีเบนหน้าเหลือบมองพื้นจุดเดียวกับที่สายตาคุณลูกเล็ง “เจอตุ๊กแกดึงดูดความสนใจรึไง? อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ”
ณชะเลหัวเราะออกมาได้
“หนูกำลังคิดว่าทำไมเขาโทร.มาพอดีจังหวะจัง
แถมยังเสนอตัวจะช่วยลบข้อมูลทั้งหมดออกจากเว็บติดลมดอทคอมด้วย”
รสรินขมวดคิ้วมุ่น
ทำหน้าทำตาสงสัยเต็มที่ประสาคนไม่รู้เรื่องไอที
“ลบยังไง?”
ณชะเลส่ายหน้าเป็นเครื่องหมายว่าไม่รู้พอๆ
กับแม่
“หนูก็งงๆ เหมือนกันค่ะ ทราบแต่ว่าเขาจะต้องเป็นแฮกเกอร์ที่ไม่ธรรมดาเลยถ้าทำได้อย่างนั้นจริง”
“เป็นยังไงนะ แฮกก้งแฮกเกอร์เนี่ย ทำอะไรได้มั่ง?”
“เหมือนโจรน่ะค่ะ เก่งกว่าโจรทั่วไปตรงที่นอกจากชำนาญการปีนกำแพง
ยังงัดแงะแกะรหัสตู้เซฟยากๆ ได้ทุกรุ่น ถ้าเปรียบบ้านเป็นคอมพิวเตอร์
เขาก็เก่งขนาดรู้จักเครื่องมือทะลวงกำแพงทุกชนิด
รู้จักน็อตทุกตัวและไม้กระดานทุกแผ่น
ชนิดที่แทบรื้อหมดแล้วประกอบใหม่ได้ด้วยอุปกรณ์น้อยชิ้น
แถมยังรู้จักเวลาเข้าออก อุปนิสัย และจำนวนคนในบ้านอย่างละเอียดอีกด้วย”
“ถ้าเก่งขนาดนั้นทำไมไม่ประดิษฐ์เครื่องรุ่นใหม่ๆ เสียเอง?”
“อาจจะ… เพราะถ้าประดิษฐ์อะไรใหม่ๆ
ได้แล้วยังไม่ประกันว่าเป็นที่ยอมรับในฐานะผู้ชนะมั้งคะ
เดี๋ยวนี้มีการตั้งป้อมแข่งกันเป็นล่ำเป็นสันเลยว่าใครจะทำสถิติแพร่ไวรัสให้ระบาดได้มากกว่ากัน
เอาผู้ใช้คอมพ์ตาดำๆ นี่แหละเป็นสนามรบ”
“อื๊อ! พวกนี้โรคจิตนี่” รสรินพึมพำ “ตาจองฤกษ์นี่ทำกรรมแบบเพาะนิสัยโจร
แล้วก็ปรากฏตัวแบบโจรด้วยการปีนกำแพงบ้านเรา เหมาะเจาะจริงๆ เลย”
“อุ๊ย! เขาไม่ได้เจตนามาเอาของของเรา ที่ปีนบ้านก็เพราะมีเหตุบังคับนี่คะแม่ขา”
รสรินทำเป็นไม่ได้ยิน
แต่รวบรัดตัดบทสั่งว่า
“หนูกำลังจะเรียนคอมพ์ อย่าเผลอพลัดเข้าไปเป็นเพื่อนกับโจรพวกนี้แล้วกัน”
ณชะเลลดเปลือกตาลงเล็กน้อย
นั่นอาจเป็นสัญญาณบอกกลายๆ ว่าแม่ไม่ไว้ใจจองฤกษ์
ไม่ค่อยอยากให้หล่อนคบกับเขาเสียแล้วกระมัง
หล่อนคงเล่าและใช้คำที่น่ากลัวโดยไม่ทันคิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อน
“แฮกเกอร์ไม่จำเป็นต้องเลวร้ายหรอกค่ะแม่ เหมือนอย่างพ่อมดหมอผี
บางพวกก็เรียนไสยขาว บางพวกก็เรียนไสยดำ บางพวกก็เรียนทั้งไสยขาวไสยดำ
แต่พอมีวิชาแล้วเอาไปใช้ทางไหนก็ขึ้นอยู่กับเจตนา
ถ้าโลกนี้ไม่มีคนเก่งระดับแฮกเกอร์อยู่ล่ะก็ เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบคอมพ์ใหญ่ๆ ขึ้นมาจะไม่มีใครช่วยเหลือได้เลย
แล้วซอฟต์แวร์ดีๆ ที่น่าเชื่อถือก็จะไม่มีให้พวกเราใช้ด้วย”
เด็กสาวกล่าวในฐานะคนมีความรู้ทางนี้พอ
“แต่แม่ไม่ชอบหน้าหมอนี่เลยล่ะ โหงวเฮ้งเป็นภัย”
รสรินเริ่มลงดาบตรงๆ
“ตำราไหนคะ?”
“ตำราแม่นี่แหละ! จะบอกให้นะ ถึงสมมุติว่าเขาไม่มีเจตนาประทุษร้ายตอนบุกบ้านเรา
แต่อย่างน้อยก็วิ่งหนีนักเลงมา ลูกรู้เหรอว่าเขามีเรื่องอะไรกัน? คนดีไม่ต้องวิ่งหนีหรอก”
“แต่ก็เคยมีข่าวเผลอเหยียบเท้านักเลงแล้วถูกเสียบกันจริงๆ นี่คะแม่
ทั้งที่คนเหยียบก็ไม่ใช่จะเลวร้ายอะไรเลย”
รสรินสะบัดหน้าเชิดไปทางหนึ่ง
“ไม่รุ…” ร้องเสียงสูง แล้วลดระดับลงเป็นพึมพำเบาๆ
อย่างไม่อยากขึ้นเสียงเผด็จการเต็มที่นัก “แม่ว่าหนูตั้งระยะห่างๆ
ไว้ก็ดีสำหรับตานี่”
“เมื่อกี้เขาพูดจาขาดสัมมาคารวะกับแม่หรือเปล่าคะ?”
ถามอย่างพยายามสืบหาที่มาที่ไป
“เปล๊า… ก็เจรจาตามปกติ แต่พระท่านบอกว่าที่เราจะรู้จักกันว่าใครมีศีลบ้าง
ก็ต้องคุยกันนานๆ คนเราทำเป็นพูดดีมีความนุ่มนวลเมื่อแรกทักได้
แต่ระยะยาวดีจริงหรือก้าวร้าวแค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
“เขาคุยธรรมะกับหนูด้วยล่ะค่ะ หายากนะคะแม่”
ณชะเลช่วยพูดแทนอย่างสงสารเพื่อน
“เขาสนใจด้วยตัวเองอยู่ก่อนหรือว่าเห็นหนูสนใจเลยแกล้งสนใจตาม?”
ถูกถามเข้าเช่นนั้นณชะเลก็อ้ำอึ้ง
รสรินเห็นลูกสาวอึกอักอย่างเด็กในมือที่ไม่เคยโกหกกันก็ได้ที
“ธรรมะไม่ได้มีไว้เอาใจใครนะลูก ถ้าเขาศึกษาโดยไม่ได้ชอบด้วยใจ
วันหนึ่งเขาอาจใช้ธรรมะบังหน้าในการกลับขาวให้เป็นดำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
แม่เห็นมาเยอะ”
“แต่แม่เคยบอกว่าทุกคนต้องมีจุดเริ่มต้นไม่ใช่หรือคะ? แม้แต่ฆาตกรอย่างองคุลีมาลก็อาจวิ่งเข้าหาธรรมะโดยไม่รู้ตัว
ทั้งที่มีจิตคิดประทุษร้ายพระพุทธเจ้าในเบื้องแรกด้วยซ้ำ”
“หนูเป็นแรงบันดาลใจให้เขาแล้วนี่ เสร็จธุระก็ห่างๆ ออกมาซะเถอะ
ถ้าเขารักดีก็คงไปดีได้ด้วยตัวเอง”
นาทีนั้นณชะเลชักรู้สึกว่าแม่เผยเจตนากีดกันไม่อยากให้หล่อนคบจองฤกษ์เอาจริงๆ
มิใช่เพียงค่อนขอดเล่นด้วยความไม่ถูกชะตา
ซึ่งก็เดาว่าแม่ติดใจกับเรื่องที่เขาปีนบ้านเป็นหลัก
แม่ถือนักถือหนาว่าถ้าเจอกันในสถานการณ์ไม่ดี แปลว่าเคยร่วมบาปร่วมกรรมกันมา
ขืนคบกันเดี๋ยวก็ได้ทำบาปร่วมกันอีก
แต่หล่อนทบทวนดีๆ
ก็เห็นว่าไม่มีใครเป็นพิษเป็นภัยต่ออีกฝ่ายเลย จองฤกษ์แค่หนีร้อนมาพึ่งเย็น
หล่อนให้ที่หลบภัยแก่เขา เขาไม่ได้ทำร้ายหล่อน อีกทั้งหล่อนก็รู้สึกถูกชะตาด้วย
เรียกว่าเป็นเพื่อนเก่าที่ทำให้ดีใจมากเมื่อเจอ แถมคุยแล้วสบายใจ
ไม่รังเกียจที่เขาโทร.หา อีกทั้งยามเดือดร้อนพอเห็นเขาเสนอตัวช่วยเหลือก็รู้สึกอบอุ่น
“แม่กลัวหนูไปชอบเขาหรือคะ?” ยิ้มแย้มถามตรงๆ “ทรายพิศวาสแต่หมาจนพิศวาสผู้ชายไม่เป็นแล้วล่ะค่ะ”
พูดพลางลูบหัวลูบตัวเจ้าอุ๊ยโหยซึ่งบัดนี้นอนสงบนิ่งบนตักหล่อนเยี่ยงสัตว์เลี้ยงที่จงรักภักดีต่อเจ้านายอย่างเหลือล้น
“ถ้าหนูเห็นเขาเป็นแค่เพื่อนเก่าก็แล้วไปนะ
แต่ไหนแต่ไรมาแม่ไม่เคยกะเกณฑ์เรื่องคบเพื่อน
ตรงข้ามออกจะเป็นห่วงที่หนูค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัวเกินไปด้วยซ้ำ
เพิ่งครั้งนี้แหละที่อยากพูดให้รู้ว่าแม่เห็นหน้าหมอนี่แล้ว…”
รสรินพยายามเฟ้นหาคำพูด
แต่เจาะจงเลือกให้ได้อย่างใจไม่ถูก
“เห็นแล้วเป็นไงเหรอคะ?”
ณชะเลถามสำเนียงแบบทั้งอยากรู้และอยากเอาใจแม่พร้อมกัน
“แม่ว่าข้างนอกเขาเหมือนเด็กธรรมดารุ่นเดียวกับหนู แต่สายตาของเขามันดูเย็นชาผิดวัยนะ
เหมือนกำลังดูถูกคนทั้งโลกว่าโง่เง่าเต่าตุ่น รู้ไม่ทันเขา
คนประเภทนี้มักโตเป็นผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัวรุนแรง ไม่สนว่าใครจะเป็นอย่างไร
ขอให้ข้าได้ทำในสิ่งที่ต้องการ”
ฝ่ายลูกสาวฟังเฉลยแล้วอดคิดไม่ได้ว่าแม่อุปาทานไปเอง
แต่ขณะเดียวกันก็เผื่อใจไว้ครึ่งหนึ่ง
เคยได้ยินมาหลายหนว่าผู้ใหญ่มักมีสัมผัสพิเศษที่แตกต่างจากเด็ก เพราะผ่านพบคนมามาก
เห็นพฤติกรรมคนลักษณะต่างๆ มาเยอะ ใครเป็นอย่างไรจึงอ่านออกไม่ยากนัก
ผิดกับวัยรุ่นที่ยังเห็นโลกตามที่ตนคิดฝันอยากให้เป็น
ไม่ใช่เห็นตามที่มันเป็นอยู่จริงๆ
ณชะเลลูบขนยาวนิ่มมือของเจ้าอุ๊ยโหยพลางถาม
“แม่คะ… ถ้าเราเจอคนเห็นแก่ตัว หรือส่อเค้าว่าเขาจะเป็นคนร้าย
เราไม่ควรไปยุ่งกับเขาเลย และปล่อยให้เขาเป็นภัยกับสังคมต่อไปหรือคะ? หนูไม่ได้เถียง
แล้วก็ไม่ได้อยากคบกับเขาจนตัวสั่นนะคะ แต่สงสัยจริงๆ ว่าเราควรยินดีในกรรมแบบไหน
ระหว่างไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเลย กับลองยอมเสียเวลาให้กับเขาบ้าง
ด้วยความหวังว่าเราอาจเป็นจุดเปลี่ยนเล็กๆ สักจุดหนึ่งในเส้นทางชีวิตเขา”
รสรินทำตาโต
เพราะแม้ลูกสาวบอกว่าไม่เถียง แต่ก็เหมือนเถียงไปแล้ว
เนื่องจากหล่อนไม่สามารถหาคำตอบที่เหมาะสมชนิดทำให้ตนเองยังดูดีมีน้ำใจได้
“โอ๊ย! วันนี้เป็นยังไงเจอแต่คนดื้อ ตอนเย็นน้องสาว ตกดึกลูกสาวอีกคน
บ้าผู้ชายกันไปหมด!”
โวยวายเสร็จก็ลุกขึ้นยืนเหมือนจะเดินหนีไปพ้นๆ
ทำให้ณชะเลใจหาย วางเจ้าอุ๊ยโหยไว้กับเก้าอี้แล้วปราดมาจับแขนแม่
“ทรายขอโทษค่ะแม่” ละล่ำละลักพูดพลางกอดประจบออดอ้อน “หนูแค่อยากรู้
ไม่ได้ตั้งใจเถียงจริงๆ ”
รสรินได้สติ
บำเพ็ญตนอยู่ในเส้นทางธรรมะมานาน แต่ยังน็อตหลุดทุกทีเวลาคนในปกครองไม่ได้อย่างใจ
หล่อนต้องสงบสติอยู่เป็นครู่ก่อนปรับท่าทีเสียใหม่
“แม่รู้ว่าหลายเรื่องเจอกันตรงกลางยาก” ยกมือลูบศีรษะธิดา น้ำเสียงเยือกเย็นเปลี่ยนไปเป็นคนละคน “ลูกแม่ แม่รัก แม่ห่วง
แม่หวง เห็นอะไรไม่ชอบมาพากลก็โดดเข้าขวางตรงๆ ไม่อยากเสียเวลาอ้อมค้อม
แต่ลูกอาจรู้สึกว่าแม่หักหาญน้ำใจ ขาดเหตุผลที่ดีพอ
จริงอยู่แม่พยากรณ์ไม่ได้ว่าถ้าหนูคบกับเขาแล้วผลออกมาจะดีหรือร้าย
หนูจะช่วยให้เขาหันมาชอบธรรมะ ทำคุณให้กับสังคมได้สักแค่ไหนแม่ก็ไม่รู้
แม่ดูได้แค่ที่ต้นทางอย่างมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
เห็นตามจริงว่าเขาโดดเข้ามาหาหนูด้วยสถานการณ์ร้อนๆ
เหมือนกำลังจะพาความร้อนตามมาด้วย
แถมหนูก็บอกเองว่าเขาเก่งจนเป็นโจรในโลกคอมพิวเตอร์ได้ แม่ยิ่งไม่สบายใจ”
“หนูคงอุปมาอุปไมยพลาดไปหน่อยน่ะค่ะแม่ หนูเปรียบว่าเขามีคุณสมบัติแบบโจร
แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นโจรสักหน่อย… แล้วอีกอย่าง
การถูกนักเลงไล่ล่า อาจเป็นนิมิตหมายบอกว่าเขาถูกขับไสให้จนตรอก
ต้องหาทางออกด้วยธรรมะ พอเจอหนูครั้งแรกเขาก็ได้หยิบยืมหนังสือธรรมะไปอ่านเลย
ใครจะรู้ วันนี้เขายืมหนังสือธรรมะ วันหน้าเขาอาจเป็นพระมาสอนหนูก็ได้”
รสรินทำหน้าตึง
ใช้มือยันร่างลูกสาวออกห่าง นึกเสียใจที่สอนให้ลูกพูดเก่งเกินขนาด
“ตามใจ แม่จะไม่ห้ามล่ะ”
“เดี๋ยวสิคะ” เด็กสาวกลับมากอดแขนแม่อีก “เอาอย่างนี้ได้ไหม หนูจะไม่ขัดใจแม่ เขาพูดอะไร ชวนทำอะไร
หนูจะเล่าให้แม่ฟังตลอด ทุกอย่างอยู่ในสายตาของแม่ทั้งหมด ขอเวลาเดือนเดียว
รับประกันว่าจะคบกับฤกษ์แบบเพื่อน ถ้าพฤติกรรมของเขาไม่น่าประทับใจ แม่สั่งมาเลย
จะให้คบน้อยลงหรือเลิกคบเด็ดขาด ที่ตรงนั้นหนูจะไม่มีเงื่อนไขกับแม่อีก”
ณชะเลอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเหตุใดตนจึงต้องต่อสู้เพื่อให้ได้คบกับจองฤกษ์ต่อถึงขนาดนั้น
สับสนตนเองเล็กๆ หลายสิ่งหลายอย่างทางความรู้สึกนั้นอธิบายยาก
แต่ส่วนลึกก็ยังยืนยันตรงตามปากว่าไม่ใช่เพราะความพิศวาสเชิงชู้สาวแน่นอน
รสรินยืนคอแข็งเฉยอย่างชั่งใจ
แต่ยังไม่ทันที่จะว่าอย่างไรเสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้น
ณชะเลเหลียวไปมองแล้วนึกในใจว่าอาจเป็นจองฤกษ์ หล่อนรู้สึกละล้าละลัง
หันกลับมาสบตาแม่ ยกสองมือแปะๆ อากาศเป็นความหมายว่าขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อน
เมื่อปราดไปรับสาย
ก็พบว่าเสียงทักจากต้นทางเป็นจองฤกษ์จริงๆ
“ทรายเหรอ?”
“อือ…”
รับเสียงเรียบเนือยด้วยความพะวงอยู่กับมารดา
ซึ่งไม่ต้องหันไปดูก็รู้ชัดว่ากำลังจ้องหลังหล่อนเขม็ง
“เราจัดการให้แล้วนะ”
ณชะเลลืมตาโต
ร้องออกมาดังๆ
“ฤกษ์ลบรูปให้ทรายแล้วเหรอ?”
“ใช่! แล้วจะทำอะไรมากกว่านั้นด้วย”
“รอเดี๋ยวนะ”
เด็กสาวกดปุ่มตัดเสียงเพื่อให้เพื่อนหนุ่มฟังดนตรีรอ
ก่อนหันมาแจ้งข่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ฤกษ์เขาลบรูปทรายออกจากเว็บติดลมแล้วค่ะแม่ เห็นไหมว่าคบคนเก่งๆ
ไว้ไม่เสียหลายหรอก”
รสรินทำหน้าชอบกล
ไม่เชิงว่าเห็นค่านัก
เนื่องจากไม่ทราบว่าเป็นเรื่องยากเย็นที่ต้องใช้ความสามารถสุดพิสดารปานใดจึงลบข้อมูลจากเว็บอะไรสักเว็บได้
“เดี๋ยวหนูขอไปดูก่อนนะคะ”
ร่างเปรียวถลันจากห้อง
ซอยเท้าขึ้นไปบันไดไปชั้นบน เพื่อเข้าห้องนอนต่อเน็ตพิสูจน์ความจริง
พักหนึ่งก็เดินหน้ามุ่ยกลับลงมา
สายตามองเครื่องโทรศัพท์ด้วยความขุ่นขึ้งก่อนคว้ากระบอกขึ้นกรอกคำ
“ยังอยู่เหมือนเดิมเลยนี่ฤกษ์ หมายความว่ายังไง จะหลอกให้ดีใจเล่นเหรอ?”
“เฮ้อ! ก็เมื่อกี้เรายังพูดไม่ทันจบทรายก็ตัดเสียงไปเสียก่อนนี่… ทีแรกเราก็ตั้งใจจะเอาออกให้หมด
แต่คิดใหม่ได้ว่าไอ้โม่งตัวแสบยังอาจหวนกลับมาทำความเสื่อมเสียให้ทรายอีก
ถึงไม่ใช่เว็บนี้ก็เว็บอื่น
เพราะฉะนั้นเราจึงลบรูปใหญ่รูปสุดท้ายออกไปรูปเดียวเพื่อให้ทรายสบายใจว่าเราทำได้จริง
ส่วนอื่นคงไว้ตามเดิมเพื่อรอให้ไอ้โม่งกลับมาสวมรอยต่อ
แล้วค่อยดักจับกันคาหนังคาเขา เรามีวิธีให้เขาเข็ดและกลัว
ไม่กล้าคิดทำอย่างนี้อีกเลยจนชั่วชีวิต! พอเสร็จงานแล้วเราถึงจะลบทิ้งให้เกลี้ยง”
สีหน้าณชะเลเปลี่ยนไป
คราวนี้ชักเกิดความระย่อต่อฝีมือของเพื่อนหนุ่ม
“เธอเก่งขนาดนั้นเลยอ้ะ?”
“ทรายรอดูก็แล้วกัน เราตั้งสัญญาณดักจับไว้แล้ว
คืนนี้ถ้าโผล่มาในชื่อไอโกะอีกก็เสร็จแน่!”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น