วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559

กรรมพยากรณ์ ตอนเลือกเกิดใหม่ (ตอนที่ ๕ ใจจริง)

ตอนที่ ๕ ใจจริง


เค้าหน้าและสุ้มเสียงของณชะเลติดตามมารบกวนจิตใจของเขาไม่จางหาย หล่อนทั้งสวยทั้งน่ารักราวกับจะไม่เปิดโอกาสให้คิดได้ไกลเกินมอง หรือเหมือนยอดสุดแห่งความสุขที่จะได้จากหล่อนคือการเห็นกับตาว่านางฟ้ามีจริง ไม่ใช่ให้เชื่อว่านางฟ้ามีไว้หวังครอง

คืนนั้นจองฤกษ์นั่งเล่นกีตาร์อยู่หน้าโทรศัพท์เกือบสองชั่วโมง เพียงเพื่อคิดคำทักทายประโยคแรกให้ออก น่าแปลก นักเลงตัวโตกว่าเขาตั้งเยอะยังไม่กลัว ทำไมอีแค่ต่อสายถึงผู้หญิงคนเดียวถึงกลัวได้ขนาดนี้

แปลกจริงๆ ตลอดบ่ายก็เพิ่งคุยกันดิบดีไม่มีเงอะงะเลยสักนิด เพิ่งไม่ทันข้ามวันเขาสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเองไปไหนหมด? การพบหน้าใครแล้วห่างออกมาพักหนึ่งบอกได้ว่าใครคนนั้นมีน้ำหนักอิทธิพลทางใจกับเราเพียงใด ณชะเลช่างเป็นอะไรที่เหนือคำบรรยาย เพียงการปรากฏตัวในวันธรรมดาๆของหล่อนก็อาจกลายเป็นวันสุดพิเศษของผู้มีโอกาสพบเห็นเช่นเขาได้ รวมทั้งขังให้จับเจ่าอยู่ตรงหน้าโทรศัพท์อย่างกึ่งสุขกึ่งทรมานได้

ถ้าเขาโทร.หาหล่อนทั้งที่เพิ่งล่ำลากันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ย่อมหมายถึงการประกาศชัดว่าฉันจะจีบเธอล่ะ เกิดมาจองฤกษ์ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยแม้แต่จะโทร.จีบใคร จึงไม่รู้เลยว่าต้องชวนผู้หญิงคุยท่าไหนเธอถึงจะพอใจยอมแช่โทรศัพท์อยู่กับเขานานๆ

ทำไมตอนเจอหน้ากันชัดๆถึงหยิบจับอะไรมาคุยได้เยอะแยะนัก? อ้อ! บรรยากาศแบบเพื่อนเก่ากลับมาพบกันเอื้อให้ชวนรื้อฟื้นความทรงจำโดยไม่ต้องขัดเขิน แต่นี่อยู่เปล่าๆจะให้โทร.ไปชวนระลึกอดีตอะไรอีก?
เจ้าหมาตัวเล็กชื่ออุ๊ยโหยนั่นอีก ตอนอยู่ใกล้จะให้ชื่นชมว่าน่ารักเพื่อเอาใจหล่อนอย่างไรคงไม่แปลก แต่นี่จู่ๆถ้าโทร.ไปชมซ้ำคงพิลึกพิกล

ครั้นจะคุยเรื่องกรรม เรื่องหนังสือที่หล่อนให้ยืมมาอ่าน ก็เพิ่งพลิกๆผ่านๆไปได้ไม่เท่าไหร่ อยากสร้างความประทับใจให้หล่อนเห็นว่าเขาอ่านรวดเดียวจบก็ไม่มีแก่ใจมากไปกว่าฝัน ฝัน และฝันถึงใบหน้าหล่อน ครั้นจะถามส่งเดชเพื่อให้หล่อนเป็นฝ่ายตอบไปเรื่อยๆ ก็ไม่ทราบว่าตนสงสัยอยากรู้เรื่องอะไรบ้าง

สำรวจไปสำรวจมาจึงรู้ตัวว่าเขาไม่ได้กลัวณชะเล แต่กลัวตัวเองพูดไม่ออก กลัวการถูกปฏิเสธ กลัวหล่อนเบื่อและขอวางสายเร็ว และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็จะทำให้เขารู้สึกไม่ดี พานโกรธหรือน้อยใจหล่อนได้ เนื่องจากเขาเป็นพวกอัตตาใหญ่ อ่อนไหวง่ายเวลาใครทำให้รู้สึกไม่มีค่า

แต่การนั่งงอเข่าเจ่าจุกอย่างนี้ก็ไม่ใช่นิสัยถนัดของเขาเช่นกัน เขาชอบเอาชนะ และเขาก็เชื่อว่าคนเราคิดเอาชนะได้แม้ในเรื่องที่ตนไม่ถนัด เหมือนคนเขียนหนังสือมือขวา เริ่มต้นไม่มีใครรู้สึกว่าตัวเองจะสามารถเขียนด้วยมือซ้ายได้ไหว แต่หากกัดฟันฝึกหัดทีละน้อย ผ่านเดือนผ่านปีก็กลายเป็นชำนาญเท่ามือขวาเข้าจนได้

เม้มปากแน่น เป็นไงเป็นกัน เขาจะจีบผู้หญิงให้ได้เก่งเท่าที่เก่งคอมพิวเตอร์! ตอนไม่รู้คอมพ์เขาก็เคยกลัวคอมพ์มาก่อน เดี๋ยวนี้เขาชนะความกลัวคอมพ์ได้แล้ว เป็นเจ้าใหญ่นายโตในอาณาจักรคอมพ์แล้วด้วยซ้ำ ทำไมอีกหน่อยเขาจะเอาชนะความกลัวผู้หญิงไม่สำเร็จ ทำไมเขาจะเอาณชะเลมาเป็นแฟนไม่ได้เล่า?

วางกีตาร์ลงกับพื้นข้างตัวก่อนเอื้อมมือไปทางโทรศัพท์ เป้าหมายจะอยู่ใกล้หรือไกล ยาก หรือง่าย ก็ต้องเริ่มด้วยก้าวแรกเหมือนๆกันหมด และการหยิบกระบอกโทรศัพท์เดี๋ยวนี้ก็คือก้าวแรกที่ว่านั้น!

มือเกือบแตะกระบอกโทรศัพท์อีกนิดเดียว เสียงต๊อดๆก็ดังลั่นออกมาจากเครื่อง จองฤกษ์สะดุ้งเฮือกทั้งตัว หัวใจที่เต้นผิดจังหวะอยู่แล้วกลายเป็นเต้นแรงโครมครามราวกับจะเด้งหลุดจากขั้ว!

เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึกและค่อยๆผ่อนระบายออกมาทีละน้อย บังเกิดความคาดหวังริบหรี่ว่านั่นอาจเป็นณชะเลโทร.มา เขาคงดีใจจนบอกไม่ถูก

ฮัลโหล…”

กรอกเสียงลงไปอย่างแผ่วเบาและหางเสียงสั่น

เฮ้ย! ฤกษ์เหรอ ช่วยกูทีดิ้

เป็นเสียงของเจ้าเพื่อนจอมกวน มันทำให้จองฤกษ์คอตก

เออ ว่าไง

พฤหัสมีปัญหาบางอย่างอันเกิดจากความจำเป็นต้องลงซอฟต์แวร์ใหม่หมด เนื่องจากเสียบการ์ดแปลกๆไว้เยอะ ระบบปฏิบัติการติดตั้งไดรเวอร์อัตโนมัติให้ไม่ได้ครบ จองฤกษ์ช่วยคลำปมและบอกวิธีคลี่คลายปัญหาตามลำดับจนเรียบร้อยในเวลาไม่นานนัก แต่ระหว่างนั้นก็ต้องทนฟังพฤหัสก่นด่าและสาปแช่งวายร้ายที่เลวยิ่งกว่าเด็กเลี้ยงแกะในนิทานอีสป ปล่อยโปรแกรมมาเล่นงานชาวโลกได้ลงคอทั้งที่ไม่เคยไปทำอะไรให้

เมื่อทำตามคำแนะนำของจองฤกษ์จนได้ผลสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย ทีแรกพฤหัสบอกขอบใจและเกือบขอวางสาย แต่ความช่างสังเกตอารมณ์มนุษย์ทำให้มีแก่ใจไถ่ถาม

มึงเป็นอะไรไปหรือเปล่าวะ สุ้มเสียงทำไมซึมกะทืออย่างนั้น?”

ไม่มีอะไรนี่

ตอบตามอัตโนมัติของคนธรรมดาที่ชอบปฏิเสธไว้ก่อน แต่แล้ววินาทีหนึ่งก็ฉุกใจขึ้นมาได้ พฤหัสเป็นเพื่อนที่จัดว่าสนิทมาก แล้วก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผู้หญิงอย่างหาตัวจับยากคนหนึ่ง จะเสียหายอะไรหากเขาขอคำปรึกษาสักหน่อย ในเมื่อที่ผ่านมาพฤหัสก็ใช้เขาเป็นที่ปรึกษาเรื่องคอมพิวเตอร์มานักต่อนัก

เอ่อ อันที่จริงก็มีอะไรอยู่เหมือนกัน ให้มึงแนะนำกูบ้างก็ดี เรื่องผู้หญิงน่ะ

พอคำว่า เรื่องผู้หญิง หลุดจากปาก จองฤกษ์ก็รู้สึกถึงความตื่นตัวกระตือรือร้นของเพื่อนขึ้นมาเป็นพิเศษทันที คงเพราะร้อยวันพันปีเขาเขาไม่เคยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องพรรค์นี้มาก่อนเลยสักครั้ง

ฮึ! เจอคนที่เข้าตาแล้วเหรอวะมึง? ไหนเป็นไงเล่าซิ

พฤหัสจินตนาการถึงเด็กสาวรูปร่างผอมกะหร่อง พูดจาไม่เป็น และเกิดมาไม่เคยทำอะไรมากไปกว่าเรียนๆๆจนต้องใส่แว่นหนาเตอะ แต่เขาก็ให้ความสนใจ เพราะลุ้นอยากเห็นแฟนคนแรกของเพื่อนซี้มาช้านาน

จองฤกษ์เงียบไปครู่หนึ่ง ไม่ทราบจะเริ่มเล่าอย่างไร คิดไปคิดมาเลยตัดสินใจไม่เอ่ยถึงรายละเอียด แต่เปลี่ยนเป็นคำถามเลียบเคียงแทน

ต่อย มึงเคยรู้สึกไหม ว่ามีใครบางคนจะเดินวนเวียนอยู่ในชีวิตของเราเสมอ ถึงแม้ตาไม่เห็น ใจก็จะคิดถึงอยู่เรื่อยๆอย่างไม่เคยลืม และรู้สึกลึกๆว่าวันหนึ่งจะต้องโคจรมาพบกันอีก?”

พฤหัสพยายามกลั้นหัวเราะไว้

เพื่อนสมัยประถมเหรอะ?”

เดาส่งเดชแต่ดันถูก เพราะจองฤกษ์ยอมรับง่ายๆ

อือ

เจอะกันวันนี้?”

เพิ่งเจอเมื่อบ่าย หลังจากที่แยกกับมึง

ง้าน เหรอะ!” แกล้งลากเสียงยาวเหมือนคนอุทานด้วยความตกตะลึง เสียดายกูน่าจะอยู่ต่ออีกแป๊บ แต่เจอแฟนที่ร้านก๋วยเตี๋ยวนี่ไม่โรแมนติกเลยว่ะพับผ่า ร้านนั้นแคบก็แคบ ร้อนก็ร้อน

จองฤกษ์ยิ้มนิดๆกับคำวิจารณ์อันเกิดจากความเข้าใจผิด แต่ก็ไม่พยายามแก้ความเข้าใจของเพื่อน เพราะถ้าจาระไนวิธีพบณชะเลว่าจัดอยู่ในประเภทหนีบาทามาหารัก ฟังแล้วจะยิ่งไม่โรแมนติกหนักเข้าไปใหญ่ จึงอยากตัดตรงเข้าประเด็นที่น่าสนใจกว่านั้น

เขาทำให้กูเริ่มนึกถึงสิ่งที่เรามองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ แต่ควบคุมเส้นทางโคจรระหว่างมนุษย์เอาไว้ คำถามคือ มึงไม่เชื่อเรื่องบุญบันดาลหรือบุพเพสันนิวาสอะไรทำนองนี้ใช่ไหม?”

พฤหัสเลิกคิ้วสูง แสดงความเห็นแบบตรงไปตรงมา

เรื่องร่วมบุญมาแต่ปางก่อน เรื่องบุพเพอาละวาดอะไรเทือกเนี้ยนะ ถึงมีจริงก็ไม่ยิ่งไปกว่าปัจจัยแวดล้อมที่ปรากฏอยู่เดี๋ยวนี้หรอกโว้ย คิดง่ายๆนะ เขาว่ารักแรกพบหมายถึงการเจอเนื้อคู่ที่แท้ ที่ติดตามกันมาแต่อดีตชาติ แล้วเกิดปรากฏการณ์ รักทันทีที่เห็น ใช่ไหม? กูว่ากูฝึกสะกดให้ผู้หญิงเห็นกูแล้วรู้สึกเหมือนเจอรักแรกพบมาได้หลายคนแล้ว นี่ฟังพวกอีบอกเองกับปากนะ ไม่ได้ถามไถ่ ไม่ได้เพ้อเจ้อเข้าข้างตัวเอง

จองฤกษ์กะพริบตาปริบๆ เงี่ยหูฟังด้วยความสนใจ เพราะเมื่อบ่ายนี้สบตากับณชะเลแล้วนึกถึงคำว่า รักแรกพบ ขึ้นมาจริงๆ

เหรอ?”

"เชื่อเหอะ รักแรกพบน่ะอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ได้ ชนิดที่ว่าถ้าจัดฉาก เตรียมองค์ประกอบฝ่ายพระฝ่ายนาง ทั้งระยะห่าง บรรยากาศแวดล้อม กับจังหวะที่หันมาเห็นกัน ถ้าลงตัวเหมาะเจาะนะ ร้อยทั้งร้อยสบตากันวูบเดียวเสียวหัวใจแปล๊บ รู้สึกเหมือนเคยอยู่กินกันมาแต่ชาติปางก่อนหมดแหละ แต่อยู่กันเดือนเดียวอาจตบกันหัวหูฉีกได้เพราะเห็นไส้เห็นพุงกันถนัด รักแรกพบ แล้ว คบจนเกลียด นี่มีให้เห็นเป็นหลักฐานของแท้ให้เกลื่อนโลก อย่าเอานิยมนิยายอะไรมากเลยวะ ไอ้เรื่องปิ๊งๆปรู๊ดปร๊าดตอนแรกพบสบตาน่ะ"

อันที่จริงพฤหัสคิดมากกว่าที่พูด นั่นคืออาการรักแรกพบจะเกิดขึ้นง่ายกับพวกสวยหล่อที่มีประกายเสน่ห์บาดตาบาดใจ แต่เนื่องจากไม่คาดว่าผู้หญิงของจองฤกษ์จะเข้าข่ายจึงละไว้

มึงว่าเป็นเรื่องที่ฝึกกันได้ด้วยเหรอ รักแรกพบเนี่ย?”

เออสิวะ!” พฤหัสยืนยันอย่างแข็งขัน อย่างถ้ามึงแข่งอะไรชนะบ่อยๆ เวลาลงสนามจะรู้สึกเชื่อมั่นว่าต้องชนะอีก แค่นั้นก็เหมือนพลังสะกดให้คู่ต่อสู้รู้สึกฝ่อแล้ว เหนี่ยวนำให้อีกฝ่ายเชื่อตั้งแต่ปะหน้ากันแล้วว่าต้องแพ้มึงแน่ ผลจริงๆจะออกมาจะแพ้หรือชนะไม่รู้ แต่ความรู้สึกแรกที่เริ่มลงสนามจะมีอิทธิพลทางใจไปกว่าครึ่ง ทำนองเดียวกันถ้ามึงชนะในเกมรักมาตลอด มองใครก็จะแน่ใจว่าเดี๋ยวต้องเสร็จมึงแน่ ความรู้สึกฝ่ายมึงที่มีอยู่อย่างนี้แหละ ไปสร้างความรู้สึกเหมือนรักแรกพบขึ้นในอีกฝ่าย

อือม์ ฟังเข้าเค้า

ความรู้สึกอ้ำอึ้งตะลึงงันหรือเสียวหัวใจแปล๊บปล๊าบเนี่ยนะฤกษ์ ถ้าชั่วชีวิตมึงเจอหนเดียวจะอยากปักใจเชื่อว่านั่นคือการพบรักแท้ แต่ถ้าเจอเดือนละสามหนอย่างกู มึงจะรู้สึกชินชา เห็นเหมือนรสเป๊บซี่ที่เปิดขวดกินกี่ครั้งก็ซ่าและน่าติดใจแบบเดิม แต่ขอโทษ เป๊บซี่ไม่ใช่น้ำอมฤตนะครับ น้ำอมฤตเป็นแค่เรื่องเหลวไหลในนิทาน สรุปคือที่มึงเจอไม่ใช่รักท้งรักแท้ติดตามมาแต่ปางไหนทั้งนั้น มันเป็นเรื่องแรกพบสบตาแล้วเกิดประกายแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นมาด้วยความประจวบเหมาะต่างหาก มึงก็เล่าเองว่ารู้จักเขามาแต่เด็กไง ใจเลยมีเขาฝังอยู่ในความทรงจำส่วนลึก เจอปั๊บเลยอยากจะนึกว่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันมาแต่อดีตชาติ บรรยากาศอดีตๆมันมีมนต์ขลังเว้ย แค่เพิ่งผ่านไปได้ห้าหกปีเจออีกทีก็ซึ้งสุดๆเหมือนจากพรากมาชั่วกัปชั่วกัลป์ได้

อือ…”

จองฤกษ์เริ่มตระหนักว่าโอกาสเจอผู้หญิงน้อยๆอย่างเขา ไม่มีทางเข้าใจเรื่องรักๆใคร่ๆดีไปกว่าผู้เป็นสหายอย่างแน่แท้

พฤหัสซักต่อ

เด็กมึงชื่ออะไรวะ?”

ทราย…”

จองฤกษ์ตอบด้วยความรู้สึกละเมียดละไม เหมือนมีสายน้ำเย็นรินผ่านหัวใจ พฤหัสฟังน้ำเสียงอ่อนโยนของเพื่อนแล้วหัวเราะหึหึ

เท่าที่กูเก็บสถิติมานะ ชื่อทรายนี่ฟันง่ายทุกคน เพราะฉะนั้นถ้ามึงมีโอกาสจงอย่าช้า

จองฤกษ์สะอึก อารมณ์ละมุนสะดุดกึกทันที เปลี่ยนเป็นฉุนขาดแทน

มึงไม่งมงายเรื่องบุพเพสันนิวาส แต่ทำไมมางมงายเรื่องชื่อแซ่ล่ะ มีอย่างเหรอวะชื่อทรายแล้วฟันง่าย อย่างนี้คงไม่มีพ่อแม่คนไหนเอาไปตั้งให้ลูกสาวหรอก

พฤหัสหัวเราะก๊าก

สถิติโว้ย! สถิติ! ไม่ใช่เลือกเชื่องมงายส่งเดช มึงลองสังเกตสิ พวกชื่อโหลๆน่ะมักมีคุณสมบัติสามัญบางอย่างร่วมกันอยู่ อย่างคนชื่อ ปัญญา เงี้ย มักเก่งกันทุกคน

จองฤกษ์ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง พฤหัสเป็นตัวอย่างของคนจำนวนหนึ่งที่ภูมิใจกับการไม่งมงายแบบสืบๆกันมา อย่างเช่นปฏิเสธนรกสวรรค์และการเวียนว่ายตายเกิด แต่ก็ทะลึ่งไปภูมิใจสร้างความเชื่อส่วนตัวขึ้นมาไว้เป็นความงมงายเฉพาะตน

ด้วยวิธีเชื่อแบบเขา ก่อนอื่นจองฤกษ์จะยอมรับว่าเขาไม่รู้ คนชื่อ ปัญญา จะต้องเก่งเสมอไปหรือเปล่านั้น ถ้าอยากรู้ขึ้นมาจริงๆก็ควรเอาคนชื่อ ปัญญา มาเรียงคิวทดสอบสัก ๑๐๐ นาย หากเกินกว่า ๗๕ นายเก่งกาจผิดธรรมดาเกินคนชื่ออื่น จึงค่อยคล้อยตามความเชื่อของพฤหัสได้ ส่วนพฤหัสคงไม่ต้องการพิสูจน์ให้เป็นทฤษฎียุ่งยากเปล่า แค่เจอคนชื่อ ปัญญา สองสามนายแล้วบังเอิญเก่ง ก็เป็นอันสรุปว่าใช่ ปักใจยึดมั่นว่าความเชื่อของตนถูกต้องแน่แล้ว

แต่ย้อนกลับมามองตัวเอง เขาเจอรักแรกพบหนเดียวก็เหมือนอยากจะปักใจเชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาสทันทีเช่นกัน เป็นความเชื่อแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ทั้งที่ผ่านมาใครจะว่าอย่างไรไม่เคยสน แค่ปฏิเสธง่ายๆว่าไม่เชื่อหรอก ปางก่อนปางหลังอะไร

นึกแล้วปลงสังเวช คนเราชอบเถียงในเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างรู้แค่ครึ่งๆกลางๆ จองฤกษ์จึงสรุปว่า

งั้นเอาไว้มึงมีลูกแล้วเลือกชื่อหน่อยดิ้ แบบที่สถิติฟ้องว่าจริงใจกับผู้หญิงซะมั่ง ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาแต่จะฟันมั่วเหมือนพ่อ

พฤหัสอดหัวเราะไม่ได้

กูยังไม่เคยเห็นเลยว่ะฤกษ์ จริงใจกับผู้หญิง จะชื่อโหลหรือชื่อเป็นเอกลักษณ์ ผู้ชายเรามันก็อยากฟันดะไปเรื่อยแหละ สมัยนี้แล้ว ยังพูดเรื่องความจริงใจทางเพศได้ลงคอ มึงมัวไปอยู่ที่ไหนมาวะหา?”

กูก็อยู่ที่บ้านกูนี่แหละ แล้วก็เชื่อว่าความจริงใจกับเพื่อนต่างเพศมีได้ ถ้าเจอใครที่ทำให้ใจเราอ่อนโยนพอ

ฤกษ์ มึงฝันไปเถอะว่าเจอใครที่ทำให้หัวใจนุ่มนิ่ม มีแรงบันดาลใจยิ่งใหญ่ใหม่เอี่ยม เรียนจบทำงานแล้วแต่งงานอย่างมีความสุขไปจนชั่วชีวิต กูจะบอกให้นะ โลกยุคเรามีแต่ความโหดร้ายโว้ย อ่านข่าวเมื่อเร็วๆนี้ไหม? คู่บ่าวสาวชาวแอฟริกาใต้ไปฮันนีมูนกันแล้วเจ้าสาวถูกฮิปโปกัดตาย ไม่รู้เจ้าบ่าวแกล้งพาไปให้ฮิปโปกัดหรือเปล่า มีอย่างที่ไหนใครเขาฮันนีมูนกันในเขตอันตรายอย่างนั้น

จองฤกษ์ยิ้มขันที่เพื่อนของเขามองโลกในแง่ร้ายไปได้เรื่อย ชักน่าสงสัยว่าระหว่างเขากับเพื่อน ใครโชคดีหรือโชคร้ายกว่ากัน ใบหน้ากระชากใจสาวช่วยให้พฤหัสมีประสบการณ์ทางเพศเร็ว ถึงที่หมายได้ด้วยทางลัดเสมอ จึงเบื่อง่ายเพราะชาชินกับการถึงเนื้อถึงตัวโดยไม่ต้องออกแรงนาน เมื่อขลุกกับเรื่องใต้เข็มขัดจนกลิ่นกามขึ้นจมูกอยู่ตลอดเวลา สมองจึงมึนเมาจนรู้สึกเหมือนทั้งโลกมีแต่ของเหม็น หาของหอมของสะอาดไม่เจอ

จองฤกษ์รู้ตัวดี ในสายตาเพื่อนแล้ว เขาคงเป็นไก่อ่อนดวงอับอดลิ้มลองของอร่อยหลายๆแบบ แต่ในสายตาของเขายามนี้ พฤหัสเป็นเสือร้ายดวงซวยที่หมดสิทธิ์รู้จักกับ ใจจริง ระหว่างหญิงชายว่าให้ความรู้สึกแสนดีขนาดไหน

เฉลี่ยแล้วมึงมีแฟนปีละกี่ราย?”

จองฤกษ์ถามเล่น พฤหัสหัวเราะโอ่

ไม่เคยนับหรอก นี่วันนี้ก็เพิ่งเจอปิ๊งใหม่อีกหนึ่ง

หมายถึงที่สนามแบดน่ะเหรอ?”

เปล่า เด็ดกว่านั้น!”

จองฤกษ์เบิกตากว้างนิดๆ ป่วยการถามว่านี่เรื่องจริงหรืออำเล่น เพราะที่ผ่านมาพฤหัสไม่จำเป็นต้องมุสาเรื่องผู้หญิง

เจอที่ไหน เมื่อไหร่?”

หน้าบ้านกูเอง หลังจากแยกกะมึงน่ะแหละ!”

จองฤกษ์ทำหน้าฉงนว่าอะไรจะบังเอิญขนาดนั้น เล่นแบดเสร็จเจอผู้หญิงกันคนละคน

เขามาขายประกัน?”

อย่าเดา รับรองไม่มีทางถูกหรอก คนนี้เป็นสาวออฟฟิศโว้ย อาจจะเลขาฯหรือผู้ช่วยท่านประธานบริษัทใหญ่อะไรสักแห่ง

อ้อ! ข้ามรุ่นแล้วนะมึง

ก็อยากลองรสชาติใหม่มั่งดิ้ เห็นอีบอกว่าอายุ ๒๔ แก่กว่าพวกเราเจ็ดแปดปี

ฮื้อ! รุ่นนั้นมาให้มึงปิ๊งถึงหน้าบ้านได้ยังไง รถเสียแล้วมึงไปช่วยเข็น?”

พฤหัสหัวเราะแปร่งๆ

ก็ทำนองนั้นแหละ แล้วเขาก็ตัดเข้าสู่บทสรุปโดยปราศจากที่มาที่ไป เมื่อชั่วโมงก่อนกูก็เพิ่งโทร.คุยด้วย ยิ่งคุยยิ่งชอบ

ต่างรุ่นขนาดนั้นคุยกันรู้เรื่องเหรอะ

ชวนคุยเรื่องที่เรารู้ มันก็ต้องรู้เรื่องซีวะ

ระวังนา ยี่สิบกลางๆแล้ว นี่ไม่พูดเล่นนะ แถวบ้านกูตามเต๊าะเมียน้อยเสี่ยโดยไม่รู้ตัว เจอคนตามยิงขู่จนขี้ขึ้นสมอง หลบไปกบดานต่างจังหวัดเป็นเดือนๆ ผู้หญิงพวกนี้พร้อมจะปีนรั้วออกมามีชู้อยู่ทุกวัน ดูดีๆก่อนเถอะว่าปิ๊งใหม่มึงมีเจ้าของหรือเปล่า

ก็ไม่เห็นเขาบอกว่ามีนี่ เผลอๆอาจจะกำลังเหงากูก็ได้โอกาสทำบุญสงเคราะห์ซะ สมัยนี้ยี่สิบกลางๆไปถึงสามสิบต้นๆนะ หัวใจกำลังว่าง แล้วก็เล็งหาตัวจริงกันอยู่ทั้งนั้น ถ้าเคยผ่านมือผู้ชายมาก่อนเนี่ยจะไม่คิดมากเรื่องเสียเนื้อเสียตัวหรอก ของเคยคันมาแล้วก็ต้องหาไม้เกากันต่อไป ตามสถิติจะกล้าลองของใหม่ได้เรื่อยๆ

จองฤกษ์หัวเราะอย่างอนาถใจ

สถิติอีกแล้ว! เรื่องผู้หญิงนี่มึงเป็นจอมสถิติซะจริงๆ ต่อไปจะทำอาชีพอะไรวะ?”

อาจจะเป็นพวกจัดประกวดนางงาม

น่าจะออกแนวพ่อเล้ามากกว่า รอบรู้เหลือเกิน

พฤหัสระเบิดหัวเราะ

ถ้าเป็นพ่อเล้าแล้วได้ลองของใหม่ไปเรื่อยๆกูก็ยอม!”

ถามมึงคำเถอะ จองฤกษ์พูดแบบเป็นงานเป็นการหลังจากหายกระดากแล้ว ทำยังไงถึงจะมั่นใจได้ว่าเรามีเสน่ห์พอจะมัดใจสาว? เอ่อ มึงเข้าใจไหม กูหมายถึงหน้าตาธรรมดาๆแบบกูเนี่ย อยากให้เขาหลงรักเรา เห็นเรามีค่าน่ะ

พอเพื่อนถามเสียงขรึม พฤหัสก็ช่วยตอบแบบจริงจังเช่นกัน

เอาจากความเข้าใจของมึงก่อน มึงคิดว่าเสน่ห์คืออะไร?”

จองฤกษ์อึ้งคิดพักใหญ่ ก่อนเลือกคำตอบที่เชื่อว่าใช่ที่สุด

ความจริงใจ

ตอบเสร็จก็แทบจะเห็นเพื่อนหนุ่มสั่นหน้าใส่อย่างแรง

ไม่ช่าย! มึงจำไว้ว่าความจริงใจไม่ใช่เสน่ห์ เพราะความจริงใจเป็นนามธรรม มันยิงใส่ตาสาวให้สาวตาบอดไม่ได้

เด็กหนุ่มผู้รู้ตัวว่าเป็นไก่อ่อนอึกอัก

เอ้อ งั้นอะไรล่ะ? รู้ว่าคนยิ่งโง่ๆก็เสือกลองภูมิอยู่นั่นแหละ

พฤหัสทำตัวเหมือนครูใหญ่โรงเรียนสอนทำเสน่ห์ทันที

กูจะค่อยๆให้มึงเข้าใจอย่างลึกซึ้งด้วยการถามเป็นข้อๆ ถ้ามึงตอบคำถามแต่ละข้อได้ถูก ก็จะเหมือนค้นพบภูเขาที่ซ่อนอยู่หลังเส้นผมเส้นเดียว

จองฤกษ์ลอบถอนใจยาว แต่ด้วยความอยากได้วิชาเลยจำใจเอ่ยอย่างสุภาพนอบน้อม

โอเคครับพี่

มึงเคยเห็นผู้ชายหล่อๆที่ผู้หญิงกรี๊ดใส่ในตอนแรกแล้วร้องยี้ในตอนหลังไหม?”

เคย อย่างไอ้แจ๊มไง หน้าตาหล่ออย่างกับนายแบบ แต่ประพฤติตัวต๊องๆ ยายกุ๊กที่เคยเป็นแฟนมันบอกกูกับปาก ว่าเลิกกันเพราะนอกจากได้ความหล่อแล้วยังมีความเสี่ยวเป็นของแถม

พฤหัสหัวเราะกึกๆในลำคอ ผงกศีรษะให้กระบอกโทรศัพท์

เพราะฉะนั้นเสน่ห์ไม่ได้อยู่ที่หน้าตาเสมอไป มึงจำไว้นะ ความหล่ออาจเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ แต่ไม่ใช่สูตรสำเร็จเด็ดขาด ไม่ใช่หล่ออย่างเดียวชนะใจสาวได้ตลอดไป

จองฤกษ์หงายหน้าราวกับจะล้มลงนอนแผ่ด้วยความหมั่นไส้ลีลาครูใหญ่ของเพื่อน แต่ก็กัดฟันดึงศีรษะกลับมาตั้งตรงและเออออ

โอเค! เข้าใจล่ะ แล้วยังไงต่อ

คราวนี้ตอบคำถามอีกข้อ คนที่มึงเห็นว่าเหมือนเป็นแม่เหล็ก มีกระแสดึงดูดตาดึงดูดใจคนรอบตัวๆได้เนี่ย พวกนี้มีอะไรที่แตกต่างจากคนธรรมดา?”

จองฤกษ์เริ่มคิดจริงจัง เพราะคำถามชวนให้จิตประหวัดถึงณชะเลขึ้นมา

อือม์ มันเหมือนมีรังสีเสน่ห์ หรือสนามพลังแม่เหล็กบางชนิดที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น…”

เฮ่ย! อย่าตอบแบบนักวิทยาศาสตร์ผสมหมอผีซีวะ จำไว้ว่าถ้ามึงคิดอะไรเป็นศัพท์แสงไกลตัว หรือห่างจากคำที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน มึงจะไม่รู้สึกว่าตัวเองสามารถเป็นคนมีเสน่ห์อย่างนั้นได้เลย คำว่ารังสีเสน่ห์เงี้ย สนามพลังแม่เหล็กเงี้ย ใจมึงเห็นว่าตัวเองมีกับเขาได้ไหมล่ะ?”

ทีแรกจองฤกษ์ทำหน้าเหยอย่างเสียความมั่นใจและเกาศีรษะด้วยความหงุดหงิด แต่พอกะพริบตาตรองดูก็คล้ายจะตาสว่าง และเห็นตามเพื่อนว่าตนเองคิดเช่นนั้นจริงๆ

อือม์…” เขาครางด้วยหางเสียงยอมรับ ใช่! คนส่วนใหญ่ยอมปล่อยให้คนอีกพวกหนึ่งมีเสน่ห์ โดยไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมีสิทธิ์มีเสน่ห์ได้เท่า

นั่นแหละ ถ้ามึงไปซื้อหนังสือจำพวก ทำอย่างไรให้มีเสน่ห์ มาอ่านนะ มึงจะเห็นคำแนะนำที่อ้อมโลกและไม่สามารถทำตามได้จริงหรอก อย่างน้อยคนทั่วไปก็ไม่มีทางทำตามสูตรสำเร็จได้ครบ แต่ถ้ามึงทำอย่างกูว่า รับรองสำเร็จภายในเวลาไม่นานเกินรอ!”

อือ ทำยังไง?”

จองฤกษ์ถามแบบตัดใจยอมถวายหัวเป็นลูกศิษย์

มีสติสิวะ!”

พฤหัสพูดเรียบๆ แต่เล่นเอาจองฤกษ์งงเป็นไก่ตาแตกด้วยความคาดไม่ถึง

สติ?”

เออ!”

สติ?”

จองฤกษ์ครางซ้ำรอบสองพร้อมกลั้วหัวเราะอ่อยๆ

ใช่แล้วเพื่อน! เหลือเชื่อไหมล่ะว่าคนส่วนใหญ่เรียกไม่ถูกว่า สิ่งนั้น คือสติ! โดยมากมักพรรณนาว่าเสน่ห์คือมาดที่คมคายบ้าง บุคลิกที่ดูดีมีระดับบ้าง หรือหน่วยก้านที่เข้าท่าเข้าทีบ้าง เลยเก๊กกันจนน่าอึดอัด ความจริงคือตอนที่ใครสักคนเข้มแข็ง มีสง่าราศี ดูอบอุ่นน่าใกล้ชิด เขาไม่ได้ทำมากไปกว่ารู้ตัวว่ากำลังอยู่ที่ไหน กำลังนั่งหรือยืน กำลังเห็นหรือได้ยินอะไร ยิ่งถ้าทำได้ในระดับรู้ว่ากำลังคิดอะไรนะ จะเป็นพวกมีสติจริง จิตใจสดชื่นตื่นเต็มออกมาจากข้างใน อัดฉีดละอองเสน่ห์ออกมาแรงเป็นพิเศษ

จองฤกษ์ชักตามไม่ทันกับคำแนะนำแปลกๆของเพื่อน

คุณสมบัติข้ออื่นๆไม่ต้องนับเลยเหรอะ? อย่าง ความดี

ก็นับ แต่ไม่เท่าสติ มึงเคยเห็นคนเลวสติเข้มๆมีความน่ามองกว่าคนดีสติอ่อนๆไหม?”

อือม์…” ตรองตามแล้วจำต้องยอมรับ เคยว่ะ จริงของมึง เช่นมึงเนี่ยน่ามองกว่าคนดีๆอย่างกูเยอะเลย
พฤหัสหัวเราะหยัน

โถ! ไอ้คนดี ถุย!”

มีคำอธิบายประกอบทฤษฎีไหมว่าทำไมสติถึงเป็นหัวหน้าใหญ่สุดของการเป็นคนเจ้าเสน่ห์?”

มีซี่ พฤหัสสวนคำตอบแบบคนรู้ถ้วนถี่ไม่ตีบตันอั้นตู้ ใครๆมักเจาะลึกรายละเอียด สังเกตสังกาว่าคนเสน่ห์แรงต้องมีคุณสมบัติกี่ข้อ แต่กูมองไปอีกแบบหนึ่ง คือสังเกตว่าคนทั่วไปที่อยู่รอบๆตัวเรา ที่เสน่ห์น้อย หรือขาดเสน่ห์อย่าง

รุนแรงน่ะ มีคุณสมบัติสำคัญแตกต่างจากคนเสน่ห์แรงอย่างไร คำตอบนั้นง่ายมาก คนเกือบทั้งโลกขาดสติ และปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความเลื่อนลอย ความฟุ้งซ่านห่อเหี่ยว ขณะที่พวกพวกเจ้าเสน่ห์จะสติแรง มีความเป็นตัวของตัวเองเกือบตลอดเวลา โดยเฉพาะขณะที่กำลังอยู่กับคนอื่น

ผู้ฝากฝังตัวเป็นศิษย์ครุ่นคิดตาม แล้วจำนนด้วยความจริงที่เคยผ่านพบ

อือม์…”

มึงคงไม่รู้ตัว ตอนทำอะไรที่ถนัดอย่างเล่นแบดหรือตอนนั่งเล็งโปรแกรมหมื่นบรรทัดอยู่หน้าคอมพ์ มึงดูดีไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ คนเราตอนอยู่บนเวทีถนัดที่เอื้อให้สติฉายรัศมีออกมา ยังไงมันก็น่ามองด้วยกันทั้งนั้นแหละ กูจะเปรียบให้เข้าใจง่าย มึงน่ะเหมือนสิงห์ร้ายในสนามกีฬา เหมือนราชาที่หน้าคอมพ์ แล้วก็เหมือนไอ้ค่อมตอนใกล้หญิง!”

อือม์…”

จองฤกษ์ครางรับแบบเดิมอย่างติดนิสัย

มึงครางอือม์ๆๆด้วยความเคยตัว เห็นไหม? ถูกด่ายังเสือกครางออกมาอีก เหมือนอึ่งอ่างข้างคันนาไม่มีผิด นี่คือตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆ และนี่แหละความน่าเบื่อที่กูสังเกตได้จากคนทั่วไป ตอนครางอย่างนี้มันทำให้จิตใจคนฟังพลอยมัวมน ถ้ามึงไปครางต่อหน้าหญิงบ่อยๆ รู้ไว้เถอะว่าเขาจะเบื่อมึงเร็ว

จองฤกษ์กะพริบตาปริบๆและเริ่มสงบลง

จริงว่ะ แต่คนก็ครางอือออกันเป็นปกติไม่ใช่หรือ?”

ครางด้วยความเคยตัวกับครางรับรู้อย่างเต็มตื่นมันต่างกัน นานๆครางทีอย่างมีจังหวะน่ะโอเค แต่ถ้าติดกันบ่อยๆโดยไม่มีเหตุสมควร แปลว่ามึงกำลังเลื่อนลอยเรื่อยเจื้อยเป็นว่าวไม่มีหาง มันเป็นเครื่องสะท้อนอย่างหนึ่ง และนี่เป็นแค่หนึ่งในตัวอย่าง ความจริงมึงทำอะไรเห่ยๆได้เยอะนักตอนขาดสติไปตัวเดียว

จองฤกษ์ตั้งใจฟังพฤหัสพูดต่อโดยไม่คิดสับสนวุ่นวายเหมือนเมื่อครู่

โอเค พอจะเก็ตล่ะ

คนปกติทั่วไปจิตใจมัวมน ฟุ้งซ่านมากบ้าง น้อยบ้าง ใจแต่ละคนไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวหรอก มึงลองทบทวนดู ถ้านั่งใกล้ ได้พูดคุย หรือแค่เห็นสีหน้าสีตา อากัปกิริยาของพวกเหม่อจัด ฟุ้งจัด เครียดจัด เดี๋ยวเดียวใจเราจะพลอยฟุ้งยุ่งหรือมัวมนไม่สบายตามไปด้วย คลื่นจิตเป็นสิ่งที่รบกวนกันได้ อันนี้ทุกคนรู้ แต่ไม่เคยสังเกตจริงจัง แล้วก็ไม่มีหลักสูตรปรับปรุงกันเป็นเรื่องเป็นราว

จองฤกษ์ทบทวนแล้วพยักหน้าช้าๆ

เออว่ะ นั่งใกล้บางคนกูมึนๆเพลียๆอย่างกับไปว่ายน้ำวนมางั้นแหละ

คนไม่มั่นใจในเรื่องรักมักใช้วิธีทำตัวน่าสงสาร พูดจาให้ผู้หญิงเห็นใจ แต่ลองนึกดูว่าตอนเจอพวกขี้สงสารตัวเองเนี่ย มึงอยากให้ความสงสารบ้างไหม? พวกนั้นดีแต่ส่งคลื่นรบกวนมาทำให้จิตใจมึงพลอยมึนซึมหรือพลอยเป็นเดือดเป็นร้อน แต่นี่แหละ รู้ตัวเถอะ เสียงจ๋อยๆอย่างมึงตอนเนี้ยฟ้องว่าเริ่มเข้าข่ายเป็นแบบพวกนั้นแล้ว

จองฤกษ์พยักหน้าอีก เพราะตระหนักว่าเมื่อครู่ใหญ่ตอนละล้าละลังไม่กล้าโทร.นั้น เขาสงสารตัวเองมากมายเพียงไหน

อีกข้อ…” พฤหัสขยายต่ออย่างติดลม สติยังเป็นที่มาของความเป็นตัวของตัวเอง ความเป็นตัวของตัวเองเป็นที่มาของความแตกต่าง ความแตกต่างเป็นที่มาของความโดดเด่น ความโดดเด่นทำให้กล้าคิดกล้าพูดด้วยความเชื่อมั่นตาม

แบบฉบับของตัวเอง คนส่วนใหญ่ติดนิสัยเอาตามอย่าง เลยตกอยู่ในสภาพโหล ไม่น่าสนใจ แม้พยายามพูดจาหรือแสดงกิริยาท่าทีให้น่าสนใจก็ต้องคิดเลียนแบบดาราคนโปรดเสียก่อน ซึ่งดูแล้วขัดแย้ง เหมือนกำลังทำอะไรเว่อร์ๆ ไม่ใช่ตัวจริง

แล้วทำไงกูจะมีสติได้ดีๆอย่างมึงมั่ง?”

จองฤกษ์พยายามหาข้อสรุป

ก็หัดคิดถึงสิ่งที่กำลังจะต้องทำ อย่าไปคิดถึงสิ่งที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว หรือยังทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าปลูกฝังนิสัยคิดตัดใจทำอะไรเฉพาะหน้าบ่อยเข้า นานไปสติก็จะค่อยๆแข็งแรงขึ้นเอง อย่างกรณีของมึงเนี่ย ก็ต้องฝึกคิดถึงสิ่งที่ต้องพูด แล้วก็สิ่งที่ต้องฟัง เพราะส่วนใหญ่มึงขาดสติตอนคุยกับคน และที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะมึงไม่ค่อยเอาใจใส่สนใจมนุษย์มนาเขา!”

จองฤกษ์สูดลมหายใจลึก ยอมรับจากก้นบึ้งว่าเมื่อครู่เขามัวแต่คิดวางแผนว่าจะพูดอะไรเสียจนลืมคำง่ายๆพูดได้สบายๆเช่น สวัสดี ถ้าเพียงคิดคำนี้ออก เขาคงคุยกับณชะเลมาเป็นชั่วโมงแล้ว

พอคิดให้ยาก สมองก็ทำงานยุ่งเหยิงไปหมด แต่ถ้าคิดให้ง่าย สมองก็ทำงานสะดวกขึ้นเยอะ

มึงไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหนนักวะ?”

สังเกตเอาซิ! มึงเชื่อไหมว่าคนทั้งโลกไม่กล้าแม้แต่สังเกตสิ่งที่เห็นกันอยู่จะจะ ไม่กล้าหาคำอธิบายให้ตัวเอง ไม่กล้าสรุปสิ่งที่ตัวเองรู้เห็นออกมาเป็นคำพูด เพราะไม่เชื่อว่าสามารถคิดเองได้ถูก

เป็นนาทีที่จองฤกษ์เพิ่งรู้จักเพื่อนในอีกแง่มุมหนึ่ง เขารู้สึกทึ่ง เพราะที่ผ่านมาตลอดเห็นแค่พฤหัสดีแต่เจ้าชู้หลอกฟันสาวไปวันๆ เพิ่งเห็นเดี๋ยวนี้ว่าพวกเสน่ห์แรงที่มีโอกาสจีบสาวบ่อยๆจะเข้าใจอะไรเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ลึกซึ้งยิ่ง

อือม์…” จองฤกษ์เผลอครางแบบสติมัวๆเช่นเคย แต่พอรู้สึกตัวก็เกือบกัดลิ้น มึงนี่ก็ไม่เลวนะ

ใช่ซี กูเป็นคนดีนี่ จะเลวได้ยังไง

จองฤกษ์ยิ้มมุมปาก สมองปลอดโปร่งกว่าชั่วโมงที่ผ่านมาอย่างประหลาด เหมือนเห็นทางโปร่งโล่งไปหมด

ขอบใจมากนะต่อย ทีแรกกูเกือบจะต้องพึ่งคุณไสยเสียแล้ว

พฤหัสฟังแล้วชักอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาตงิดๆ เพราะหากสาวที่จองฤกษ์กำลังคิดจีบเป็นยายแห้งไร้ราคาดังคาด ท่าทีของเพื่อนคงไม่เหมือนคนกำลังพยายามเอื้อมมือเด็ดดอกฟ้าขนาดนี้

สวยเหรอวะ เด็กมึง?”

ก็เท่าที่มึงจะจินตนาการได้ว่าสวยที่สุดเป็นยังไง

นั่นแน่! ชักพูดเก่งนะมึง…”

พูดพลางยิ่งทวีความอยากเห็นหน้าสาวของจองฤกษ์มากขึ้นถึงระดับรุนแรงปุบปับฉับพลัน

ขอดูรูปหน่อยได้ป่าววะ?”

ไม่มี บอกแล้วไง เพิ่งเจอวันนี้เองหลังจากห่างไปเสียหลายปี

คำตอบทำให้พฤหัสคันคะยิกขึ้นมาในอกเพราะอยากเห็นแล้วไม่ได้เห็น

ยังไงพามาดูตัวบ้างก็แล้วกัน

เออ! ไว้สนิทกว่านี้จะชวนมาให้ดูตัว

สุ้มเสียงอยากอวดของจองฤกษ์ยิ่งเหมือนเป็นเครื่องประกันว่ายายคนชื่อทรายนี่ไม่กระจอกแน่ พฤหัสหัวเราะอย่างมีอารมณ์ร่วมครึ้มใจ

ดีเหมือนกัน มึงจะได้เปิดบริสุทธิ์ซะที ไม่มีประสบการณ์ก่อนยี่สิบน่ะคนเขาจะนึกว่ามึงถูกตอนตั้งแต่เด็กๆ ยังหนุ่มยังแน่นเนี่ยมึงรีบฟันซะเถอะสาวเอ๊าะๆน่ะ ไม่งั้นตอนแก่ต้องเสียแพงนะโว้ย

จองฤกษ์ฟังคำยุแล้วหน้าเคร่งลงเล็กน้อย คำแนะนำอื่นของเพื่อนเขารับหมด แต่มาถึงทางแยกก็ตรงเรื่องพรรค์นี้เอง แม้ไม่เข้าใจธรรมชาติของจิตและอารมณ์คนเท่าพฤหัส แต่จองฤกษ์ก็เชื่อมั่นว่าตัวเองมีใจจริง กับทั้งเชื่อด้วยว่าใจจริงเท่านั้นทำให้คนเราเก็บความรู้สึกดีๆระหว่างมีความรักไว้ได้!



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น