วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559

กรรมพยากรณ์ ตอนเลือกเกิดใหม่ (ตอนที่ ๑๓ การไล่ล่าของกรรม)

<ย้อนกลับอ่านตอนที่ ๑๒

ตอนที่ ๑๓ การไล่ล่าของกรรม


ออกจากห้องน้ำด้วยบุคลิกที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน มาดที่เคยองอาจเป็นนิตย์กลับจ๋องลงถนัด คนเราเมื่อกำลังถูกเงามืดแห่งความหวาดกลัวครอบงำนั้น ต่อให้เคยมีสง่าราศีของผู้ชนะโลกมาอย่างไรก็ถูกดูดหายเข้าหลุมดำหมด
ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนต้องเลิกล้มเจตนาค้นหาเด็กเลี้ยงแกะรุ่นเดอะ ความประหวั่นพรั่นใจที่มาพร้อมกับความไม่รู้นั้น ทำให้คนๆ หนึ่งเปลี่ยนมุมมองจากหน้ามือเป็นหลังมือได้กะทันหัน เจ้าอ้วนจอมโกหกนั่นอาจเป็นเพียงเครื่องมือแสดงตัวของวิบากกรรม เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่สะท้อนให้เขาได้ลิ้มรสยาพิษที่เคยหยิบยื่นให้คนอื่นมาก่อน รวมทั้งอาจเป็นเพียงเจ้าหนี้เก่าที่ถึงเวลาทวงแค้นคืนเท่านั้น
หากเขายินยอมอโหสิโดยดี เรื่องทั้งหมดอาจสิ้นสุดลงกระมัง
ทันทีที่คิดเช่นนั้น ก็คล้ายอะไรบางอย่างกระซิบบอกในภายในด้วยกระแสเยียบเย็นยะเยือก ว่าจะหวังความสิ้นสุดอย่างไรได้ ในเมื่อนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น!
เด็กหนุ่มหาร้านขายยาซื้อยาแก้ท้องเสีย แล้วไปเดินเตร่ในห้างสรรพสินค้าใกล้บริเวณนั้นเพื่อรอดูอาการของท้องไส้อีกพักใหญ่ กระทั่งสามารถเข้าห้องน้ำอีกครั้ง ขจัดเศษเล็กเศษน้อยที่หลงเหลือตกค้างออกได้จนมั่นใจว่าสะอาดหมดจด
ระหว่างนั้นเป็นช่วงเวลาของความวิตกกังวลอย่างแท้จริง หลายครั้งจองฤกษ์เปลี่ยนใจคิดอยากกลับบ้านเพื่อความปลอดภัยให้รู้แล้วรู้รอด กลัวผลอันไม่เป็นที่รู้ซึ่งกรรมจะกำนัลแด่คำท้าของมนุษย์โง่ๆ คนหนึ่ง ประหวั่นพรั่นใจจนรู้สึกว่าตัวเองขมวดคิ้วนิ่วหน้า เครียดเกร็งไปทั้งตัว จะนั่งหรือเดินไปทางไหนไม่มีความสุขเอาเลย
แต่ระหว่างเดินทางกลับบ้านกับเดินทางต่อให้ถึงจุดหมายนั้นจะต่างกันสักแค่ไหน? ในเมื่อมันก็คือการเดินทางเหมือนๆ กันอยู่ดี ไม่ไปวันนี้ วันหน้าก็ต้องมาอีก เสียเวลา เสียโอกาสใช้งานมือถือใหม่ คิดแล้วจึงเกิดลูกฮึด เริ่มออกเดินทางต่อตามความตั้งใจเดิม เป็นไงเป็นกัน!
เพิ่งรู้สึกว่าโลกทั้งใบเต็มไปด้วยภูติผีปีศาจที่พร้อมจะเข้ามาเล่นงานเขา คนที่เดินสวนบนทางเท้า รถที่วิ่งอยู่ข้างหลัง หรือแม้กระทั่งท้องฟ้าที่ว่างเปล่าเบื้องบน ใครจะสามารถคาดการณ์หรือทำนายล่วงหน้าว่าวิบากจะมาไม้ไหน พริบตาใด?
รู้สึกถึงความเป็นมนุษย์ที่มีสองขาก้าวไปข้างหน้าได้เพียงเชื่องช้า ขณะที่วิบากกรรมไม่มีขา ไม่มีความจำเป็นต้องกวดไล่ ไม่มีแม้กระทั่งเนื้อตัวให้กำหนดหมายสังเกตสังกา จะมีก็แต่การแสดงตนออกมาชัดๆ ในรูปของเหตุการณ์ปุบปับฉับพลัน ไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัวรับมือใดๆ ทั้งสิ้น
ยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ด้วยใบหน้าอมทุกข์ กำลังคิดคำนวณหาความเป็นไปได้ หากขึ้นรถประจำทางจะมีความเสี่ยงในรูปแบบใดบ้าง? เด็กช่างกลตีกัน โจรล้วงกระเป๋า เชื้อหวัดในอากาศ ฯลฯ หากขึ้นรถแท็กซี่จะมีความเสี่ยงแตกต่างกันแค่ไหน? โดนรถใหญ่ชน ตีนผีขับซิ่ง โชเฟอร์ลวงไปฆ่าชิงทรัพย์ ฯลฯ คิดสะระตะแล้วจึงยอมจ่ายแพง เรียกแท็กซี่มาเป็นพาหนะนำไปสู่จุดหมาย เพราะเห็นว่าตนทำความเดือดร้อนไว้กับผู้คนจำนวนมาก หากวันนี้จะหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในแหล่งชุมนุมผู้คนจำนวนมากคงจะเหมาะ
ใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อเจอแท็กซี่ตีนผีเข้าจริงๆ พอหลุดจากย่านการจราจรติดขัด รถก็พุ่งเป็นจรวด แถมโชเฟอร์นิสัยเสียชอบเหยียบเบรกแบบมีลุ้นว่าจะชนหรือไม่ชนคันหน้า ได้ช่องแซงเป็นแซง ได้ช่องปาดเป็นปาด จนจองฤกษ์คิดว่าถ้าเขาเป็นบริษัทประกันภัยคงขอเลิกสัญญาทันที
๑๑๒

 

เมื่อหยุดรอสัญญาณไฟในครั้งหนึ่ง เด็กหนุ่มพยายามขอร้องให้โชเฟอร์ขับช้าลง ซึ่งฝ่ายนั้นก็สนองตอบด้วยอาการคอแข็งและเงียบเฉยเย็นชา จองฤกษ์ตั้งใจว่าถ้าแท็กซี่ซิ่งอีก เขาจะขอลงเดี๋ยวนั้น
ไฟเขียว โชเฟอร์เหยียบเกือบมิดอีก ราวกับจงใจประชดผู้โดยสารวัยรุ่น
ช่วยจอดด้วย ผมจะลงตรงนี้!”
เด็กหนุ่มร้องดังๆ
เป็นอะไรล่ะน้อง? แค่นี้ประสาทไปได้
เอาน่า หยุดเดี๋ยวนี้เลย อยากตายก็ไปตายคนเดียวเถอะ!”
งุ่นง่านจนระงับโทสะไม่อยู่ เผลอหลุดคำแช่งเกรี้ยวกราดออกมา ซึ่งก็ได้ผล โชเฟอร์หักเลี้ยวคว้าบเข้าจอดเทียบฟุตบาททันใด จนรถหลังเกือบหยุดไม่ทันและเสยท้ายเข้าให้ ได้ยินเสียงแตรป๊านตามมาสนั่น
คนขับผู้มีใบหน้าแบบนักมวยลูกอีสานหันมาจ้องจองฤกษ์ตาแทบถลน ไม่พูดไม่จาคำใด มีแต่ความเงียบที่แฝงอยู่ด้วยกระแสอำมหิตแบบนักเลงจริง เอาเรื่องจริง เด็กหนุ่มจึงรู้สึกตัวและจ๋อยลง เพราะนี่เองอาจเป็นเคราะห์ร้ายที่กฎแห่งกรรมส่งมาตามคำท้าทายของเขา
ควักกระเป๋าสตางค์ดูมิเตอร์มือสั่น อธิบายเพื่อให้ภัยเฉพาะหน้าพ้นตัวไปที
พี่ไม่เข้าใจ ผมกำลังอยู่ในช่วงดวงตก ต้องระวังตัวอยู่
ยื่นเงินให้ พอได้ยินคำอธิบายโชเฟอร์ก็คลายสีหน้าลง และรับเงินมาโดยไม่เอ่ยโต้ตอบแต่อย่างใดทั้งสิ้น จองฤกษ์เหลียวหน้าเหลียวหลังอย่างระแวดระวังก่อนเปิดประตูลงจากรถไป คลายความอึดอัดลง แต่ใจก็เสียดายมาก เพราะถ้าต่อรถแท็กซี่ก็หมายความว่าต้องเสียค่าเดินทางเริ่มต้นใหม่อีกหลายสิบ
ไหนๆ ก็ไหนๆ ระยะทางช่วงสุดท้ายขึ้นรถเมล์ดีกว่า คงไม่มีอะไร หรือถ้ามีก็คงดีกว่าถูกอัดก้อปปี้อยู่ในกองเศษเหล็กขนาดเล็กกระมัง
โชคเข้าข้างบ้างแล้ว ยืนแค่ครึ่งนาทีเจ้าของที่นั่งซึ่งจองฤกษ์อาศัยเกาะก็ลุกขึ้นลงป้าย เด็กหนุ่มรีบก้าวเข้าไปสวมต่อด้วยความดีใจ บนรถเมล์ก็มีความน่ายินดีเล็กๆ น้อยๆ ให้ชีวิตชุ่มชื่นเช่นนี้ ได้ที่นั่งหมายถึงโชค ได้โชคย่อมหมายถึงหมดเคราะห์หมดโศกอย่างน้อยก็ชั่วขณะหนึ่ง
ทว่าโชคดียังไม่ทันไรโชคร้ายก็เข้ามาเยือน กระเป๋ารถเมล์รับเงินและทอนเงินให้เขาเสร็จ กำลังจะผละจากไปก็เป็นจังหวะที่รถกระตุก จึงเสียหลักรีบคว้าหูจับบนพนักที่นั่งหน้าเขา แต่เผอิญได้ท่าประเคนศอกแหลมๆ วัดศีรษะเขาแบบจับเปาะ ไม่ถึงกับแรงนัก แต่ก็ทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งด้วยความเจ็บกะโหลก ที่ร้ายกว่านั้นเมื่อจองฤกษ์หันมองด้วยตาขวางด้วยความโกรธ เจ้านั่นก็ทำเมินไม่รู้ไม่ชี้ ไม่มีให้แม้แต่คำขอโทษ เดินหนีไปเฉยๆ ถ้าสังเกตจะเห็นยักไหล่เล็กๆ ด้วยซ้ำ ราวกับบอกว่าเป็นนัยว่าช่วยไม่ได้ ดันเอาหัวไปขวางศอกตูเองทำไม
จองฤกษ์เม้มปากแน่น โมโหจนหน้าเขียว นึกอยากลุกขึ้นไปกระชากไหล่ถามว่าทำไมไม่ขอโทษ แต่ก็สู้ระงับอารมณ์ไว้ ระลึกอยู่ตลอดเวลาว่าบุ่มบ่ามทำตามแรงบันดาลโทสะไป วิบากภัยอาจได้ช่องมาถึงตัวไวขึ้น
ในที่สุดก็ถึงอาคารสำนักงานของบริษัทเจ้ากรรม จองฤกษ์ติดต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งมีน้ำใจรับอุปกรณ์สื่อสารจากมือเขาไปช่วยตรวจสอบเบื้องต้นให้ หลังจากเขาแจ้งว่าเพิ่งซื้อของมาได้เกินหนึ่งอาทิตย์ไปนิดเดียว ขอความกรุณาเปลี่ยนอะไหล่ให้วันนี้เลยหากไม่เหลือบ่ากว่าแรง
๑๑๓

 

คำตอบคือเป็นเรื่องเหลือบ่ากว่าแรง เพราะชิ้นส่วนที่ชำรุดนั้นไม่มีสต๊อกไว้ เจ้าหน้าที่ทำหน้าฉงนฉงาย เพราะปกติชิ้นส่วนดังกล่าวจะไม่เสียหายง่ายๆ นับว่าเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ยากชนิดหนึ่งในพันหนึ่งในหมื่น จำเป็นต้องขอให้ลูกค้ารออะไหล่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ แล้วจะโทร.แจ้งให้มารับอีกครั้ง
เด็กหนุ่มพยายามอ้อนวอนขอเครื่องใหม่ แต่เจ้าหน้าที่ก็ส่ายหน้าลูกเดียว บอกว่าที่นี่เป็นศูนย์ซ่อม ไม่เกี่ยวกับเคาน์เตอร์ขาย มาเจรจากับเขาก็เปล่าประโยชน์ กระทั่งจองฤกษ์ต้องก้มหน้าก้มตารับสภาพแบบเจ็บช้ำน้ำใจ ยอมเซ็นชื่อรับรู้ในใบส่งซ่อมว่าเขาต้องรออย่างน้อย วันจึงมีสิทธิ์มารับคืน
หน้ามืดในวูบแรก สัญญากับตัวเองว่าจะทะลวงไส้บริษัทด้วยการปล่อยไวรัสเข้าทำลายข้อมูลสำคัญ เอาให้วินาศสันตะโรชนิดมีคนต้องตกงานกันระนาว พร้อมฝากข้อความเช่น นี่เพื่อกระตุ้นสำนึกรับผิดชอบต่อลูกค้า
แต่วูบต่อมาก็เกิดความระลึกขึ้นได้ว่าตนกำลังอยู่ในช่วงขอท้าพิสูจน์ความมีจริงแห่งวิบากกรรมมิใช่หรือ? นี่อาจเป็นหนึ่งในสารตอบกลับจากมิติของกฎแห่งกรรมก็ได้ ความวัวยังไม่ทันหาย เหตุใดเขาจึงคิดเสี่ยงสร้างเหตุแห่งความควายแทรกเสริมเข้าไปอีก?
ล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ เงยหน้าขึ้นมองเงาตนเองในกระจก เห็นสารรูปคนสิ้นท่าแล้วเกิดความคั่งแค้นแน่นอก จะให้เขายอมเป็นฝ่ายถูกกระทำง่ายๆ ได้อย่างไร เขาเป็นผู้เสียหาย เขาเป็นผู้ถูกละเลย เขาถูกมองเป็นลูกค้าประเภทหมูในอวยตามกฎหมาย ฉะนั้นเขาก็สมควรเป็นฝ่ายกระทำย่ำยีให้บริษัทใจดำได้รู้สำนึกเสียบ้างว่าเขาไม่ใช่อย่างที่ใครคิด!
ขบริมฝีปากสานตากับตนเองในกระจกเงา เห็นมีแววดุร้ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยแรงพยาบาท ความคิดเรียงคิวซ้อนทับเข้ามาไม่ขาดสาย เพียงแค่คำขู่เรื่องกรรมวิบากของคนโบราณ เขาถึงขนาดขี้ขลาดตาขาว ไม่รักศักดิ์ศรี ยินยอมเป็นฝ่ายถูกเอารัดเอาเปรียบจากมนุษย์ด้วยกันเสียเฉยๆ กระนั้นหรือ?
ตกลงปลงใจเด็ดขาด เป็นตายอย่างไรเขาก็ต้องขอเอาคืน แค่ความกลัวสิ่งไร้ตัวตนไม่อาจห้ามเขาจากการรักษาความยุติธรรมให้ตนเองได้หรอกน่า จองฤกษ์ก้าวเท้าออกจากตัวอาคารด้วยพลังแห่งความอาฆาตมาดร้าย เขาเกิดมาเพื่อเป็นผู้พิพากษา ไม่ใช่เพื่อเป็นผู้ถูกพิพากษา คอยดูเถอะว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับบริษัทเถรตรงไร้น้ำใจนี่!
พ้นชายคาของอาคารมาเพียงห้าหกก้าว ก็ได้ยินเสียงของหนักทึบกระแทกพื้นดังตุ้บใหญ่จากเบื้องหลัง ทำให้จองฤกษ์สะดุ้งโหยง กลับหลังหันขวับไปมองต้นเสียงราวกับถูกใครฉุดไหล่อย่างแรง ความรู้สึกแรกที่บอกตนเองในแวบแรกคือมีวัตถุหนักๆ หล่นลงมาจากตึก
แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ถึงกับเข่าอ่อนตกตะลึงพรึงเพริด เบิ่งเนตรเพ่งให้แน่ใจว่าตาไม่ฝาด เพราะสิ่งที่เห็นมิใช่วัตถุไร้ชีวิตดังคาด ทว่าเป็นร่างของชายคนหนึ่งนอนกองคว่ำหน้าอยู่ และมีน้ำเลือดเจิ่งนองแผ่วงกว้างออกมามากขึ้นเรื่อยๆ !
ภาพอัตวินิบาตกรรมอันน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นนั้น เรียกเสียงหวีดร้องของคนละแวกใกล้ที่เริ่มเหลือบมาเห็น และดึงดูดความสนใจไปในวงกว้างอย่างรวดเร็ว จองฤกษ์กะพริบตาปริบๆ เรียกสติอยู่ครู่หนึ่ง ขนพองสยองเกล้าจนหน้าซีดและรีบเดินจากมาแบบเคว้งงง สวนทางกับบรรดาประชาชนซึ่งเคลื่อนทัพย่อยๆ กรูกันเข้ามาเกาะกลุ่มดูเหตุการณ์ตามหน้าที่ที่ดีของไทยมุง
เกิดมาเพิ่งเคยเห็นการเป็นศพแบบเฉียบพลันเดี๋ยวนั้นเอง ไม่รู้รีบร้อนอะไรนักหนาถึงมาฆ่าตัวตายตอนบ่ายวันอาทิตย์ น่าจะนอนพักผ่อนอยู่กับบ้านมากกว่าเอาชีวิตมาทิ้งชนิดที่เกือบทำเขามอดม้วยมรณาตามไปด้วยอย่างนี้
เบื้องหลังที่เขาเดินจากมา มีใครคนหนึ่งเพิ่งตายจากโลกนี้ไป และป่านนี้คงรู้แล้วว่าโลกหน้ามีจริงหรือไม่
๑๑๔

 

นี่เขา บังเอิญเข้าไปอยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์อัปมงคล หรือว่าภาพอัปมงคล จงใจเข้ามากระทบเขาให้ขวัญหนีดีฝ่อ แบบที่ถูกกำหนดให้เป็นอีกหนึ่งสัญญาณตอบรับคำท้าทายของเขา?
คนคิดสั้นย่อมมีเหตุกดดันที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา การตัดสินใจฆ่าตัวตายเกิดขึ้นก่อนหน้านี้หลายอึดใจโดยที่เขาไม่รู้เห็น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลยแม้แต่น้อย
แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยทางอ้อม หากงานบางอย่างของบริษัทเสียหายเพราะโดนโปรแกรมโทรจันของเขา แล้วเจ้าหน้าที่บางคนต้องรับผิดชอบด้วยการถูกไล่ออกเล่า?
จองฤกษ์กัดริมฝีปากแทบห้อเลือด เริ่มเดินแบบคนมีสติครึ่งเดียว ในหัวหมกมุ่นครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยความวกไปวนมา เหตุการณ์ดีร้ายอาศัยตำแหน่งสถานที่และจังหวะเวลาซึ่งบุคคลต่างๆ โคจรมาประจวบกัน ถ้านี่เป็นลีลาแสดงตัวของผลกรรม ก็ต้องกล่าวว่าโลกนี้ไม่มีสิ่งใดน่าประหวั่นพรั่นพรึงเท่า เพราะหากเมื่อครู่เขาถูกตัดสินให้ตาย วิบากกรรมก็เพียงเลื่อนเวลาโดดตึกของคนคิดสั้นออกไปเพียงสองสามพริบตาเท่านั้น เขาจะไม่มีทางหนีรอดแม้แต่น้อย เนื่องจากเกิดมาไม่เคยแหงนหน้ามองระวังวัตถุจากเบื้องบนก่อนโผล่พ้นชายคาอาคารเลยสักครั้งเดียว
ต้องถือว่าเคราะห์ร้ายเพียงนิดหน่อย ที่ ผู้พิพากษาตัดสินให้เขาเจอะเจอเพียงภาพสยดสยอง แต่ไม่ต้องพลอยมีส่วนร่วมกับความสยดสยองเข้าไปด้วย!
มานั่งที่ป้ายรถเมล์ ชักหายใจไม่ทั่วท้อง มือไม้เริ่มออกอาการชาเห่อคล้ายจะเป็นลม แม้เรื่องกระทุ้งขวัญเมื่อครู่ยังไม่อาจชี้ชัดว่าวิบากกรรมมีจริงและกำลังเป็นเงาติดตามเล่นงานเขาอยู่ แต่มันก็สั่นประสาทขนาดทำเอาจองฤกษ์พึมพำออกมาเสียงกระเส่า
ผมพูดเล่น ขอถอนคำท้า…”
ภาวนาให้วิบากกรรมมีแก้วหูและไม่ติดธุระอื่น ได้ยินเสียงอุทธรณ์ขอเจรจายกเลิกข้อตกลงเก่าจากเขาด้วยเถิด
เริ่มมองโลกด้วยสายตาระแวงภัยหนักขึ้น แม้แต่เด็กที่กำลังเดินกินลูกชิ้นอย่างเอร็ดอร่อยก็ทำให้จองฤกษ์ผวา เพราะเห็นปลายไม้แหลมในมือเด็กแล้วเสียวลูกตาชอบกล คำนวณว่าหากมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งทำให้เด็กน้อยสะดุดหัวคะมำมาทางเขาในบัดนี้ ไม้เสียบลูกชิ้นของเจ้าหนูก็มีสิทธิ์ทิ่มเข้าเบ้าตาเขาพอดี!
ค่ำนี้อาจมีข่าวแปลกน่าเล่าลือไปทั้งเมือง วัยรุ่นที่ป้ายรถเมล์โดนไม้เสียบลูกชิ้นของเด็กน้อยแทงแก้วตาทะลุโดยบังเอิญ ใช่แล้วทุกคนจะบอกว่าช่างบังเอิญเสียจริง แต่พอถามว่าทำไมถึงบังเอิญได้เหลือเชื่อปานนั้น ก็คงจะมีแต่ความเงียบกริบในอากาศเป็นคำตอบสุดท้าย!
เด็กน้อยเดินผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น จองฤกษ์ถึงกับระบายลมหายใจโล่งอก ก้มหน้ามองพื้นแล้วหัวเราะแผ่ว นับแต่นี้เขาคงเฝ้าระแวงระวังทุกสิ่งทุกอย่าง ตระหนกอกสั่นกับทุกการเคลื่อนไหวรอบด้าน กระทั่งเกิดภาพหลอน กลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนไปในที่สุด
ถอนใจเฮือกหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองโลกเต็มตา ใกล้ตัวเขามีเพื่อนร่วมรอรถเมล์ด้วยกันหลายคน ไกลออกไปมีตึกรามบ้านช่องเรียงราย บนถนนมียวดยานวิ่งบ้างหยุดบ้างขวักไขว่ รอบด้านเต็มไปด้วยส่ำเสียงเยี่ยงสภาพใจกลางเมืองเป็นปกติทุกประการ นี่คือ โลกมนุษย์ที่เขารู้จักคุ้นเคย ไม่มีความแปลกแยกระหว่างสภาพความเป็นมนุษย์ด้วยกัน เพิ่งตระหนักเดี๋ยวนั้นว่าตนเคยอบอุ่นใจอยู่ในมิติที่มีเพื่อนร่วมโลก เพื่อนร่วมทุกข์ เพื่อนร่วมไม่รู้อีโหน่อีเหน่ทั้งหลายมาช้านานเพียงใด
๑๑๕

 

ยามประหวั่นพรั่นใจว่ากำลังมีวิบากกรรมตามเล่นงาน ความน่าอบอุ่นใจก็หายหนไปหมด ในเมื่อทุกสิ่ง ทุกคน และทุกเหตุการณ์ ล้วนเข้าข่ายน่าระแวงได้ทั้งสิ้น โลกมนุษย์ไม่เหมือนแหล่งพักพิงเดิมที่เคยรู้จักมักคุ้นอีกต่อไป แต่จะเหมือนป่าใหญ่ที่มีไว้ให้สัตว์หลบหนีการไล่ล่าของพรานแทน
พรานที่เป็นคนยังมีร่องรอยการมาการไปให้กำหนดดูด้วยแก้วตา ยังมีเสียงย่ำเท้าสวบสาบให้กำหนดฟังด้วยแก้วหู ยังมีกลิ่นสาบให้สำเหนียกดมผ่านโพรงจมูก แต่พรานที่เป็นวิบากกรรมจะให้ถือเอาสิ่งใดเป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงการมาการไปได้เล่า?
ขึ้นมาบนรถโดยสารปรับอากาศแล้วได้ที่นั่งทันที มองออกนอกหน้าต่างอย่างเหม่อซึมเหมือนคนทอดอาลัยตายอยาก การเพิ่งเห็นคนโดดตึกตายมาหยกๆ ทำให้เกิดสัมผัสว่าชีวิตเป็นของน้อย มีความเปราะบางเหมือนแจกันที่ล้มตัวเองตกลงมาแตกดับได้ทุกเมื่อ
หลังจากจ่ายค่าโดยสาร จองฤกษ์ก็ปิดตาลง ไม่อยากยินยลสนใจสิ่งรอบข้างอีกเลย เขาเผลอหลับบนรถประจำทาง ฝันว่ากลับไปยังที่เกิดเหตุอัตวินิบาตกรรม เห็นคนมุงดูกันมากมาย แต่แล้วชายที่นอนคว่ำหน้าก็ลุกขึ้นยืนยิ้มร่า โบกไม้โบกมือไปรอบทิศ เหมือนถึงเวลาที่ตัวจำอวดเปิดเผยว่าทั้งหมดเป็นเพียงละครหลอกตาฉากหนึ่งเท่านั้น เรียกเสียงเฮฮาและเสียงปรบมือจากบรรดาไทยมุงยกใหญ่ ทุกคนต่างโล่งใจว่าไม่มีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นจริง แม้แต่จองฤกษ์ก็พลอยยิ้มสดชื่น ปรบมือส่งเสียงเฮไปกับคนอื่นๆ ด้วยความลิงโลด
ตื่นจากหลับด้วยความรู้สึกได้กลับเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง ความจริงคือชายผู้กำหนดวันตายให้ตนเองได้มอดม้วยไปแบบไม่มีวันฟื้น ฝันของคนยังมีชีวิตเท่านั้นที่หลอกตัวเองได้เป็นตุเป็นตะว่าคนตายอาจกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก หรือมีชีวิตขึ้นมาใหม่ในที่อื่น
จองฤกษ์ยิ้มสดชื่น ทำไมเขาไม่เข้าใจเสียตั้งนานแล้วว่า ความจริงก็คือสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยินอยู่แค่นั้นแหละ พ้นจากสิ่งที่เห็นและได้ยินก็แค่ ความคิดฝันไปเองทั้งเพ ตั้งมุมมองไว้อย่างไรก็ชวนให้เชื่อได้อย่างนั้นไปหมด
โทรศัพท์มือถือของเขาเสีย ความจริงก็คือมันเสีย แต่ถ้าเขาอยากจะโยงว่ามันเกี่ยวข้องกับกรรมเก่า มันก็ถูกมองว่าเป็นวิบากกรรมไปได้
เขากินส้มตำแสลงท้อง ต้องรีบเข้าห้องน้ำด่วน เจอคนหน้าเนื้อใจเสือหลอกให้หลงวิ่งไปพบกับทางตัน ความจริงก็คือเป็นคราวซวย แต่ถ้าเขาอยากจะโยงว่ามันเกี่ยวข้องกับกรรมเก่า มันก็ถูกมองว่าเป็นวิบากกรรมได้ตรงๆ เช่นกัน
ล่าสุดคือคนอยากจะตาย คิดตัดช่องน้อยแต่พอตัว เผอิญโดดลงมาในจังหวะที่จะทำให้เกิดภาพสะเทือนขวัญสำหรับเขา ความจริงก็คือเขาเห็นคนฆ่าตัวตาย แต่ถ้าเขาอยากจะโยงว่ามันเป็นการส่งสัญญาณรับคำท้าจากมิติของกฎแห่งกรรม มันก็ถูกมองว่าเป็นสัญญาณเตือนได้เป็นจริงเป็นจังด้วย
พยักหน้ายิ้มกับตนเอง แค่หลับฝันงีบเดียวตื่นขึ้นมาสบายใจอย่างบอกไม่ถูก นี่คงเรียกว่าเป็นการเข้าซึ้งถึงสัจจธรรมเลยกระมัง นั่นคือ มองอย่างไรก็เห็นอย่างนั้น
ความหวาดระแวงและอาการระแวดระวังสลายตัวลงเป็นปลิดทิ้ง จองฤกษ์นั่งมองโลกนอกรถเมล์อย่างสบายใจเฉิบ พอสิ้นความกลัวแค่ตัวเดียว อะไรๆ ก็สว่างใสดังเดิม และไม่มีสิ่งแวดล้อมใดรบกวนเขาให้เสียสุขภาพจิตได้
ต่อรถสองทอดมาถึงป้ายหน้าปากซอยบ้าน จองฤกษ์ลงเดินด้วยสีหน้าสีตาอิ่มสุขราวกับเพิ่งได้คำตอบรับรักจากสาว โลกรอบตัวสงบนิ่ง ไม่มีวี่แววภัยพาลใดๆ แม้แต่หมาตัวที่ชอบแยกเขี้ยวคำรามขู่เขาเป็นประจำก็เหมือนขอพักรบ เห็น
๑๑๖

 

เขาแล้วเมินไปมองทางอื่นแทน ทั้งที่เด็กหนุ่มเตรียมใจอยู่ว่าอาจต้องเผชิญกับเหตุบังเอิญครั้งสุดท้ายก่อนเข้าบ้าน เช่นถ้าเจอหมาแยกเขี้ยวไล่งับ เขาก็จะวิ่งหนีด้วยหน้าตาเบิกบาน ไม่หลงโยงไปว่ามันคือวิบากกรรมใดๆ อีก
ถึงบ้าน เอากุญแจไขประตูรั้วเปิดออกกว้าง กางแขนแหงนหน้ามองฟ้าเยี่ยงผู้ได้รับอิสรภาพอย่างแท้จริง ร้องเบาๆ แต่หนักแน่นว่า เยส !’ เหมือนอยากขอบคุณเทวดาฝรั่ง เพราะสรุปคือไม่มีอะไรเกิดขึ้น คำท้าของเขาเป็นหมัน หรือที่แท้วิบากกรรมคงไม่มีจริง หากคำอธิษฐานของเขาศักดิ์สิทธิ์ ก็แปลว่ากฎแห่งกรรมต้องแผลงฤทธิ์ภายในวันนี้ ซึ่งก็หมดเวลาเสียแล้ว
หากนับเอาการเห็นคนโดดตึกตายว่าเป็นเรื่องร้ายที่มาตามนัด ก็ต้องขอบอกว่าจิ๊บจ๊อยมาก เขาเห็นตอนตานั่นตกถึงพื้นแล้ว ไม่ได้หวาดเสียวสักเท่าไหร่ อีกอย่างเขาหาได้เป็นคนขวัญอ่อนที่จะอุ๊ยตายว้ายกรี๊ด เก็บไปนอนฝันร้ายอีกหลายคืน คนอยากตายก็ช่างหัวมันปะไร ทำไมเขาจะต้องเดือดร้อนหรือยอมให้จิตใจหดหู่เพราะเรื่องของคนอื่นด้วยเล่า
เข้าบ้านอาบน้ำสนานกายด้วยความสำเริงสำราญยิ่ง รู้สึกว่าสายน้ำซู่ซ่าจากฝักบัวเหมือนน้ำมนต์ฉลองชัยเลยทีเดียว เมื่ออาบเสร็จแทนที่จะเข้าห้องเก็บตัวเงียบอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องโปรดดังเคย จองฤกษ์ก็ออกมานั่งคุยกับแม่ซึ่งกำลังนั่งถอดไพ่อยู่ที่ระเบียงด้านหน้า
ไม่ออกไปไหนเหรอแม่?”
เขาทักด้วยน้ำเสียงเจือปีติสุข นันทกาเงยหน้ามองลูกชายนิดหนึ่งก่อนก้มลงดูไพ่บนโต๊ะต่อ
คนนั่งถอดไพ่หัวโด่อยู่เนี่ย ควรจะมีธุระออกไปไหนไหมล่ะ?”
ท่าทางแม่กำลังหงุดหงิด ซึ่งจองฤกษ์ก็ดูออกว่าไม่เกี่ยวกับการถอดไพ่บนโต๊ะ แต่เหมือนมีเรื่องเครยดอยู่ในใจแม่มากกว่า เด็กหนุ่มจึงหัวเราะเอื่อยไม่ถือสา อีกทั้งยังมีแก่ใจซักต่อ
งั้นเปลี่ยนคำถามใหม่ แม่กำลังเครียดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย? หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว
นันทกาอึ้งไปนิดหนึ่ง แต่แล้วก็พูดปัด
ฉันอยากอยู่คนเดียว แกจะไปไหนก็ไปเถอะฤกษ์
จองฤกษ์จ้องมองมารดาของตนจริงจังขึ้น ปกติครอบครัวของเขาไม่ค่อยแสดงความเอาใจใส่กันและกันนัก ต่างฝ่ายต่างช่วยเหลือตัวเองโดยไม่ปริปากบอกคนอื่นแม้กำลังเผชิญสถานการณ์ยากลำบากเพียงใด คล้ายมีความทะนงในศักดิ์ศรี หรืออีกทีคือเกรงคนอื่นจะหาว่าอ่อนแออะไรทำนองนั้น
แต่ยามนี้จองฤกษ์รู้สึกห่วงใยมารดาอย่างประหลาด เหมือนจู่ๆ เขาก็มีความเอื้ออาทรขึ้นในหัวใจ หรือเพิ่งเกิดสัมผัสอย่างลึกซึ้งว่าผู้อยู่ตรงหน้าคือแม่ผู้ให้กำเนิดตน ไม่ใช่แค่หญิงวัยกลางคนที่สักแต่ปรากฏตัวให้เห็นคุ้นตาเล่น เขาควรห่วงใยรักษา ควรไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ ควรช่วยเหลือเกื้อกูลสุดความสามารถยามท่านเดือดร้อน
ความไยดีเอ่อขึ้นท่วมท้นแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ขนาดที่เห็นต่อยอดไปเลยทีเดียว ว่ามนุษย์ควรเป็นความอบอุ่นใจให้กันและกัน ช่วยเหลือกัน ไม่ทอดทิ้งกัน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในร่มไม้ชายคาเดียวกัน
แม่มีปัญหาอะไรเหรอ? ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ อย่างน้อยให้ผมรับฟัง เผื่อรู้ลู่ทางช่วยแม่ได้แรงหนึ่ง
นันทกาเงยหน้ามองลูกชายด้วยแววฉงน เพราะแต่ไหนแต่ไรมาลูกชายไม่เคยเซ้าซี้ทำนองนี้มาก่อน
แกน่ะเหรอไม่ใช่เด็ก? ยังแบมือขอตังค์ฉันอยู่แท้ๆ
๑๑๗

 

ลูกชายได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว เกือบลุกหันหลังหนีคำสบประมาทไปในทันที แต่แล้วก็ทำใจไม่ถือสาเสียได้ เนื่องจากนัยน์ตาขุ่นและสีหน้าอมทุกข์หนักของแม่ประกาศถึงปัญหารุมเร้าหนักหน่วงอย่างไม่เคยเป็น หากเขาโมโหและแสดงกิริยาน่าระคายก็คงเหมือนยิ่งซ้ำเติมกันเปล่าๆ
แม่มีปัญหาเรื่องเงินเหรอ?”
จองฤกษ์ดักทาง เพราะผู้ใหญ่คงไม่มีปัญหาใดหนักเกินเรื่องพรรค์นี้ และนั่งก็คงแทงถูกใจดำ เขาเห็นแม่ก้มหน้าสลดลงวูบหนึ่ง ก่อนเงยขึ้นแสดงความขึ้งเคียดให้ปรากฏเป็นการปกป้องภาพลักษณ์ตนเอง
วันนี้แกเป็นอะไรวะหา? ตอแยอยู่ได้ คนจะมีสมาธิถอดไพ่เสียหน่อย
ท่าทางแม่คงไม่อยากให้ใครรับรู้ปัญหาจริงๆ จองฤกษ์จึงผงกศีรษะและลุกขึ้นยืนโดยดี
งั้นผมไม่กวนใจก็ได้ แต่ถ้าเกิดเรื่องหนักหนาก็บอกผมแล้วกัน ผมอาจช่วยแม่ได้เกินกว่าที่แม่จะคาดคิด
ขณะนั้นเองก็มีใครคนหนึ่งกดออดหน้าบ้าน สองแม่ลูกเหลียวไปมอง เห็นเป็นชายในเสื้อยืดกางเกงยีน นันทกาเขม้นมองด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนอย่างคนมีพิรุธ พึมพำกับลูกชายเบาๆ
ใครนะนั่น?”
สงสัยมาขายของมั้งแม่
เออๆ ถ้าอย่างนั้นไล่ไปเลย
จองฤกษ์ส่งเสียงถามไม่ดังไม่เบา เพราะระยะไม่ได้ห่างกันเท่าไหร่
มาหาใครครับ?”
มาพบคุณนันทกา
คำตอบนั้นทำให้มารดาของจองฤกษ์ลุกพรวด
แกไปบอกเลยว่าฉันไม่อยู่
ก็เขาเห็นแม่แล้วนี่
บอกว่าฉันเป็นคนอื่นก็แล้วกัน
นันทกาผลุบหายเข้าบ้านทันทีโดยไม่ฟังอะไรอีก จองฤกษ์มองตามด้วยสังหรณ์ไม่ดี เพราะนั่นมิใช่กิริยาท่าทีที่เล็กน้อยนัก โดยเฉพาะสำหรับแม่ที่ไม่เคยกลัวใครหน้าไหน
เดินสบายๆ ไปที่หน้าประตูรั้วด้วยความอยากรู้เรื่องมากกว่าอย่างอื่น
มีอะไรหรือครับ?”
เรียกแม่น้องออกมาเถอะ อย่าหลบเลย ยังไงก็ไม่พ้นหรอก
ชายคนนั้นพูดเสียงปกติ แต่เด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงความแข็งกร้าวอยู่ในที
แม่ผมไปทำอะไรมาเหรอ?”
ติดหนี้แล้วไม่จ่ายน่ะ
คำตอบสั้นๆ ทำให้ทุกอย่างกระจ่างแจ้งโดยพลัน ตระหนักในบัดนั้นว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยจริงๆ แต่นั่นยังไม่ทำให้สะดุ้งเท่าเสียงทักที่ดังมาจากอีกทาง
เฮ้ย !หวัดดีไอ้น้อง!”
๑๑๘

 

เมื่อเหลือบมองตามเสียงทัก หัวใจจองฤกษ์ก็แทบหยุดเต้น ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ตัวดำผู้เดินตามมาสมทบจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากพี่เบิ้มที่โดนเขาเอาขวดน้ำอัดลมขว้างใส่เมื่อเร็วๆ นี้!
สบายดีหรือ?”
หมอนั่นพยักพเยิดทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับรู้จักคุ้นเคยกันมานาน จองฤกษ์อ้ำอึ้งพูดไม่ออก เท้ายึดอยู่กับที่ด้วยความตะลึงงัน รู้สึกจนตรอกออกหนีไปไหนไม่ได้
นักเลงใหญ่ลองเปิดประตูเล็ก เผอิญบ้านเขาไม่ค่อยล็อกประตูก่อนค่ำ บุรุษนักทวงหนี้ทั้งสองจึงล่วงผ่านเข้ามาอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องปีนให้ลำบาก
กรรมมีจริง เชื่อเถอะน้องเอ๊ย
จองฤกษ์ตัวชาจังงัง สันหลังเย็นเฉียบ มิใช่เพราะท่าย่างสามขุมเข้ามาประชิดของพี่เบิ้ม แต่เป็นคำพูดที่หลุดจากปากนั่นต่างหาก คนพูดจะรู้ตัวหรือเปล่าว่ากล่าวอะไรออกมา?
พี่น่ะ กราบหมอนขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ทุกคืน ชาตินี้ขอให้ได้กระทืบน้องสักทีหนึ่งก่อนตาย เฮ้อ !ไม่นึกเลยว่าจะเป็นวันนี้
ท่าทางชายคนนั้นลืมไปแล้วว่ามาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อันใด เขาคว้าแขนจองฤกษ์หมับด้วยมือแข็งยิ่งกว่าคีมเหล็ก ชนิดที่เด็กหนุ่มรู้ดีว่าเปล่าประโยชน์กับการพยายามดิ้นรน เขาได้แต่หน้าซีดยอมโดนลากตัวเข้าบ้านโดยปราศจากการขัดขืน คล้ายรู้รำไรว่าอนาคตอันใกล้นี้มีชะตากรรมแบบไหนรออยู่
เมื่อเข้ามาในห้องกลางลับสายตาผู้คน ชายร่างใหญ่ผู้เผอิญพกความอาฆาตติดหมัดมาด้วยก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง กระชากคอเสื้อเด็กหนุ่มเข้าหาแล้วยิงหมัดตรงสวนเข้ากระแทกโหนกแก้มเต็มเหนี่ยว ยังผลให้จองฤกษ์เจ็บปวดราวกับใครเอาค้อนทุบหน้า เขาร้องสุดเสียงอยู่ในความคิดหรือร้องโหยหวนออกมาทางปากกันแน่ก็ไม่ทราบ การชกต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียนไม่อาจเป็นประสบการณ์เทียบเคียงกับอะไรอย่างนี้ได้เลย โดนหมัดเพื่อนนั้นยังรู้สึกว่าเป็นหมัดคน แต่นี่ไม่เหมือน
ในความมึนงงท่ามกลางสะเก็ดดาวพราวพราย จองฤกษ์ได้ยินเสียงแม่ของเขากรีดร้องลั่น
แกจะทำอะไรลูกฉัน ปล่อยนะ !ช่วยด้วย!!”
ถ้าเป็นเวลาที่มีสติสัมปชัญญะดีกว่านี้ เขาคงปลาบปลื้มที่แม่ก็เป็นห่วงเขาเป็นเหมือนกัน แต่ยามนั้นรู้สึกคล้ายตนเองเป็นหุ่นปราศจากชีวิต โดนหมัดเดียววิญญาณถูกกระชากออกไปกว่าครึ่ง แทบไม่หลงเหลือความรู้สึกยินดีอันใดกับใครได้อีกแล้ว
ชายที่มาด้วยกันปราดเข้าอุดปากนันทกา
เดี๋ยวได้เจ็บตัวทั้งแม่ทั้งลูก หยุดแหกปาก อย่าวอน!”
เสียงตวาดเฉียบขาดประกอบปลอกแขนแกร่งที่เข้ายึดร่างหล่อนฉับพลันทันด่วนนั้น ทำเอานันทกาเงียบกริบ สาบนักเลงร้ายสะกดให้เบิกตาค้างแทบฉี่เล็ดด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด
เมื่อห้ามผู้หญิงได้ก็หันไปปรามลูกพี่ต่อ
เฮ้ย !พี่อิฐ ยั้งๆ บ้าง เดี๋ยวมันตายขึ้นมาจะยุ่งนา
๑๑๙

 

เออ !กูกะถูกน่า อย่าห่วงไม่เข้าเรื่องแล้วอิฐก็หันไปอธิบายให้นันทกาฟังยิ้มๆบ่ต้องแปลกใจเด้อ นี่ไม่ใช่วิธีทวงหนี้แนวใหม่ คือเผอิญลูกชายคุณมันก็ติดหนี้ผมอยู่เหมือนกัน ขอถือโอกาสทวงพร้อมกันทั้งสองคน เดี๋ยวถามไถ่มันดูได้ถ้าไม่เชื่อ
นันทกาตัวสั่นงันงกด้วยความงุนงง ไม่ทราบว่านักทวงหนี้พูดเรื่องอะไร ได้แต่มองลูกถูกขย้ำในกรงเล็บเสือใหญ่อย่างไม่ทราบจะช่วยด้วยวิธีไหน
วันนั้นพี่ยกมือปิดไม่ทันอิฐหันกลับมาพูดกับจองฤกษ์เจอขวดเป๊บซี่ของน้องเข้าที่ข้างกบาลน่ะว่ะ หัวโนไปพักใหญ่ มึนจนนึกว่าจะคิดเลขเด็ก . ไม่ออกซะแล้ว
ชายที่เป็นผู้ช่วยฟังมุขลูกพี่แล้วอดขำไม่ได้ เสริมว่า
อือแถมวิ่งเร็วเป็นลมกรดด้วย ลับมุมหลัดๆ นิดเดียวโดดเข้าบ้านใครหายไปแล้ว ตามยังไงก็ไม่เจอ
จองฤกษ์กำลังฟังเพลินๆ ทันใดก็รู้สึกว่ามีหมัดจ้วงเข้ากระทบศีรษะด้านข้างอย่างแรง เขาผวาเยือกและเข่าอ่อนทรุดฮวบเป็นนกปีกหัก รู้สึกว่าสมองหยุดทำงาน หรืออีกทีคือเกิดพายุในหัวก่อตัวขึ้นปั่นป่วนอย่างไม่เคยประสบมาก่อน มีแต่แรงพยุงจากมือที่กำคอเสื้อเขาไว้ทำให้ไม่หล่นลงกองกับพื้น
พี่โดนตรงนี้แหละน้องเอ๊ย ขออนุญาตชี้จุดให้ดูชัดๆ
อย่าทำลูกฉันเลย ฉันขอร้องล่ะ
นันทกาสะบัดหน้าหลุดจากมือของผู้คุม วิงวอนเสียงหลง อิฐสะบัดหน้ามามอง
ผมไม่เอาตายก็บุญแล้วน่า จะสั่งสอนให้เด็กมันรู้สำนึกเสียหน่อย โตขึ้นจะได้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคม
ทำหน้าเคร่งพูดจาราวกับเป็นคุณครูผู้มีหลักการ เสร็จแล้วหันมาตะคอกใส่ใบหน้าอาบเลือดของเด็กหนุ่มราวกับปีศาจร้าย
ยังไม่หายเจ็บใจว่ะเฮ้ย ขออีกตุ้บเหอะ
อีกตุ้บที่ว่าคือการตวงกำปั้นอัดเข้าลิ้นปี่ กะแรงไม่ให้ถึงขนาดต้องล้มหมอนนอนเสื่อหยอดน้ำเกลือโรงหมอ แต่นั่นก็ยังความจุกเสียดแน่นแก่จองฤกษ์ไปทั่วร่างราวกับจะหายใจไม่ออกไปอีกหลายวัน เด็กหนุ่มเหลือกตาอ้าปากพะงาบ มืออ่อนตีนอ่อน อยากครางระบายความเจ็บบ้างยังครางไม่ออก รู้สึกรางๆ ว่าคอเสื้อตนหลุดจากมือของนักเลงใหญ่ และเขาก็อยู่ในท่าคุกเข่ากราบอีกฝ่ายอย่างศิโรราบโดยไม่ตั้งใจ
อิฐเห็นท่าหมดรูปของหนุ่มลูกคางใสเช่นนั้นก็อารมณ์ดีขึ้น แล้วเปลี่ยนความแค้นเป็นนึกสมเพช แต่ยังไม่หายหมั่นไส้เสียทีเดียว จึงใช้เท้าเขี่ยทีหนึ่งให้ร่างหมอบนั้นลงนอนหงายแล้วเหยียบยอดอก กดน้ำหนักคลึงๆ เล็กน้อยแบบชั่งใจ ราๆ อยากกระทืบแต่กระทืบไม่ลง เพราะสันดานเดิมไม่ได้หฤโหดขนาดทำคนไร้ทางสู้เยี่ยงกระสอบทราย ่ํ
มึงมันแค่ไอ้ลูกหมา กัดเสร็จแล้ววิ่งหนี นิสัยแบบนี้มันไม่ใช่ลูกผู้ชายหรอกโว้ยไอ้น้อง ชาติหน้าไปเกิดเป็นตัวเมียเถอะมึงน่ะ!”
ด่าเสร็จก็ผละจากร่างเหยียดนอนบิดไปบิดมาเชื่องช้าของเด็กเมื่อวานซืน หันมาทำธุระกับหญิงวัยกลางคนเป็นลำดับต่อมา
สำหรับคุณ ผมมาทวงดีๆ เพราะนี่เป็นการทวงครั้งแรก แค่อยากบอกว่าถึงเวลาจ่ายแล้ว และทางเราก็ไม่มีนโยบายพักชำระหนี้แบบรัฐบาล เราผ่อนผันให้ได้ไม่เกินสองอาทิตย์ อย่างน้อยที่สุดต้องเอามาครึ่งหนึ่งพร้อมดอกเบี้ยตามกติกา
๑๒๐

บัดนี้สาวใหญ่ถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ หล่อนร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ตอบด้วยเสียงแผ่วอ่อนเจือสะอื้น
ฉันยังไม่มี
มันก็ตอบอย่างนี้กันทุกคนแหละอิฐพูดเอื่อยๆ เหมือนบ่นอย่างชินชามากกว่าแสดงท่าคุกคามข่มขวัญ มีเพียงนัยน์ตาโชนแสงดุจัดจ้าที่ประกาศว่าหาใช่การพูดเล่นเรื่อยเปื่อยไม่เข้าใจเหมือนกัน ไม่มีแล้วทำไมเสือกเล่นเข้าไปได้ขนาดนั้น หมดตัวแล้วยังไม่หยุด นึกว่าจะได้คืน แค่นจะจับเสือด้วยมือเปล่า ฟังให้ดีคุณต้องมี !ผมไม่สนว่าคุณจะไปหามายังไง หรือคุณจะฆ่าตัวตายหนีหนี้ ทิ้งลูกทิ้งผัวให้ซวยแทนก็ตามใจ เผอิญเพิ่งมีหนังตัวอย่างฉายให้ดูสดๆ ร้อนๆ คงไม่ต้องจินตนาการกันล่ะนะว่าพวกเขาจะรับเคราะห์ท่าไหน โต๊ะพนันแบบเราไม่มีเวลาจ้างทนายส่งเรื่องฟ้องศาลหรอก

นันทกาเบะปากร้องไห้โฮ ยกหลังมือเช็ดน้ำตาป้อย รู้สึกตึงแน่นที่ขมับเหมือนจะระเบิด ตระหนักชัดว่าชะตากรรมของตนหลังเสียพนันครั้งใหญ่คือขุมนรกที่รายล้อมด้วยกำแพงไฟมหึมา และเป็นที่ที่อยากตายก็ไม่อาจตาย
อ่านต่อตอนที่ ๑๔ >> 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น