ตอนที่ ๒๑ เรียนพิเศษ
สาวน้อยผู้เป็นหวานใจของเขาเป็นคนมาเปิดประตูรั้วให้ ต่างฝ่ายต่างเขินกันหน่อยๆ เพราะการพบกันครั้งนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างไปจากเดิม ทั้งฐานะที่ขยับจากเพื่อนเป็นแฟน และทั้งเป็นวันแรกของการสอนพิเศษที่ตกลงกันแล้วว่าจะให้มีอย่างต่อเนื่อง
ณชะเลอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีชมพูหวาน ส่วนเขายังอยู่ในชุดนักเรียนตามเดิม เพราะบ้านอยู่ไกลเกินกว่าจะกลับไปอาบน้ำแล้วถ่อสังขารมาสอนแฟนต่อ
“ทรายใส่ชุดนี้แล้วน่ารักดีนี่”
จองฤกษ์ชมแล้วหัวเราะแก้ประหม่า ณชะเลยักคิ้วนิดๆ
“ถ้าน่ารักแล้วทำไมต้องหัวเราะด้วยล่ะ? คงดูตลกมากกว่ามั้ง”
“อ่า... ก็...” ทำหน้าพยายามคิดมุข แต่เวลาน้อย คิดไม่ออกเลยบอกตรงๆ “เส้นตื้นเพราะประหม่า ทนความน่ารักไม่ไหวต่างหาก”
เด็กสาวได้ยินคำพูดซื่อๆ เช่นนั้นเลยขำเสียเอง จองฤกษ์ดูไม่มีพิษภัยเลยจนนิดเดียวสำหรับหล่อน
“แล้วทรายล่ะขำอะไร?”
“ก็... ฤกษ์เหมือนมีสองคน ทำหน้าแบบหนึ่งออกจะดูเจ้าเล่ห์น่ากลัว แต่ทำหน้าอีกแบบหนึ่งกลายเป็นซื่อๆ เด๋อๆ ได้อย่างนี้ ตอบตรงๆ อย่าโกรธล่ะ”
จองฤกษ์ยิ้มเจื่อน
๑๘๑
“แค่ไม่เหมือนตัวโกงในอุดมคติก็ดีใจแล้ว”
ณชะเลหัวเราะร่วน
“เข้าบ้านกันเถอะ พ่อแม่ทรายรออยู่”
เด็กหนุ่มฟังแล้วรู้สึกคล้ายกำลังจะขึ้นศาล ขาก้าวไม่ออก
“พ่อแม่ทรายรอเรา?”
“อือ”
“เราจะมาสอนทรายไม่ใช่เหรอ?”
“แหม! ก็ไปไหว้ ไปคุยทักทายสัก ๕ นาทีตามธรรมเนียมไง เปิดฉากวันแรกจะเดินผ่านผู้ใหญ่ไปเฉยๆ เลยหรือ?”
“เอ แต่... บรรยากาศมันหนาวๆ ยังไงพิกลแฮะ พ่อแม่ทรายรออยู่... ฟังไม่ค่อยเหมือนรอทักทายตามธรรมเนียมเลย”
“คิดมากน่า... ดูทำท่าเข้า นึกว่าเขาจะต้อนรับด้วยเก้าอี้ไฟฟ้ารึ?”
จองฤกษ์กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ ความจริงเขาไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนหรอก แต่อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนคุยยาก โดยเฉพาะกับคู่สนทนาต่างวัย ยิ่งผู้อาจเป็นพ่อตาแม่ยายในอนาคตด้วยอย่างนี้ ตัวบ้านข้างหน้าจึงปรากฏคล้ายโต๊ะสอบสวนอย่างไรชอบกล
หันมองดวงหน้าสวยหวานอันคล้ายแกะออกมาจากฝันดีที่สุดในชีวิต แล้วสั่งตัวเองสั้นๆ ว่าเอาวะ! ก็แค่ก้าวเดินไปเรื่อยๆ แล้วจะเจออะไรก็ให้มันเจอไป! ระหว่างเดินก็คิดปลอบตัวเองว่าดีเหมือนกัน อย่างนี้ถึงจะได้ความรู้สึกว่าณชะเลมีเจ้าของ มีผู้ปกครอง มีคนเลี้ยงดู ซึ่งก็หมายถึงหล่อนมีค่า มีราคาให้ต้องใช้ความพยายามฝ่าฟันเพื่อสู่ขอมาจากเจ้าของเดิม คนรุ่นเขามองเห็นอะไรอย่างนี้กันน้อยลง เผลอนึกว่าแต่ละคนเป็นอิสระ จึงคบหาและกำหนดความสัมพันธ์ตื้นลึกกันเอาเองตามอำเภอใจ ไม่จำเป็นต้องคำนึงเรื่องสิทธิอันชอบธรรมใดๆ ให้มากความ แล้วสุดท้ายก็ได้แต่มีหัวใจฉาบฉวยหยาบกระด้างเพราะพากันฝังความรักไว้ใต้ฝ่าตีนกามกันหมด
เข่าอ่อนนิดๆ เมื่อย่างเท้าเข้าเขตห้องรับแขกซึ่งเปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นฉ่ำ พ่อแม่ของณชะเลนั่งเคียงกันบนโซฟายาว จองฤกษ์ยกมือไหว้ทั้งสองตัวลีบ
“สวัสดีครับคุณพ่อ... สวัสดีครับคุณแม่”
“สวัสดี”
ชายในวัยประมาณ ๕๐ รับไหว้พร้อมเอ่ยทักทาย ส่วนรสรินนั้นเพียงรับไหว้และยิ้มบางๆ ให้ จองฤกษ์อดคิดไม่ได้ว่ารสรินจับจ้องเขาอย่างเปิดเผย ดูง่ายว่ากำลังจะทำหน้าที่ผู้ตรวจสอบ แต่คนพ่อสิดูยาก แม้ยิ้มๆ ตามสบาย เด็กหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงความเล็งคนลึก เขาเข้าใจดีว่าการใช้ความเป็นกันเองมาเป็นอุปกรณ์ช่วยตรวจสอบนั้น ทำให้เห็นไส้เห็นพุงใครต่อใครถนัดกว่าอุบายวิธีใดอื่นสิ้น
“นั่งสิ”
๑๘๒
ปณิธานเอ่ยเชื้อเชิญด้วยน้ำเสียงมีไมตรี จองฤกษ์ก้าวลงนั่งฝั่งตรงข้ามผู้ใหญ่ตามคำเชิญ พอจะหันไปหาณชะเลก็เห็นหล่อนเดินหายไปจากห้อง และนั่นก็ทำให้เขาขยับราวกับจะเรียกรั้งไว้
“ทรายเขาไปเอาน้ำมาให้ฤกษ์นั่นแหละ”
ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวอธิบายพร้อมนึกตัดคะแนนอยู่ในใจ ท่าทางเข้าผู้ใหญ่ไม่เป็น พอจะต้องนั่งกับผู้ใหญ่ตามลำพังถึงกับออกอาการลุกลี้ลุกลนอย่างนี้
“ครับ”
อาคันตุกะหนุ่มบังคับเสียงไม่ให้ตะกุกตะกัก
“ตอนแรกพอรู้ว่าทรายอยากเรียนพิเศษ พ่อนึกว่าจะเป็นติวเตอร์รับจ๊อบตามบ้านที่ไหน ไม่นึกว่าจะเป็นฤกษ์นั่นเอง”
จองฤกษ์ยิ้มแห้งๆ
“ครับ”
“แต่พอทรายเขารับประกันว่าฤกษ์มีความรู้ความสามารถยิ่งกว่าผู้เชี่ยวชาญอายุมากๆ ก็ถือว่าโอเค พ่อเชื่อว่าฤกษ์ต้องแน่มาก ทรายเขาถึงเชียร์อย่างนั้น ตั้งแต่เด็กทรายเขาไม่เคยขอเรียนพิเศษมาก่อนเลยนะ เรื่องคอมพ์เก่งกาจพอตัวเลยล่ะ ตอนเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ นี่ประกอบคอมพ์เองได้ แล้วก็เห็นเขียนโปรแกรมอะไรง่วนได้นานๆ ท่าทางคล่องเชียว เพิ่งครั้งนี้ที่ขอ... เอ้อ... ทรายเขาใช้คำว่าขอดูดวิชาจากคนเก่ง”
“ครับ”
ขณะนั้นเจ้าตัวที่ถูกกล่าวถึงเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำผลไม้ บรรจงวางลงที่ขอบโต๊ะตรงหน้าแฟนหนุ่ม ซึ่งเขาก็ขยับแข้งขาหลุกหลิกเอ่ยขอบใจเบาๆ จากนั้นเด็กสาวก็วางถาดแล้วลงนั่งเก้าอี้ด้านข้าง มาอยู่ข้างเดียวกับเขา ทำให้จองฤกษ์ใจชื้นขึ้นกว่านั่งอย่างโดดเดี่ยวมากมาย
พอได้กำลังใจ เด็กหนุ่มก็กระแอมและพยายามเปลี่ยนตัวเองจาก ‘นายครับลูกเดียว’ เป็นนายจองฤกษ์ผู้พูดจาได้เหมือนมนุษย์มนาปกติ
“ผมดีใจที่ทรายเชื่อมือ และคุณพ่อให้โอกาสกับผมครับ”
ปณิธานผงกศีรษะนิดหนึ่ง รสรินเอ่ยแทรกนิ่มๆ
“เครดิตเด็กดีที่เชื่อถือได้ของหนูทราย ก็คือโอกาสที่ฤกษ์ว่านั่นแหละ ตราบใดทรายยังทำตัวไว้ใจได้ ตราบนั้นเธอก็คงจะน่าไว้ใจอยู่”
มารดาของณชะเลพูดทีเดียวเล่นเอาเขาเกร็ง จองฤกษ์หันไปยิ้มให้หล่อนแหยๆ
“เคยสอนที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?”
นั่นเป็นคำถามนุ่มนวลจากผู้พ่อ
๑๘๓
“ปกติแค่ติวเพื่อนๆ ในห้องเท่านั้นครับ”
“เขาติวเลขให้ทรายมาตั้งแต่เด็กเลยค่ะพ่อ” ณชะเลให้กำลังใจออกนอกหน้า “สอนเก่งจริงๆ เลย จำได้ว่าโจทย์ยากๆ นี่เขาอธิบายวิธีแก้สั้นๆ ทรายฟังแล้วเหมือนมีคนมานำออกจากเขาวงกต”
เห็นลูกสาวทำท่าปลื้ม ปณิธานก็เลิกคิ้วสูงในเชิงสนับสนุน
“ขอให้เป็นผู้รู้จริงแจ่มแจ้งเถอะ จะเป็นทางลัดให้กับคนอื่นได้เกินกว่าอะไรหมด เรียนด้วยแบบตัวต่อตัววันเดียวอาจได้แก่นสารมากกว่าต้องเสียเวลาศึกษาเองเป็นปีๆ ว่าไปแล้วยุคนี้เป็นช่วงต่อของการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ คนรู้เทคโนโลยีส่วนใหญ่อายุน้อยๆ ทั้งนั้น อายุไม่ถง ๒๐ มีไฟกระตือรือร้นพอจะได้เป็นแฮกเกอร์ระดับโลกกันโครมคราม คนรุ่นเก่าตามไม่ทันหรอก เพราะงั้นไม่น่าแปลกถ้าติวเตอร์อายุน้อยอาจจะเหมือนปรมาจารย์เสียยิ่งกว่าครูสอนอายุมาก” ึ
รสรินเอ่ยซักบ้าง
“แล้วจะเรียนจะสอนอะไรกันหรือ? กะว่านานสักแค่ไหน?”
“ทรายมีเรื่องที่อยากรู้เยอะค่ะแม่ เชื่อว่าคงต้องใช้เวลานิดหนึ่งกว่าจะโกยวิชาได้หมด”
“หนูจะเอาความรู้พิเศษ ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาวิชาที่จะต้องใช้สอบเอนทรานซ์ใช่ไหม?”
“ค่ะ ไม่เกี่ยวกันหรอก แต่ก็ไม่แน่ ถ้าถามๆ ดูเห็นแววว่าวิชาหลักที่ต้องใช้สอบเขาเก่งกว่าทราย ทรายก็จะให้ติวอีก รับรองว่าคุ้มค่ะแม่”
“เอาเถอะ” ปณิธานตัดบท “ลูกก็โตแล้ว เลือกที่จะเป็นใครคนหนึ่งในสังคมได้ด้วยตัวเองแล้ว ถ้าขวนขวายอยากหาวิชาความรู้แบบไหนมาปูทางข้างหน้าให้ตัวเอง พ่อแม่ก็ส่งเสริมทั้งนั้น เห็นว่าคุ้มค่าทั้งนั้น จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับการเอนทรานซ์ก็ตาม”
“จริงๆ แล้วผมก็เรียนพิเศษกับทรายมาระยะหนึ่ง”
เป็นจังหวะที่จองฤกษ์เริ่มคุ้น และเอ่ยปากได้โดยไม่รู้สึกว่ามีคีมคีบปากอยู่
“งั้นหรือ?” เป็นครั้งแรกที่ปณิธานเห็นจองฤกษ์พูดน่าสนใจ อย่างน้อยก็ทำให้เขาต้องหันไปถามลูกสาว “ทรายติววิชาอะไรให้เพื่อนหรือลูก?”
ณชะเลกะพริบตาปริบๆ ไม่ทราบจะตอบอย่างไรเหมือนกัน ภาวนาว่าจองฤกษ์อย่าได้โม้เกินเหตุ เพราะรู้จักนิสัยพ่อแม่ของตนดี คือถ้าจับได้ว่าอำ ก็จะเลิกไว้เนื้อเชื่อใจทันที
“ไม่ใช่วิชาในโรงเรียนหรอกครับ” จองฤกษ์เป็นฝ่ายสานต่อประเด็นใหม่ของตนเอง “ผมทราบมาระยะหนึ่ง ว่าบางวิชาที่มีค่าจริงๆ จะไม่สอนกันในโรงเรียน หรือถึงแม้พยายามวางหลักสูตรก็ทำไม่ได้ดี ต้องหาเรียนพิเศษกันเอง ต้องมีความใฝ่ใจเอาเอง และอาจจะต้อง... โชคดีเจอคนสอนได้เองที่นอกโรงเรียน” แล้วเขาก็ยิ้มอ่อนโยน “ทรายสอนสิ่งที่พิเศษพอจะเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีใช้เวลาในแต่ละวันของผมได้”
ปณิธานย่นคิ้วแต่แย้มปากยิ้มถาม
“น่าสนใจ ยกตัวอย่างได้ไหมว่าฤกษ์เปลี่ยนแปลงการใช้เวลายังไง?”
๑๘๔
“ตั้งแต่เด็กจนโตผมขาดคอมพิวเตอร์ไม่ได้ มันเป็นยาเสพย์ติดของผม แต่พอเรียนรู้อะไรดีๆ จากทราย ผมก็อยู่กับคอมพิวเตอร์น้อยลง และหันมาใช้เวลากับหนังสือที่ทรายให้อ่าน ผมไม่เคยเชื่อมาก่อนว่าตัวเองจะออกห่างจากคอมพิวเตอร์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งออกห่างมาเพื่อจะอ่านหนังสือธรรมะ!”
รสรินนั่งฟังอยู่ ความที่รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับเด็กหนุ่มมาก่อนทำให้เกิดอคติ เห็นว่านั่นเป็นวิธีโฆษณาตัวเองที่น่าหมั่นไส้ อย่างไรหล่อนก็อดมองไม่ได้ว่าเขาอยู่ในช่วงระยะที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อชนะหัวใจผู้หญิงที่เขาหลงเท่านั้น
“ที่ทำงานแม่มีโปรแกรมเมอร์เก่งๆ หลายคน...” สาวใหญ่เอ่ยเนิบๆ “พวกนั้นพูดไม่เก่งแบบฤกษ์เลยสักราย”
ถ้าฟังถ้อยคำอย่างเดียวจะเหมือนชม แต่สำเนียงคล้ายเหน็บแนมพิกลนั้นทำให้จองฤกษ์รู้สึกสะดุด เหลือบไปทางมารดาของณชะเล เห็นกระแสความเป็นปฏิปักษ์แฝงเงาอยู่ในท่าทีสงบเฉย แต่ความที่เคยได้ยินบ่อยว่าแม่ยายกับลูกเขยมักไม่ค่อยกินเส้นกันโดยธรรมชาติ เพราะคอยเพ่งเล็งจับผิดด้วยความกลัวว่าลูกสาวจะตกไปอยู่ในมือคนไม่ดี จึงไม่ถือสา และพยายามไม่คิดมากว่าฝ่ายนั้นรังเกียจตน อาจจะแค่อยู่ในขั้นขวางหูขวางตาที่มีหนุ่มมาเกาะแกะลูกสาวของเธอขณะยังไม่บรรลุนิติภาวะกระมัง
ต่อคำทักของรสริน ว่าตามจริงช่วงหลังเขาก็สังเกตตนเองอยู่เหมือนกัน จากเดิมที่เป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง เดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้นมาก เพียงเพราะการต้องคุยโทรศัพท์กับณชะเลเป็นกิจวัตร สติสัมปชัญญะของเขาก็แล่นมาเกาะอยู่กับภาษามนุษย์ แทนที่จะจมปลักอยู่กับภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์อย่างเคยๆ
ฉะนั้นอยากเฉลยว่าณชะเลนั่นเองเป็นเหตุ เป็นแรงจูงใจ รวมทั้งเป็นต้นแบบ เขาคุยด้วยบ่อยๆ แล้วติดโครงสร้างวิธีคิดพูดจากหล่อนมา กระแสทางใจที่เป็นไปในทางนุ่มนวลอ่อนโยนของหล่อนมาอยู่ในใจเขา ทำให้เขาพูดออกมาจากใจที่นุ่มนวลเป็น
แต่ด้วยเกรงว่าจะเหมือนเยินยอ อะไรๆ ก็มีณชะเลเป็นต้นเหตุไปหมด จองฤกษ์เลยพลิกแพลงคำพูดเสียหน่อย
“ผมคงต้องฝึกพูดให้เก่งๆ ครับคุณแม่ เอาไว้สอนคอมพิวเตอร์ให้ทรายได้รู้เรื่อง ที่ผ่านมาหลายครั้งชอบโดนเพื่อนบ่นว่าพูดจาไม่ความ ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายไม่ค่อยเป็น”
ความถ่อมตัวก็เป็นอีกเสี้ยวนิสัยที่ติดมาจากณชะเล เขารู้จักดึงข้อบกพร่องของตนมาพูดประกอบตามจริง แต่ขณะเดียวกันก็ให้เห็นว่าเขากำลังใส่ใจแก้ไขปรับปรุง ไม่ใช่แค่มาสอนลูกสาวคุณแม่ตามมีตามเกิดเท่านั้น
และเพราะวิธีถ่อมตัวอย่างฉลาดของจองฤกษ์ ทำให้รสรินพอใจขึ้นอีกนิด วันนี้หล่อนเล็งเด็กหนุ่มหลายรอบ คิดว่าไม่ใช่อุปาทานที่เห็นสายตาชาเย็นผิดมนุษย์มนาของเขาแปรไป คือดูมีความคิดความอ่านเหมือนผู้เหมือนคนมากขึ้น ชั่วเวลาเพียงสองสามอาทิตย์จิตวิญญาณคนเราแตกต่างไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
แล้วหล่อนก็นึกขึ้นได้ ใกล้คนเช่นไร ติดใจคนแบบไหน ก็มีความโน้มเอียงที่จะกลายเป็นคนเช่นนั้น ดูอย่างท่านองคุลีมาลปะไร สามารถเปลี่ยนจากมหาโจรร้ายผู้คร่าชีวิตมนุษย์เป็นอาชีพ กลายเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้ในวันเดียว เพียงเมื่อพบยอดกัลยาณมิตรเช่นพระพุทธเจ้าเท่านั้น
หรือว่าลูกสาวของหล่อนคิดถูก? ณชะเลมีอำนาจมากพอจะเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดีได้จริงๆ หากเป็นเช่นนั้นโดยไม่มีรายการพลิกล็อกในภายหลังก็ดีหรอก...
๑๘๕
“แม่ว่าฤกษ์เป็นคนเก่งนะ พอหนูทรายขอเรียนพิเศษด้วย ก็ไม่ได้กังขาอะไร ไม่สงสัยเท่าไหร่ว่าทำไมถึงเลือกครูเป็นเด็กรุ่นเดียวกัน”
รสรินเอ่ยชมแบบแถมสำเนียงเหน็บน้อยลง
“เป้าหมายของทรายคือเก่งคอมพ์ให้ได้เท่าผม...” จองฤกษ์เอ่ยนิ่มนวล “ส่วนเป้าหมายของผมคือรู้ในสิ่งที่ควรรู้ให้ได้เท่าทราย นับกันจริงๆ ผมเป็นฝ่ายมาเอา ไม่ใช่มาให้”
สีหน้ารสรินคลายความเคร่งลงเกือบหมด สังเกตดีๆ เริ่มมีรอยยิ้มหน่อยๆ แล้ว
“คบหากันในขอบเขตนี้ได้ก็ดี แลกเปลี่ยนสิ่งที่ฝ่ายหนึ่งมี อีกฝ่ายหนึ่งขาด เขาเรียกว่าความสัมพันธ์ชนิดเกื้อกูลกัน ความรู้สึกที่มีให้แก่กันทั้งชาตินี้และชาติหน้าจะเหมือนเพื่อนรักที่ผูกพันแน่นแฟ้นเสมอกัน ไม่มีใครมองใครเป็นลูกไล่”
จองฤกษ์ยิ้มกว้าง ความรู้สึกฉันเพื่อนที่เสมอกันเป็นความอบอุ่นลึกซึ้งซึ่งหาได้ยากในโลก และพอตรองตามหลักกรรมวิบากขั้นพื้นฐานที่มารดาของณชะเลกล่าว เขาก็คล้อยตามด้วยความเห็นจริง เพื่อนธรรมดาหาง่าย ส่วนเพื่อนรู้ใจที่เกิดจากใจเสมอกันจริงๆ นั้นหายาก เหตุก็เพราะขาดการเกื้อกูลที่เสมอกันนั่นเอง กวาดตาแลไป จะเห็นคนคบกันสักกี่คู่ที่เกื้อกูลกันโดยไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาเปรียบหรือเอาแต่แบมือขอท่าเดียว
เขาเข้าใจกฎแห่งกรรมเพิ่มขึ้นทีละข้อทุกวัน และเห็นตัวเองฉลาดขึ้นในอีกแบบหนึ่ง แตกต่างจากความฉลาดที่ผ่านมาเป็นคนละเรื่อง ใจยิ่งนึกพอใจเส้นทางนี้มากขึ้นทุกขณะ และคิดจริงๆ ว่าจะเอาดีอย่างน้อยเท่าณชะเลให้จงได้
สนทนากันอีกพักผู้ใหญ่ของบ้านก็ขอตัวออกจากห้อง เปิดโอกาสให้เรียนพิเศษกัน สองวัยรุ่นมานั่งกันที่โต๊ะขนาดกลางซึ่งมีไว้สำหรับให้ปณิธานหรือรสรินหอบงานบริษัทมาทำต่อ บนโต๊ะมีโน้ตบุ๊กซึ่งณชะเลกับพี่สาวผลัดกันใช้ มันกลายเป็นอุปกรณ์การเรียนการสอนเพียงชิ้นเดียวสำหรับวันแรก
“ทรายอยากเรียนอะไรเหรอ?”
“ฤกษ์เตรียมอะไรมาสอนทรายล่ะ?”
แฟนสาวย้อนถาม จองฤกษ์แบมือแสดงความว่างเปล่า แต่นัยน์ตาคมปลาบฉายแสงแรงแสดงความเชื่อมั่นในความเป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ของตน ทำนองบอกว่าเธออยากได้คำตอบอะไรก็ถามฉันมาเถอะ ตอบให้ได้หมด!
“งั้นเอางี้...” เด็กสาวถูมือ “ก่อนอื่นคุณครูแสดงให้ชมเป็นขวัญตาหน่อยได้ไหมว่าทำอะไรได้แค่ไหนตอนอยู่บนอินเตอร์เน็ต”
เด็กหนุ่มมองอาการอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนสาวอย่างเข้าใจ ใครๆ ก็ชอบเห็นปาฏิหาริย์กับตาตนเองทั้งนั้น ก็ดีเหมือนกัน อาศัยมายากลเป็นการโหมโรมเรียกน้ำย่อยเสียหน่อย ต่อไปจะได้เชื่อมือครูหมดหัวใจ
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านจองฤกษ์เปิดพร้อมและออนไลน์อินเตอร์เน็ตตลอดเวลา เพราะเตรียมการไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วเผื่อต้องใช้ข้อมูลจากเครื่องเขาในการสอน บัดนี้เมื่อนักเรียนสาวขอให้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ จึงนำแผ่นซีดีรอมที่นำมาด้วยติดตั้งโปรแกรมที่จำเป็นต้องใช้ลงในโน้ตบุ๊กของหล่อน จากนั้นต่อโทรศัพท์เชื่อมต่อกับคอมพ์ของตน ในไม่กี่อึดใจต่อมาก็เห็นทุกสิ่งเสมือนไปนั่งหน้าเครื่องที่บ้านเขาทุกประการ
๑๘๖
จองฤกษ์หันมาเลิกคิ้วให้แฟนสาว
“ถ้าถามว่าเดี๋ยวนี้ผู้คนรู้ข่าวรอบโลกจากไหน ทรายจะตอบว่าไง?”
ณชะเลใจเต้นระทึกพอๆ กับกำลังจะชมมายากลชุดใหญ่ เพราะสังหรณ์ว่ากำลังจะเห็นอะไรที่ไม่ธรรมดานัก
“เดี๋ยวนี้คนรู้ข่าวจากไหนเหรอ... เอ่อ... ก็แหล่งข่าวใหญ่ๆ อย่างซีเอ็นเอ็นไง”
จองฤกษ์พยักหน้ายิ้มรับและคีย์ที่อยู่ของไซต์ข่าวจอมอิทธิพลเพี่อเรียกดูหน้าแสดงเนื้อหาในนาทีนี้ขึ้นมา ระหว่างนั้นก็พูดไปเรื่อยๆ
“พวกสื่อที่เป็นมหาอำนาจกำลังแข่งกันแย่งผู้เข้าเยี่ยมชมข่าวบนเน็ตกันอย่างเอาเป็นเอาตาย วัดกันแต่ละเดือนจะมีชาวโลกราว ๒๐–๓๐ ล้านคนเข้าไปดูข่าวของสื่อพวกนี้ และแต่ละนาทีอาจมีคลื่นพลโลกเป็นพัน เป็นหมื่น หรือเป็นแสน ที่โถมเข้ามาอ่านข้อข่าวจากเว็บ ขึ้นอยู่กับความสำคัญของสถานการณ์ในแต่ละช่วง”
ณชะเลนิ่งฟังตาแป๋ว ขณะนั้นจองฤกษ์เลื่อนหน้าเว็บลงไปหาข่าวย่อยในหมวดธุรกิจ คลิกข้อข่าวชื่อ Rally recharged ก็ปรากฏเนื้อหาข่าวยาวเหยียดในเวลาไม่เนิ่นช้า
“ทรายรู้ไหม? กลุ่มอิทธิพลจำพวกเดียวกับไซต์ซีเอ็นเอ็นเนี่ย เป็นเป้าอันดับต้นๆ ของผู้ก่อการร้ายเลย มีการพยายามทะลวงระบบเพื่อเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลข่าวสารให้กลายเป็นโฆษณาชวนเชื่อ หรือเผยแพร่คำขู่ขวัญคุกคามชาวโลกกันอย่างอุตลุด ดังนั้นจึงต้องมีมาตรการป้องกันการบุกรุกระดับสูงสุด กับทั้งมีเจ้าหน้าที่ดูแลระวังกันตลอด ๒๔ ชั่วโมงไม่คลาดสายตา พูดง่ายๆ คือไซต์ข่าวยักษ์ใหญ่เป็นพวกมีช่องโหว่น้อยที่สุด แฮกฯยากที่สุด ท้าทายความสามารถอย่างที่สุด!”
หญิงสาวยิ้มไม่สนิทนัก
“ที่ไหนมีความท้าทาย ที่นั่นต้องมีเงาของเธอไปทาบกลางสนามอยู่เสมอเลยใช่ไหม?”
จองฤกษ์ชะงักเงียบไปอึดใจ ก่อนตอบว่า
“มันขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกคบใคร ถ้าเราอยู่ในชุมชนแฮกเกอร์ที่มีแต่การปลูกฝังสำนึกของการแข่งขัน การเอาชนะ และความฉลาดกลบเกลื่อนร่องรอย ก็แน่นอนว่าเราชอบความท้าทายเป็นชีวิตจิตใจ แต่... พอเราเจอทราย ก็เหมือนเห็นเป้าหมายสุดท้าย เราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงคว้าเหยื่อล่อชิ้นเล็กอื่นๆ เพียงเพื่อพบว่าอาจสูญเสียเป้าหมายสุดท้ายอย่างทรายไป”
ณชะเลยิ้มตื้นตันและหัวเราะในลำคอ พึมพำพอได้ยิน
“เดี๋ยวนี้คารมเข้าขั้นละลายกันได้เลยนะ พัฒนาเร็วจริงๆ ”
สำเนียงหวานอย่างเปิดเผยครั้งแรกของแฟนสาวทำให้มุมปากของจอมแฮกเกอร์คลี่ออกเป็นยิ้มนิดหนึ่ง แต่เขาก็ยังมองจอมอนิเตอร์นิ่ง สองมือเคลื่อนไหวรวดเร็ว เรียกโปรแกรมเจาะระบบซึ่งพัฒนาขึ้นเองขึ้นมาหน้าต่างหนึ่ง เห็นเป็นเหมือนกับหน้าต่างเว็บข่าวซีเอ็นเอ็นเมื่อครู่ทุกประการ ณชะเลมองปราดเดียวก็ทราบว่าโปรแกรมนั้นเปิดตัวขึ้นพร้อมก๊อปปี้ข้อมูลจากบราวเซอร์ซึ่งเปิดอยู่ล่าสุด
๑๘๗
เด็กหนุ่มผู้มีความเป็นอัจฉริยะทางคอมพิวเตอร์เลื่อนหน้าลงมาประมาณกลางๆ ข่าว กะว่าเป็นจุดอันไม่เป็นที่สังเกตของใคร แล้วปาดเลือกคำว่า of พิมพ์แก้ลงไปตรงๆ เป็น or ซึ่งจะเปลี่ยนกลุ่มคำเดิมจาก maker of data เป็น maker or data อ่านเผินๆ จะไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นจุดผิดพลาด หรือแม้เห็นว่าเป็นจุดผิดพลาดก็เล็กน้อยมากจนไม่นึกโทษเจ้าหน้าที่ซีเอ็นเอ็นผู้ถ่ายทอดข้อมูลนั้นกัน
พอแก้เสร็จก็คลิกปุ่ม Update ทีเดียว แล้วกลับมายังบราวเซอร์เดิม คลิก Refresh แล้วเลื่อนข้อมูลลงมายังตำแหน่งที่เพิ่งแก้ให้แฟนสาวชม ณชะเลถึงกับตาโตขนลุกเกรียวเมื่อพบว่าข้อมูลของเว็บซีเอ็นเอ็นพลอยถูกเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งจะแปลเป็นอื่นไปไม่ได้ จองฤกษ์สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขข้อมูลของซีเอ็นเอ็นได้จากคอมพิวเตอร์เครื่องใดในโลกตามต้องการทุกเวลา!
“ลองคิดดูนะ...” จองฤกษ์เอ่ยน้ำเสียงปกติราวกับเพิ่งแก้ไขข้อมูลการบ้านประจำวันธรรมดา “แทนที่เราจะเปลี่ยนอักษรตัวเดียวในหน้าข่าวย่อยที่ไม่มีใครให้ความสำคัญ แต่ไปอัพเดทข่าวพาดหัวหน้าแรก เป็นอะไรเช่น ‘นิวยอร์กถูกถล่มราบเป็นหน้ากลองด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของบินลาดิน’ อะไรจะเกิดขึ้น?”
ณชะเลกลืนน้ำลายแทบไม่ลง จินตนาการถึงมหาโกลาหลที่จะอุบัติอย่างรวดเร็วเป็นไฟลามทุ่ง นาทีเดียวจะมีคนสักหมื่น หรือสักแสน หรือกว่านั้น ที่ตระหนกอกสั่นขวัญแขวนจนเหงื่อตก และตะเบ็งเซ็งแซ่กระจายข่าวให้คนนับสิบหรือนับร้อยรอบตัวรู้ข่าวอัปมงคลตามกันในสองสามพริบตา แม้ ๕ นาทีหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ซีเอ็นเอ็นอาจสังเกตพบข่าวโคมลอยเขย่าขวัญเข้า และแก้ข่าวกลับคืนเป็นปกติดังเดิม ก็คงไม่ทันการณ์ ความสับสนคงแผ่ลามไปกว้างไกลทั่วทุกมุมโลกเสียแล้ว
เด็กสาวสัมผัสได้อย่างแจ่มชัดว่าชั่วขณะปัจจุบัน โน้ตบุ๊กธรรมดาๆ ตรงหน้าทรงศักยภาพกระทบกระเทือนยิ่งใหญ่เสียกว่าไม้เท้าพ่อมดนับพัน เพราะมันสามารถก่อความวุ่นวายขนานใหญ่จากทั่วทุกมุมโลกได้รวดเร็วเกินจินตนาการ
หายใจไม่ทั่วท้อง แฟนหนุ่มเพิ่งก่ออาชญากรรมออนไลน์ไปสดๆ ร้อนๆ โดยใช้คอมพิวเตอร์ของหล่อนในบ้านของหล่อน...
“พรุ่งนี้จะมีเอฟบีไอมากดออดบ้านทรายมั้ยเนี่ย?”
“ไม่หรอก พวกนี้ทำงานเร็วจะตาย สิบนาทีก็มายืนข้างหลังทรายได้แล้ว”
มุขขำขันนั้นทำให้ณชะเลเครียดและหัวเราะไม่ออก เงยหน้าจากคอมพ์ขึ้นจ้องตาเพื่อนชายด้วยสายตาเป็นกังวลจริงจัง จนจองฤกษ์ต้องเลิกพูดเล่น หากแต่ประกายตายังพราวแสงสนุก
“อย่าห่วงเลยทราย ทรายก็รู้ว่าถ้าเขาจะจับได้ ก็ต้องถึงตัวเราก่อน เพราะคอมพ์ตัวการที่เข้าถึงซีเอ็นเอ็นจริงๆ คือเครื่องของเรา และคงไม่มีใครเฉลียวคิดหรอกว่านี่เป็นการสั่งแฮกฯจากทางไกลทางโทรศัพท์ แล้วก็... คอมพ์ของเราไม่ได้มีฐานะเป็นหน่วยหนึ่งของอินเตอร์เน็ต แต่มีฐานะเป็นแผงควบคุมอินเตอร์เน็ตทั้งระบบ!”
“เพราะฉะนั้นจะไม่มีใครสืบหาได้ว่าเธอเป็นใคร ใช้เครื่องมาจากประเทศไหน?”
๑๘๘
“ใช่!” จองฤกษ์ยิ้มพรายอย่างภาคภูมิที่จะอวด “ยิ่งไปกว่านั้น จะไม่มีระบบใดๆ ป้องกันการควบคุมจากเครื่องเราได้อีกด้วย ตราบใดที่ยังสื่อสารกันด้วยแบบแผนของอินเตอร์เน็ตปัจจุบันกันอยู่!”
“ขอคำอธิบายให้ทรายเข้าใจหน่อยได้ไหมว่าฤกษ์ทำได้ยังไง?”
จองฤกษ์เปิดโปรแกรมใหม่ขึ้น เขาแสดงแผนที่ประหลาดหลายชิ้นให้หล่อนดูในโปรแกรมนั้น
“แฮกเกอร์ทั้งหลายมัวเสียเวลาเจาะระบบเป็นแห่งๆ แต่เราเสียเวลายาวๆ ครั้งเดียวเพื่อแฮกฯอินเตอร์เน็ตทั้งระบบ ความพยายามของเราคือทำให้อินเตอร์เน็ตกลายเป็นกระจกใสที่มองลงไปเห็นได้ทั่วตลอด จะลึกกี่ชั้น กว้างไกลกี่ขอบฟ้า ทุกอย่างจะปรากฏชัดตามความต้องการของเราโดยไม่มีกำแพงไหนๆ มาบดบังได้... เราเริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าหมายอย่างนี้!”
จากนั้นจองฤกษ์ก็แจกแจงขยายความให้แฟนสาวเข้าใจแจ่มแจ้ง นับจากการเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ ไม่เห็นอินเตอร์เน็ตเป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แต่มองเป็น ‘แผนที่กล’ ซึ่งมีอยู่หลายมิติ หลายระดับชั้น หลายแบบแผน ทำนองเดียวกับแผนที่ประเทศไทยอาจเขียนขึ้นเพื่อให้เห็นเฉพาะเส้นทางสายหลักก็ได้ หรือทำให้เห็นเฉพาะจุดท่องเที่ยวก็ได้ หรือทำให้เห็นเฉพาะจุดสำคัญของราชการก็ได้
เมื่อนำแผนที่มิติต่างๆ มาทับซ้อนกันเพื่อหาจุดตัดที่ไม่มีใครคาดถึงว่ามีอยู่ ก็อาจกลายเป็นปัจจัยสร้างมายากลที่น่าพิศวงขึ้นมา ทำนองเดียวกับเข้าประตูที่หนึ่งแต่ไปโผล่ออกอีกประตูหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป ผ่านอุโมงค์มหัศจรรย์อันไม่น่ามีอยู่จริงได้ คล้ายกับเดวิด คอปเปอร์ฟีลด์เคยแสดงกลเดินทะลุผ่านกำแพงเมืองจีนอะไรทำนองนั้น
จองฤกษ์เปิดเผยที่มาที่ไปจนสิ้นไส้สิ้นพุง ที่จุดเริ่มต้นเขาแค่ทำแผนที่ขึ้นมาเป็นแบบต่างๆ มั่วๆ ด้วยความเชื่อว่าเมื่อนำความมั่วต่างๆ มาประสานกัน น่าจะลงเอยเป็นการได้แบบแผนที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน และทฤษฎี ‘เริ่มแบบมั่วๆ ’ ของเขาก็ถูกต้อง เพราะเขาพบจุดซ้อนทับที่ไม่มีใครเคยสังเกตมาก่อนเข้าจริงๆ พูดให้เข้าใจง่ายที่สุดคือเขาไม่จำเป็นต้องเจาะระบบเข้าสู่เป้าหมายที่ต้องการตรงๆ ไม่ต้องล็อกอิน ไม่ต้องใช้พาสเวิร์ด ใช้แต่วิธีมุดอุโมงค์มหัศจรรย์เอาโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ มาขัดขวาง
วิธีสร้างแผนที่ของจองฤกษ์เริ่มต้นจากเล่ห์กลสารพัดชนิด นับแต่เช่าเซิร์ฟเวอร์หลายแห่งเพื่อเปิดประตูกลดักทางข้อมูล รวมทั้งขุดอุโมงค์ลับแรกๆ ขึ้น ยิ่งกว่านั้นยังคิดซอฟต์แวร์แจกฟรีที่เสริมความสามารถโปรแกรมเจ๊าะแจ๊ะยอดนิยม พอมีคนใช้กันมากเขาก็ได้ตำแหน่งและตัวเลขเชิงเทคนิคตามโซนต่างๆ รอบโลก
หลังจากใช้ความอดทนและหยาดเหงื่อมากมาย ก็รุกคืบไปทีละน้อยได้เหมือนกษัตริย์กระหายอำนาจ ครอบครองทีละแว่นแคว้น จนรวบรวมเป็นอาณาจักรมหึมา ครอบคลุมพื้นที่หลักๆ บนโลกอินเตอร์เน็ตไว้เกือบทั้งหมดได้สำเร็จ พูดให้ง่ายคือเขากำลังเป็นจักรพรรดิผู้มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายในอาณาจักรอินเตอร์เน็ตอันไพศาลแห่งนี้!
ณชะเลพูดไม่ออก หนุ่มวัยรุ่นตรงหน้าหล่อนเป็นใครคนหนึ่งที่อันตรายเหลือประมาณ เขาเป็นเอตทัคคะทางการรวบรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายมาปะติดปะต่อเป็นรูปเป็นร่างได้อย่างเหลือเชื่อ
“เป็นอะไร ทำไมมองเราอย่างนั้น?”
จองฤกษ์ถามยิ้มๆ ทั้งปลื้ม เพราะรู้ๆ อยู่ว่าคนรักทึ่งในความสามารถน่าอัศจรรย์ของตนจนตะลึงค้าง
๑๘๙
ณชะเลรู้สึกตัว ตื่นจากภวังค์พึมพำว่า
“อย่างนี้เอง เธอถึงเอาโปรแกรมโทรจันไปวางไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ได้ราวกับเป็นคนใน และเข้าออกเปลี่ยนรูปในเว็บติดลมดอทคอมได้ราวกับเป็นเว็บมาสเตอร์ เคล็ดลับก็คือเป็นเจ้าของมันทั้งอินเตอร์เน็ตนั่นแหละ!”
จองฤกษ์ซึมลงเล็กน้อยเมื่อณชะเลกล่าวพาดพิงถึงโปรแกรมโทรจันอันเป็นเหตุให้มีคนฆ่าตัวตาย
“ตลอดมาเราไม่เคยกลั่นแกล้งใครเลยนะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเดือนก่อนปล่อยโทรจันออกไปเล่นงานคนเป็นล้านได้ยังไง เหมือนผีเข้าสิง”
“อย่างน้อยก็ได้เห็นตัวอย่างไง ว่าตอนถืออำนาจล้นฟ้าล้นดินไว้ในมือคนเดียว อำนาจนั้นเป็นมหันตภัยใหญ่ได้ขนาดไหน ขอแค่โดนผีชื่อ ‘เผลอหลง’ เข้าสิงให้หน้ามืดแค่วูบเดียวพอ”
เด็กหนุ่มพยักหน้า
“โชคดีมากที่เรามาเจอทรายเสียก่อนความเหลิงอำนาจจะครอบงำเราจนกลายเป็นปีศาจถาวร รู้ไหม? เราพบความน่าจะเป็นอย่างหนึ่ง คืออินเตอร์เน็ตนั้นเปราะบางและล้มง่ายเหมือนโดมิโน เราคิดวิธีล่มเซิร์ฟเวอร์สืบทอดพร้อมๆ กันหลายๆ เขต ซึ่งจะทำให้อินเตอร์เน็ตทั้งหมดเป็นอัมพาตได้ภายในชั่วโมงเดียว ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะฟื้นคืน และเราก็ทำซ้ำได้เรื่อยๆ โดยไม่มีใครหาทางป้องกันหรือแก้ไขเสียด้วย เราลิ้มรสการถืออาญาสิทธิ์เหนือโลกมาจริงๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพระเจ้า และมนุษย์เป็นแค่กลุ่มลูกไก่ในมือที่บีบก็ตาย คลายก็รอด มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่และเย้ายวนอธิบายยาก อำนาจมืดมีจริง และเหมือนหลุมดำที่รอให้เราก้าวลงไปเต็มๆ ตัวเท่านั้น”
“นาทีที่พบอำนาจการทำลายนั้น ทำไมเธอไม่ใช้ มีอะไรมายับยั้งไว้หรือ?”
“ก็... แค่ด้วยคำถามเดียวที่เกิดขึ้นในหัว... จะทำไปทำไม?”
ณชะเลระบายยิ้มอ่อน
“คำถามคำเดียวนั้นแหละ ตัดสินว่าเธอมีสำนึกของความเป็นมนุษย์อยู่โดยบริบูรณ์” แล้วหล่อนก็กระตุ้นให้คิด “เอาล่ะ... เธอมีอำนาจยิ่งใหญ่อยู่ในมือสองอย่าง เงินพันล้านหนึ่ง อินเตอร์เน็ตทั้งระบบอีกหนึ่ง คนอื่นเขามีแล้วอยากก่อการร้ายกัน น่าคิดว่าถ้าทำให้เป็นตรงกันข้าม เราจะ ‘ก่อการดี’ อะไรได้บ้าง”
“เมื่อกี้ตอนนั่งแท็กซี่เข้ามาในซอย เราเห็นบ้านอยู่หลังหนึ่งประกาศขาย เราจะซื้อไว้ เพื่อให้ได้มาขอคำปรึกษาจากทรายบ่อยๆ ” แล้วเขาก็ผนึกสายตาตนเข้ากับสายตาหล่อนสนิทแนบ “ทรายจะเป็นป้ายบอกทางให้ชีวิตเรา”
เด็กสาวกะพริบตาส่งประกายหวานให้แฟนหนุ่ม สัมผัสชัดถึงอำนาจในตัวเขา ที่อยากทำอะไรก็ได้ สุดแล้วแต่จะพอใจ ขณะเดียวกันก็เห็นชัดตามจริง ว่าความน่าหลงใหลของผู้หญิงทำให้หล่อนอยู่เหนืออำนาจทั้งหมดในตัวเขา!
อ่านต่อตอนที่ ๒๒ >>
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น