วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ไม่ฆ่าสัตว์แต่กินเนื้อสัตว์ได้ อธิบายอย่างไร?

ถาม : ต้องทำงานกับชาวต่างชาติเยอะ จะมีปัญหาเรื่องการอธิบายว่าทำไมเราถือศีล ๕ ไม่ฆ่าสัตว์แต่เราทานเนื้อสัตว์ได้ เขาจะคิดว่ามันไม่เมคเซนส์ (make sense) จะมีวิธีอธิบายอย่างไรง่ายๆให้เขาเข้าใจไหมคะ

รับฟังทางยูทูบ :  https://youtu.be/DW9cTFWNm1I
ดังตฤณวิสัชนา หลังพิธีบรรจุพระบรมธาตุครั้งที่ ๓
ในโครงการ
พระประธานทั่วหล้า
อาทิตย์ที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๙

ดังตฤณ: 
อันนี้ถ้าอยู่ๆเนี่ย ไปพูดแบบเป็นเหตุเป็นผล เหมือนกับบอกว่าไม่ฆ่าสัตว์ แต่ว่ากินเนื้อสัตว์นี่ ฟังทั้งโลกน่ะ แม้แต่ตัวเราเอง บางทีเราก็ต้องสงสัยนะว่า เอ๊ะ! มันไม่ขัดแย้งกันหรือ? ไม่ขัดแย้งกันครับ คือว่าดูที่กำลังใจ เวลาที่เรากินเนื้อเนี่ย เราไม่ได้อาศัยกำลังใจที่จะไปฆ่าฟัน หรือว่ากระทั่งไปไหว้วานให้ใครเขาทำเนื้อมาให้เรา

ดูที่กำลังใจ ถามตัวเองว่า เราเจตนาฆ่าสัตว์สักตัวไหม? เราอยากให้สัตว์สักตัวได้ตายไหม? เราอยากจะเอาเนื้อสัตว์ที่เราเห็นว่าถูกฆ่าตายมากินไหม? มันไม่มีสักอย่าง 

การปรุงแต่งจิตเนี่ย
มันไม่ได้เกิดขึ้นในแบบที่จะเอาเลือดเอาเนื้อใคร
แต่มันเห็นอยู่แล้วว่ามีศพสัตว์
เห็นอยู่แล้วว่ามีเนื้ออยู่ในจาน
แล้วก็เอามากิน 
คือกำลังใจของเราเนี่ย
แค่เอาเนื้อที่อยู่ในจานมากิน

ถามว่าแบบนี้เป็นการเล่นลิ้นหรือเปล่า? เหมือนกับจะแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆหรือเปล่า? มันไม่ใช่การแก้ตัวนะ ก่อนที่เราเกิดมา มันก็มีสัตว์ตายอยู่แล้ว มันมีวงจรของมันอยู่ พุทธศาสนาเป็นศาสนาของเหตุผล คือว่าการที่จะต้องมีคนฆ่าสัตว์ แล้วมีสัตว์ต้องตายเพราะถูกฆ่าเนี่ย มันเป็นกงกำกงเกวียน คือเคยทำเขาไว้มา ในที่สุดก็ต้องมาชดใช้ หรืออย่างพระบางท่านบอกว่า ถ้าหากว่าบวชแล้วไม่เจริญสติให้คุ้มค่าชาวบ้าน บางทีไปเกิดเป็นวัวก็มี อะไรแบบนี้ เพื่อที่จะชดใช้ เอาเลือดเนื้อตัวเองชดใช้

ในแง่ของกรรมวิบากมันมีคำอธิบายอยู่ว่า ทำไมถึงต้องไปเกิดเป็นสัตว์ที่ถูกคนไปเอามาฆ่า เอามากิน แล้วถ้าหากว่าเราอยู่อย่างนี้ แล้วเราไม่กินเนื้อสัตว์เลย ถามว่าสัตว์ยังจะต้องตกตายอยู่ไหม มันก็ยังมีอยู่ดี เพราะคนทั้งโลกเขากินกัน หรือบางทีไม่ได้ฆ่าเพื่อกิน บางทีฆ่าเพื่อสนุกก็มี บางทีฆ่าเพื่อที่จะเอาเนื้อหนังก็มี มาทำอย่างอื่น มาเป็นเครื่องประดับ มาอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นพูดง่ายๆว่าชีวิตของเราไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับโลกขึ้นมาได้แน่นอน

แต่ถ้าหากว่า ใครอยากจะกินมังสวิรัติหรือว่ากินเจ ด้วยเจตนาว่าจะได้ไม่ต้องมีสัตว์ที่ตกตาย ที่ถูกนำมาฆ่าด้วยความต้องการของเรา หรือเราเป็นส่วนหนึ่งในดีมานด์ (Demand) ในกระแสการฆ่าฟันแบบนี้นี่ มันก็ได้บุญ คือได้ความรู้สึกเมตตา ไม่อยากที่จะให้สัตว์ต้องมาตายเพราะว่ามีเราเกิดมา

แต่ว่าไม่ได้หมายความว่าการที่เราเป็นมังสวิรัติหรือว่าการที่เรากินเจนี่ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นมาในระดับของสังสารวัฏ เพราะสังสารวัฏคือวงจรกรรมวิบาก เมื่อฆ่าในที่สุดก็ต้องถูกฆ่า เมื่อเอาเลือดเอาเนื้อเขามา ในที่สุดก็ต้องเอาเลือดเอาเนื้อไปชดใช้เขา

แต่สำหรับคนกินเฉยๆ มันไม่ได้อาศัยกำลังใจในการฆ่า มันไม่รู้อยู่ก่อนว่าสัตว์ตัวไหนจะมาตายเพื่อเรา อันนี้ก็ไม่ใช่ถือว่าเป็นการทำปาณาติบาต

เหมือนอย่างที่พระเทวทัตทูลขอพระพุทธเจ้าว่า ขอให้พระพุทธเจ้าบัญญัติพระวินัยไม่ให้พระภิกษุสงฆ์ฉันเนื้อสัตว์  พระพุทธเจ้าไม่ยอมเพราะว่า เหตุผลของท่านก็คือว่าชาวบ้านเขาอยู่กันอย่างนี้ เขากินกัน แล้วเราจะมาเรื่องมากทั้งๆที่เราไปเป็นฝ่ายขอเขาเนี่ย จะขอแต่ผัก จะขอแต่สิ่งที่มันไม่ใช่เนื้อสัตว์เนี่ย มันผิดวิสัยของผู้ขอ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น